ม็อบพม่าไม่หวั่นโดนไล่จับแกนนำกลางดึก ล็อบบี้ยิสต์อ้างทหารเล็งปรับสัมพันธ์สหรัฐฯ

รอยเตอร์ - ตำรวจเมียนมายิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมของฝูงชนนับหมื่น ในเมืองมัณฑะเลย์ ในวันอาทิตย์ (7 มี.ค.) นอกจากนั้น ยังมีการประท้วงและการปราบปรามของกองกำลังความมั่นคงในอีกหลายเมืองทั่วประเทศ หลังจากเมื่อคืนวันเสาร์ (6 มี.ค.) ตำรวจไล่จับกุมเหล่าแกนนำ ขณะที่ล็อบบี้ยิสต์ยิว-แคนาดา ที่รัฐบาลทหารจ้างมา ระบุ ซูจีสนิทจีนเกินไป และกองทัพต้องการปรับความสัมพันธ์กับอเมริกา พร้อมตีตัวออกห่างปักกิ่ง

ภาพจากวิดีโอเผยให้เห็นตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและขว้างระเบิดแสงใส่ผู้ประท้วงในเมืองย่างกุ้งและล่าเสี้ยว ด้านผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเล่าว่า ตำรวจยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมในพุกาม และประชาชนหลายคนโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ว่า ตำรวจใช้กระสุนจริง กระนั้น ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ขณะเดียวกัน กลุ่มสื่อเมียนมา นาว ได้โพสต์วิดีโอภาพทหารรุมทำร้ายผู้ประท้วงหลายคนในย่างกุ้ง ซึ่งมีการชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารอย่างน้อย 3 จุด แม้กองกำลังความมั่นคงบุกตรวจค้นและจับกุมแกนนำการประท้วงและนักกิจกรรมเมื่อคืนวันเสาร์ก็ตาม

สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า กองกำลังความมั่นคงพม่าสังหารประชาชนไปอย่างน้อย 50 คน เพื่อปราบปรามการประท้วงและการนัดหยุดงานที่เกิดขึ้นทุกวันนับจากที่กองทัพยึดอำนาจและควบคุมตัวอองซาน ซูจี ผู้นำที่ได้รับเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์

สมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งโพสต์บนเฟซบุ๊ก ว่า ขิ่น หม่อง ลัต ผู้จัดการการหาเสียงท้องถิ่นของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) เสียชีวิต หลังถูกจับในย่างกุ้งเมื่อคืนวันเสาร์ ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุ แต่รอยเตอร์เผยว่า ได้เห็นภาพศพของ ขิ่น หม่อง ลัต ที่มีผ้าเปื้อนเลือดพันที่ศีรษะ

ตำรวจและทหารยังบุกตรวจค้นบ้านพักในหลายเขตเมื่อคืนวันเสาร์ ชาวบ้านเล่าว่า ได้ยินเสียงปืนดัง และมีการจับกุมประชาชนอย่างน้อย 3 คน ในเมืองเจ้าตะดา

ด้าน โกลบัล นิว ไลต์ ออฟ เมียนมา ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของรัฐบาล รายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของตำรวจ ว่า กองกำลังความมั่นคงจัดการประท้วงตามหลักกฎหมาย และใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดเสียงเพื่อสลายการชุมนุมที่ปิดกั้นถนนสาธารณะ

ขณะเดียวกัน สมาคมให้ความช่วยเหลือนักโทษการเมือง (เอเอพีพี) เผยว่า มีผู้ถูกควบคุมตัวกว่า 1,700 คน นับจากการรัฐประหาร และระบุว่า ผู้ถูกควบคุมตัวถูกเตะต่อย ตีด้วยกระบองก่อนลากขึ้นรถตำรวจ นอกจากนั้น กองกำลังความมั่นคงยังบุกเข้าไปในย่านที่พักอาศัยและพยายามจับกุมผู้ประท้วงเพิ่ม อีกทั้งยิงใส่บ้านเรือนได้รับความเสียหาย

เมื่อวันเสาร์ เจ้าหน้าที่พม่ายังเผยว่า ได้ขุดศพ แจ ซิน เด็กสาววัย 19 ปี ที่กลายเป็นสัญลักษณ์การประท้วงหลังจากถูกยิงเสียชีวิตในมัณฑะเลย์เมื่อวันพุธ (3 มี.ค.) ขณะสวมเสื้อที่สกรีนข้อความว่า “Everything will be OK” (ทุกอย่างจะเรียบร้อย)

สถานีเอ็มอาร์ทีวีของทางการ รายงานว่า ผลการผ่าพิสูจน์พบว่า แจ ซิน อาจไม่ได้เสียชีวิตเพราะกระสุนของตำรวจ เนื่องจากกระสุนที่ฝังอยู่ในศีรษะไม่ใช่กระสุนแบบที่ตำรวจใช้ และเธอยังถูกยิงจากด้านหลังขณะที่ตอนนั้นตำรวจยืนอยู่ด้านหน้า

จากภาพในวันเกิดเหตุจะเห็นว่า สมาชิกกองกำลังความมั่นคงจับศีรษะ แจ ซินหัน ไปอีกทางในเสี้ยววินาทีก่อนที่เด็กสาวจะถูกสังหาร และบรรดาผู้ประท้วงกล่าวหาว่า รัฐบาลพยายามปิดบังความผิด

การสังหาร แจ ซิน สร้างความโกรธแค้นในหมู่ชาติตะวันตก และยังทำให้ประเทศประชาธิปไตยหลายแห่งในเอเชียประณามพม่า อเมริกาและบางประเทศแซงก์ชันรัฐบาลทหารพม่าแบบจำกัด ขณะที่จีนระบุว่า สิ่งสำคัญคือเสถียรภาพ พร้อมเรียกร้องประเทศต่างๆ งดแทรกแซงกิจการภายในของพม่า

นอกจากนั้น อารี เบน-เมนาเช ล็อบบี้ยิสต์สัญชาติอิสราเอล-แคนาดา ที่ได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลทหารพม่า เผยว่า กองทัพพม่าต้องการวางมือจากการเมือง และปรับความสัมพันธ์กับอเมริกาควบคู่กับการตีตัวออกห่างจีน เขาสำทับว่า ซูจีสนิทสนมกับปักกิ่งมากเกินไปเพื่อเอาใจเหล่านายพล

เบน-เมนาเช เสริมว่า เขาได้รับมอบหมายให้ระดมการสนับสนุนจากอาหรับสำหรับแผนการส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาหลายแสนคนที่หนีการปราบปรามของกองทัพเมื่อปี 2017 กลับประเทศ