xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อผู้ไม่ประสงค์จะออกนามเผาโรงงานจีนในพม่า!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



วันนี้...สงสัยต้องแวะกลับมาแถวๆ บ้านใกล้-เรือนเคียง หรือแถวๆ พม่า เมียนมากันอีกรอบ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องการไล่ทุบ ไล่ถีบ ไล่จับ ไล่ฆ่า ฯลฯ หรือการใช้ความรุนแรงระหว่างฝ่ายเผด็จการทหารพม่ากับบรรดาประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย จะยังคงดุเดือดเลือดพล่าน ฆ่าแล้ว-ฆ่าอีก ตายแล้ว-ตายอีก อย่างแทบมองไม่เห็นมุมจบเอาเลยแม้แต่น้อย แต่โดยแนวโน้มของสถานการณ์ ยังน่าจะถูก “ยกระดับ” ให้เกิดความซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ หนักหนาสาหัสยิ่งขึ้นไปอีก อย่างชนิดน่าห่วง น่าใจหาย และน่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง...

เพราะช่วงบ่ายแก่ๆ วันอาทิตย์ (14 มี.ค.) ที่ผ่านมา...บรรดา “ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม” แต่หนักไปทาง “ประสงค์ร้าย” อยู่แล้วแน่ๆ ได้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ประมาณ 20-30 คัน แบกท่อนเหล็ก ท่อนไม้ ขวาน และ “ถังน้ำมันเชื้อเพลิง” จัดรูปขบวน แปรขบวน มุ่งไปยังโรงงานผลิตเสื้อผ้าของนักลงทุนชาวจีนประมาณ 2 โรงด้วยกัน คือโรงงาน “Huanqiu” และ “Meijie” ในเขตอุตสาหกรรม “Shwe Lin Ban Industrial Zone” ในย่าน “Hlaing Thar Yar” ณ กรุงย่างกุ้ง จากนั้นก็ไล่ทุบทำลายอาคารและทรัพย์สิน เล่นงานคนงานชาวจีนชนิดบาดเจ็บสาหัสกันไปมิใช่น้อย ก่อนราดน้ำมันเบนซินตั้งแต่ประตูทางเข้าแล้วจุดไฟเผา แบบชนิด “เผามันเลยครับพี่น้อง...ผมรับผิดชอบเอง” อะไรประมาณนั้น แถมโรงแรม และร้านค้าของคนจีนไม่ต่ำกว่า 10 แห่งขึ้นไป ยังถูกเล่นงานในลักษณะดังกล่าว จนทำให้ทางการจีนย่อมมิอาจ “อมเชาวริน” หรือ “เอามือซุกหีบ” ต่อไปได้อีกแล้วแน่ๆ!!!

เรียกว่า...ถึงขึ้นสื่อทางการของจีน อย่าง “Global Times” ต้องหยิบเอามาไล่เรียงไว้ในบทนำ หรือบทบรรณาธิการ เมื่อช่วงวันจันทร์ (15 มี.ค.) ที่ผ่านมา ในชื่อเรื่อง “Perpetrators who violently attacked Chinese factories in Myanmar must be severely punished.” หรือต้องออกมาเรียกร้อง ปลุกกระตุ้น ให้ทางการพม่าเร่งหาคนผิดที่ใช้ความรุนแรงต่อโรงงานและคนงานของจีน เอาตัวมาลงโทษอย่างชนิดหนักหน่วงรุนแรงให้จงได้ รวมทั้งเพื่ออธิบายถึง “จุดยืน” ของรัฐบาลจีนต่อฉากสถานการณ์ในพม่า อย่างเป็นเหตุเป็นผล และเป็นทางการกันอีกครั้ง หรือโดยสรุปง่ายๆ ก็คงประมาณว่า...จีนก็คงไม่ได้ต่างอะไรไปจากบรรดาประเทศในตะวันออก อย่าง “อาเซียน” นั่นแหละ ที่ไม่เพียงแต่ไม่สบายใจต่อเหตุการณ์รัฐประหารที่อุบัติขึ้นมาในประเทศพม่า อย่างชนิดไม่มีปี่-ไม่มีขลุ่ย อีกทั้งยังเห็นพ้องต้องกันกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในอันที่จะเรียกร้องให้บรรดาทหาร หรือเผด็จการพม่า เร่งปล่อยตัวผู้นำพลเรือน อย่าง “นางอองซาน ซูจี” หรือประธานาธิบดี “วิน มินต์” รวมทั้งนักการเมืองที่ถูกจับกุม คุมขัง ในคราวนี้ แต่ทั้งนั้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจีนและอาเซียนก็ตาม ต่างก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการเข้าไป “แทรกแซงกิจการภายใน” ของพม่า แบบที่บรรดาประเทศอเมริกาและตะวันตกแสดงออกถึงความปรารถนาและต้องการ...

