โดนัลด์ ทรัมป์เป็นอดีตประธานาธิบดีก็จริง แต่ก็ยังมีอิทธิพลเหนือกลุ่มคนอเมริกันอนุรักษนิยมเกือบทั้งประเทศ และคนเหล่านี้ยังพร้อมที่จะฟังคำชี้แนะของอดีตผู้นำทำเนียบขาว
การมีอิทธิพลต่อความคิดของคนอเมริกันส่วนใหญ่ผิวขาวซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษนิยมนั้น มีความหมายมากสำหรับโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะหวังชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกหนึ่งสมัยในอีก 4 ปีข้างหน้าเมื่อ โจ ไบเดน ครบสมัยแรก
วันอังคารที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ไปออกทีวีช่องฟ็อกซ์นิวส์และเรียกร้องให้คนรีพับลิกันที่สนับสนุนตัวเองไปรับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อโคโรนาไวรัส และย้ำอีกว่าวัคซีนเป็นของดีและสร้างความปลอดภัยให้กับชีวิต
นี่ถือว่าเป็นจุดยืนและท่าทีของโดนัลด์ ทรัมป์ที่ดูเหมือนจะเห็นความสำคัญว่าการฉีดวัคซีนเป็นเรื่องจำเป็นเพราะในช่วงที่ยังเป็นประธานาธิบดีอยู่นั้น ตัวเองไม่ได้แสดงออกว่าจะเห็นชอบกับการกระทำอย่างนั้น
ตัวโดนัลด์ ทรัมป์และภริยาได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเป็นความลับในทำเนียบขาวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาก่อนจะอำลาตำแหน่ง ซึ่งช่วงนั้นตัวของนักการเมืองมหาเศรษฐีจอมห้าวยังทำตัวเป็นคนหัวดื้อไม่ยอมรับเรื่องโคโรนาไวรัส ด้วยซ้ำ
ท่าทีการตอบสนองครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่โจ ไบเดนได้เอ่ยว่าตัวโดนัลด์ ทรัมป์ควรจะบอกให้คนรีพับลิกันได้เข้ารับการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ตัวโจ ไบเดนเองได้ประกาศแผนช่วงหลังรับตำแหน่งว่า จะฉีดวัคซีนให้คนอเมริกันมากถึง 100 ล้านคนใน 100 วันแรกของการทำงานในตำแหน่งประธานาธิบดี
ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์จะยอมเอ่ยปากให้คนรีพับลิกันฉีดวัคซีนนั้น โฆษกประจำทำเนียบขาวนางเจน ซากิ ก็ได้แถลงว่าจะเป็นการดีถ้าหากว่าอดีตประธานาธิบดีช่วยพูดจาให้คนอเมริกันฉีดวัคซีน และทางเราก็จะสนับสนุนท่าทีเช่นนั้น
คำประกาศมีความหมายเพราะทุกวันนี้คนอเมริกันส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนและเข้าเป้าของโจ ไบเดนทำให้ผู้ติดเชื้อรายวันลดลงอย่างมากจากระดับกว่า 3 แสนรายต่อวัน มาเป็นต่ำกว่า 5 หมื่นราย และยอดผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็ต่ำกว่า 1 พันรายต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าประเทศบราซิลที่ยังเผชิญกับการระบาดอย่างมาก
โดยปกติแล้วคนอเมริกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอนุรักษนิยมมักจะเชื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองหรือแนวความคิดเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับนโยบายเหยียดสีผิวหรือโน้มเอียงไปทางแนวคิดแบบขวาจัด
แม้แต่ตัวโดนัลด์ ทรัมป์เองก็ถูกตำหนิอย่างแรงในช่วงที่ยังอยู่ในทำเนียบขาวเมื่อถูกมองว่าไม่ใส่ใจกับความพยายามต่อสู้กับการระบาดของโคโรนาไวรัส ซึ่งทำให้คนอเมริกันเสียชีวิตมากกว่า 5 แสนราย
ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในกลุ่มคนอเมริกันเพิ่งจะลดลงหลังจากที่โจ ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง และเร่งระดมฉีดวัคซีนเพื่อเปิดช่องให้ดำเนินนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
ส่วนหนึ่งของแรงจูงใจที่โจ ไบเดน ได้ให้คนอเมริกันร่วมมือกันฉีดวัคซีนเพราะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการเป็นยอดเงินรวมถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งคนจะได้รับการแจกเงินเพื่อยังชีพและการช่วยเหลือด้านอื่นๆ
ส่วนหนึ่งของการประสบความสำเร็จก็คือ การกระจายวัคซีนไปทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา และอดีตประธานาธิบดีทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังออกมารณรงค์ให้คนพร้อมใจขอรับการฉีดวัคซีนด้วย
โดนัลด์ ทรัมป์เป็นอดีตประธานาธิบดีคนล่าสุดที่ออกมากล่าวสนับสนุนโครงการนี้
สำรวจกระทำโดยสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ มีตัวเลขให้เห็นว่าคนสังกัดพรรค รีพับลิกัน 3 ส่วนจะไม่ได้รับวัคซีนเมื่อมีโอกาสเทียบกับกลุ่มคนสังกัดพรรคเดโมแครตซึ่งจะมีส่วนถึง 10%
ในสหรัฐอเมริกากระแสของความหวาดกลัวเรื่องผลกระทบข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนไม่มากนักเมื่อเทียบกับยุโรป เพราะคนอเมริกันส่วนใหญ่ได้รับการฉีดจากของไฟเซอร์และโมเดิร์นนา และมีส่วนน้อยที่เป็นของแอสตร้าเซนเนก้าซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงกันในหลายประเทศว่าปลอดภัยหรือไม่
หลายประเทศหลักในกลุ่มประชาคมยุโรปได้ระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งผลิตในประเทศอังกฤษโดยถูกมองว่าเป็นต้นตอของปัญหาลิ่มเลือดในกระแสโลหิตทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย แม้จะมีคำรับรองจากองค์การอนามัยโลกและหน่วยงานทางการแพทย์ของยุโรปว่าไม่มีปัญหาก็ตาม
สุดท้ายคนทั้งโลกก็จะต้องต่อสู้กับการระบาดซึ่งทุกวันนี้ทั้งโลกนั้นตัวเลขยังอยู่ระหว่าง 3-4 แสนราย และผู้เสียชีวิตเกือบ 1 หมื่นรายต่อวัน ซึ่งดูแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีตัวไวรัสกลายพันธุ์มาสร้างปัญหา ซึ่งทำให้ประเทศยุโรปโดยเฉพาะอิตาลีต้องปิดล็อกครั้งที่ 3
ทั่วโลกอาจจะฉีดวัคซีนได้มากเป็นส่วนใหญ่ในปีหน้า ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นต้องรอดูว่าจะมีเชื้อกลายพันธุ์อีกกี่สายและทั้งโลกจะรับมืออย่างไร การดูแลรักษาสุขภาพส่วนบุคคลยังเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด