สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯในวันพุธ (10 มี.ค.) เห็นชอบขั้นสุดท้ายหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา ไฟเขียวร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบโควิด-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ มอบชัยชนะครั้งสำคัญหนแรกแก่ประธานาธิบดี โจ โบเดน
พวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่า มาตรการนี้ซึ่งจะจัดสรรเงิน 400,000 ดอลลาร์ สำหรับจ่ายเงินโดยตรงสู่อเมริกันชนส่วนใหญ่รายละ 1,400 ดอลลาร์ และ 350,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับช่วยเหลือรัฐบาลรัฐต่างๆ และรัฐบาลท้องถิ่น เช่นเดียวกับขยายมาตรการลดหย่อนภาษีบุตร และเพิ่มเงินทุนสำหรับโครงการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 จะช่วยเติมพลังครั้งมหาศาลแก่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
“ความช่วยเหลืออยู่นี่แล้ว” ไบเดน เขียนบนทวิตเตอร์หลังจากการโหวต ในขณะที่ทำเนียบขาวเผยว่าประธานาธิบดีรายนี้มีแผนลงนามในร่างดังกล่าววันศุกร์ (12 มี.ค.)
มติเห็นชอบ 220 ต่อ 211 เสียง ในสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯที่เดโมแครตครองเสียงข้างมาก เกิดขึ้นโดยไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากรีพับลิกันเลยแม้แต่คนเดียว ตามหลังการโต้เถียงกันแบบแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสภาคองเกรสนานหลายสัปดาห์ โดยพรรคเดโมแครตให้คำจำกัดความร่างกฎหมายนี้ ว่า เป็นการตอบสนองที่สำคัญยิ่งต่อโรคระบาดใหญ่ ซึ่งคร่าชีวิตอเมริกันชนไปแล้วมากกว่า 528,000 ราย และหลายล้านคนต้องตกงาน
สมาชิกรีพับลิกันมองว่า มาตรการนี้ใช้งบประมาณสูงเกินไป เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ได้มีการอนุมัติเงินแพกเกจ 9 แสนล้านดอลลาร์ไปแล้ว และเต็มไปด้วยลำดับความสำคัญที่เปล่าประโยชน์ พร้อมระบุว่า ระยะเลวร้ายที่สุดของวิกฤตสาธารณสุขครั้งหนักหนาที่สุดในรอบกว่าศตวรรษ ส่วนใหญ่ผ่านพ้นไปแล้ว และเศรษฐกิจกำลังมุ่งหน้าสู่การฟื้นตัว
พรรคเดโมแครตกระตือรือร้นผลักดันร่างกฎหมายสุดท้ายสู่โต๊ะทำงานของไบเดน เพื่อให้เขาลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายก่อนวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานในปัจจุบันจะหมดอายุลง
แม้สมาชิกรีพับลิกันจำนวนมากสนับสนุนแผนเยียวยากระทบโควิด-19 ภายใต้รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่กลับไม่มีสมาชิกรีพับลิกันรายใดเลยที่ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวในสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นที่นิยมในหมู่ประชาชน โดยผลสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศที่จัดทำโดยรอยเตอร์ และ อิปซอส ระหว่างวันที่ 8-9 มีนาคม พบว่า มีชาวอเมริกาถึง 70% ที่สนับสนุนมาตรการนี้ ในนั้นรวมถึงเสียงส่วนใหญ่ของเดโมแครต และ รีพับลิกัน โดยในหมู่ชาวรีพับลิกัน พบว่า มี 5 จาก 10 คนที่สนับสนุนแผนนี้ ส่วนชาวเดโมแครต สนับสนุนแพกเกจดังกล่าวถึง 9 ใน 10 คน
ร่างกฎหมายนี้อาจเป็นการวางเดิมพันขั้นสูงสำหรับทั้งสองพรรค โดยหากประสบความสำเร็จในการกระตุ้นเศรษฐกิจ มันก็น่าจะช่วยเพิ่มความรุ่งเรืองทางการเมืองแก่พรรคเดโมแครต ในขณะที่พวกเขาพยายามรักษาเสียงข้างมากปริ่มน้ำในสภาคองเกรสไปจนถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอมปี 2022
ทั้งนี้ มีสมาชิกเดโมแครตรายเดียว นั่นก็คือ จาเรด โกลเดน จากรัฐเมน ที่โหวตคัดค้านแพกเกจเยียวยา โดยเขาระบุว่า งบประมาณที่ค่อนข้างสูงจะก่ออันตรายต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ด้วยที่เดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏร 221-211 เสียง พวกเขาจึงยังสามารถสูญเสียคะแนนเสียงของสมาชิกพรรคบางส่วน และไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากรีพับลิกัน ในการผ่านร่างกฎหมาย
เวอร์ชันที่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา ในศึกอภิปรายแบบมาราธอนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ถอนข้อเสนอปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแก่พนักงานของรัฐบาลกลางเป็น 15 ดอลลาร์ตต่อชั่วโมง ภายในปี 2025 ยกระดับความเข้มงวดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือโดยตรง 1,400 ดอลลาร์ กำหนดเพดานสูงสุดไว้ที่บุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่า 80,000 ดอลลาร์ต่อปี ปรับลดวงเงินเพิ่มสวัสดิการว่างงานจาก 400 ดอลลาร์ เหลือ 300 ดอลลาร์ และเล็งเป้าช่วยเหลืออย่างเจาะจงแก่รัฐบาลรัฐและรัฐบาลท้องถิ่นบางแห่ง ไปจนถึงเหล่าชุมชนขนาดเล็ก
ประกอบกับความพยายามยกระดับโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้เร็วขึ้นและอัตราผู้ติดเชื้อกำลังชะลอตัวลง การใช้จ่ายเงินครั้งมโหฬารนี้ จึงถูกมองในฐานะตัวขับเคลื่อนหลัก สำหรับผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐฯสู่แนวโน้มที่สดใสอย่างรวดเร็ว
ด้วยเวลานี้ร่างเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ผ่านพ้นไปแล้ว ความสนใจจึงหันไปสู่กฎหมายสำคัญต่างๆ นานา ที่ไบเดนวางเป้าหมายผลักดันผ่านความเห็นชอบ ในนั้นรวมถึงการลงทุนครั้งใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐาน ปฏิรูปคนเข้าเมืองและประเด็นโลกร้อน
(ที่มา: รอยเตอร์)