แต่นอกเหนือไปจากความปรารถนาและต้องการในการ “แทรกแซงกิจการภายใน” ของพม่าแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องถือเป็นความปรารถนาและต้องการเอามากๆของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ก็คือการหาทาง “ถีบจีน” ออกไปให้พ้นๆพม่าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ หรือต้องการที่จะลดบทบาทและอิทธิพลของจีนไม่ว่าภายในพม่า ในภูมิภาค หรือในระดับโลกก็ตามที ดังนั้น...การหยิบเอาความเลวร้ายของ “เผด็จการพม่า” มาใช้เป็นเงื่อนไข ข้ออ้าง ในการ “เผาโรงงานจีน” ให้มอดไหม้ วอดวายกันไปเป็นแถบๆ จึงย่อมกลายเป็นการ “ยิงนัดเดียวได้นกทั้งฝูง” ด้วยประการละฉะนี้ การปล่อยข่าว การยุแยงตะแคงรั่วให้ชาวพม่าหันไป “เกลียดจีน” จึงเป็นไปอย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ ไม่ว่าการออกข่าวว่ากองทัพจีนพยายามส่งความช่วยเหลือให้กับ “เผด็จการพม่า” ด้วยการขนที่ปรึกษาด้านอินเทอร์เน็ต มาช่วยทหารพม่าเล่นงานประชาชนพลเรือนเป็นฝูงๆ หรือการยั่วยุโดยองค์กรเอกชนอย่าง “Burma Human Rights Network” หรือ “BHRN” อันมีฐานที่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ให้ “เผามันเลยครับพี่น้อง...ผมรับผิดชอบเอง” อะไรทำนองนั้น ก่อนหน้าวันที่โรงงานของชาวจีนจะถูกเผาแค่ 2 วันเท่านั้นเอง...

แม้ว่าการยุให้ชาวพม่าเกลียดจีน และกลัวจีนนั้น...ออกจะเป็นอะไรที่สอดคล้องกับความปรารถนาและต้องการของบรรดาทหารพม่า หรือ “เผด็จการพม่า” อยู่ไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าหยิบเอาคำพูด คำให้สัมภาษณ์ของล็อบบี้ยิสต์ชาวแคนาดาเชื้อสายยิว อย่าง “นายอารี เบน-เมนาเช” (Ari Ben-Manashe) ที่ได้รับการว่าจ้างโดยนายทหารพม่าอย่าง “พลเอกMya Tun Oo” มาคิดๆ เอาไว้มั่ง นั่นก็คือความกลัวจีน หรือ “ระแวงจีน” ที่กำลังเพิ่มขึ้นๆ ในหมู่ทหารพม่า ทำให้บรรดานักรัฐประหารคราวนี้ กำลังพยายามที่จะหาทาง “ปลีกตัวออกห่าง” จากจีนที่มีความสนิทสนมกลมกลืน กับรัฐบาลพลเรือนของ “นางอองซาน ซูจี” มิใช่น้อย แล้วหันไป “ปรับปรุงสัมพันธภาพ” กับอเมริกาและตะวันตกกันแทนที่ ความปรารถนาและต้องการของพวก “องค์กรเอกชน” ผู้ฝักใฝ่ตะวันตกในพม่า กับความปรารถนาและต้องการของ “เผด็จการพม่า” จึงกลายเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” ไปด้วยประการละฉะนี้...

อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยชักเป็นอะไรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งเมื่อกองทัพพม่าได้ตัดสินใจเปิดฉากโจมตีต่อบรรดากองกำลังชนกลุ่มน้อยที่ให้การสนับสนุนการประท้วงคราวนี้ อย่างไม่ลังเลเอาเลยแม้แต่น้อย อย่างน้อยก็ภายใน 2 รัฐ หรือ 2 ภาคด้วยกัน คือกองกำลัง “กะเหรี่ยง” และกองกำลัง “รัฐฉาน” ที่ต่างก็มีอาวุธครบมือไปด้วยกันทั้งคู่ กองทัพจีนที่คลาคล่ำอยู่ตลอดแนวพรมแดนจีน-พม่า มีสัมพันธ์อันสนิทแนบแน่นกับบรรดากองกำลังชนกลุ่มน้อยไม่รู้กี่กลุ่มต่อกี่กลุ่มมาโดยตลอด จะยังคง “เอามือซุกหีบ” หรือยังจะ “อมเชาวริน” ต่อไปเรื่อยๆ หรือไม่ อย่างไร ก็ยังยากที่จะคาดคำนวณได้ง่ายๆ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อโรงงาน โรงแรม กิจการลงทุนของชาวจีนในพม่า ถูกเผา ถูกทำลาย ชนิดอาจลุกลามไปถึง “กิจกรรมทางยุทธศาสตร์” ของจีนในพม่า ขึ้นมาวันใด-วันหนึ่งก็ไม่แน่ ไม่ว่าในทวาย ยะไข่ คะฉิ่น และฉาน ฯลฯ ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ความเคลื่อนไหว การยกระดับ พัฒนา ฉากสถานการณ์ต่างๆ ในพม่า จึงเป็นอะไรที่คงต้องเร่งจับตาอย่างมิอาจ “กะพริบตา” ได้เป็นอันขาด...

ยิ่งเมื่อความพยายามควานหา “พันธมิตร” ในการ “ต่อต้านจีน” ของคุณพ่ออเมริกา กำลังเข้มข้นกำลังเป็นไปอย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการยิ่งขึ้นเรื่อยๆ การหาทาง “กระชากพม่าออกมาจากอ้อมอกจีน” ด้วยกรรมวิธีใดๆ ก็แล้วแต่ จึงทำให้ฉากสถานการณ์ในพม่าทุกวันนี้ อาจถูกยกระดับไปถึงขั้น “ลิเบีย” หรือ “ซีเรีย” เอาเลยก็ยังได้!!! และนั่นเอง...ที่ยิ่งจะทำให้บรรดา “ประชาชนผู้บริสุทธิ์” ทั้งหลาย ย่อมต้องตกเป็น “เหยื่อ” ของเกมอำนาจในแต่ละเกม ชนิดน่าห่วง น่าใจหาย น่าวิตกกังวล เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากโดยประวัติศาสตร์ความเป็นมาแห่ง “อำนาจ” ทุกสิ่งทุกอย่าง...ย่อมหนีไม่พ้นไปจากคำพูด คำบรรยาย และคำโหยหวนครวญคราง ในบทเพลงของคุณน้า “หงา คาราวาน” ของหมู่เฮานั่นเอง นั่นคือ... “เป็นไพร่พล-ประชาชนก็คือเบี้ย-แล้วก็โดยเขี่ยแบบลิ่วล้อในหนังจีน” นั่นแล...




กำลังโหลดความคิดเห็น