ผู้จัดการรายวัน360-"ลุงพล"ของขึ้น โวยวายแย่งไมค์นักข่าวช่อง 34 อัมรินทร์ทุบหลังผลักหน้าอก” ด้านสื่อพยายามอธิบายมาทำข่าวตามหน้าที่ เพราะป่าไม้จังหวัดเข้าตรวจสอบไม้ตะเคียนที่ศาลข้างบ้านลุงพล พร้อมแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย ผบ.ตร.เผยผลจับเท็จชาวบ้านกกกอก แปลผลเสร็จสัปดาห์นี้ ขณะที่ผลตรวจสอบไม้ตะเคียนบ้านลุงพลที่แท้เป็น"ไม้มะค่าแต้" “อุ๊บ วิริยะ” แฉปมทะเลาะ “ลุงพล” รับเกาะกระแสจริง
วานนี้ (19ม.ค.) ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ว่า เมื่อช่วงสายวานนี้ (19 ม.ค.) ได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จังหวัดมุกดาหาร นำเอกสารร้องเรียนจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ร้องให้ตรวจสอบไม้ตะเคียนที่ศาลแม่ตะเคียนโสรภี ข้างบ้านลุงพล หรือนายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ ที่เสียชีวิตปริศนา
ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังอ่านข้อร้องเรียนให้ลุงพลฟัง ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาติดตามทำข่าว จู่ๆ ลุงพลเกิดอาการของขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ เข้าแย่งไมค์สื่อทีวีดิจิทัลช่อง 34 อัมรินทร์ทีวี ซึ่งผู้สื่อข่าวช่องดังกล่าวพยายามชี้เเจงว่า ได้เข้ามาทำหน้าที่ตามปกติ
หลังจากนั้น ลุงพลได้โผเข้าใส่ก่อนทุบหลัง 2 ครั้ง พร้อมกับผลักไหล่ ก่อนจะพยายามบีบคอ เเละกระชากมาสก์ออก
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการนำชาวบ้านกกกอก มาเข้าเครื่องจับเท็จเพื่อคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ว่า ผลอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้
ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่าได้เห็นคลิปของลุงพล วันนี้แล้ว ถามว่าจะเข้าข่ายทำร้ายร่างกายหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า อยู่ที่ว่าผู้เสียหายจะมาแจ้งความหรือไม่
นายนภัส ประณีต พลกรัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังถูกลุงพล ทำร้ายร่างกายว่า ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากตนมาทำหน้าที่สื่อ เพราะมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาตรวจสอบ "ต้นตะเคียน" ตามที่ได้มีการร้องเรียนมา หลังจากนี้ตนจะทำตามสิทธิโดยจะไปแจ้งความถูกทำร้ายร่างกาย เพื่อแสดงให้เห็นว่า การทำร้ายร่างกาย คุกคามสื่อ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะสื่อทุกช่อง ก็มาทำหน้าที่ของตัวเอง
ไม้ตะเคียนบ้านลุงพลที่แท้เป็น"ไม้มะค่าแต้"
นายพรภิรม อุระแสง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ จังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยผลการตรวจสอบไม้ตะเคียนท่อน ที่วางให้ผู้คนกราบไหว้ขอโชคลาภภายในศาลแม่ตะเคียนโสรภี ข้างบ้านนายไชย์พล วิภาหรือ ลุงพล (ลุงของน้องชมพูที่เสียชีวิตบนเขาอย่างปริศนา)ว่าเป็นไม้มะค่าแต้ หรือชื่อทางการคือไม้มะค่าหนาม ไม่ใช่ไม้ตะเคียน
นายพรภิรม กล่าวว่า ถ้าหากที่มาของไม้เป็นลักษณะนี้ ก็อาจเข้าข่ายครอบครองโดยผิดกฎหมาย
ทั้งนี้มีรายงานล่าสุดบ่ายวันเดียวกันนี้ นายพรภิรม ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับ ร้อยเวร สภ.กกตูม เนื่องจากนายไชย์พล หรือ ลุงพล ครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม้ดังกล่าวเป็นไม้มะค่าแต้ ไม่ใช่ไม้คะเคียน ตามที่ลุงพลกล่าวอ้าง
'อุ๊บ'แฉ'ลุงพล'หมดเปลือก
จากกรณี นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ลุงน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบที่หายออกจากบ้านพักที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ก่อนพบเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำที่บริเวณภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กิโลเมตร จนเป็นอีกหนึ่งคดีดังที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยหลังจากนั้นได้มี อุ๊บ-วิริยะ พงษ์อาจหาญ นักปั้นและผู้จัดการดาราชื่อดัง ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากลุงพลเกิดกระแสโจมตีจากสังคม จึงเกิดความสงสาร แต่สุดท้ายก็เกิดมีปัญหาระหว่างกันจะแยกทางกันนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ม.ค. อุ๊บ วิริยะ ได้เปิดเผยผ่านรายการโหนกระแสทางช่อง 3 ว่า ยอมรับว่าตอนนั้นตนโหนกระแสจริง สงสารที่ถูกกดดันโจมตี เรื่องเงินไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกอย่างทำด้วยใจ
เงินค่าตัวตัวที่ลุงพลได้รับตนไม่เคยหักเปอร์เซ็นต์เลย สำหรับค่าตัวลุงพลตอนที่ตนเองรับดูแลก็จะอยู่ที่ประมาณ 20,000–100,000 บาท เหตุการณ์ที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง ตนถูกลุงพลอัดเสียง และขอเบรกงานทั้งหมด
“ลับหลังลุงพลด่าตนด้วยว่า เป็นกะเทยเดินตูดบิด ซึ่งก็เป็นดังตามคลิปที่หลุดออก ที่ลุงพลทำท่าทางเดินตูดบิดไปมา เป็นเหมือนการเหยียดเพศตนด้วย สำหรับเรื่องรูปบริจาคตนไม่รู้เรื่องเลย เพราะไม่มีการขอ และเลขบัญชีที่รับบริจาคก็เป็นของลุงพลเอง ไม่ใช่ของวัด จากนี้ตนคงต้องแจ้งความกับทางศาลแพ่ง จ.มุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีในเรื่องนี้
นายกฤษฎา โลหิตดี หรือ ทนายโนบิ อดีตที่ปรึกษาทางกฎหมายของลุงพล กล่าวว่า “อย่างที่เคยบอกว่าหมอปลาเป็นคนเชิญมาช่วย จึงเข้ามาช่วยรวบรวมหลักฐานเพื่อใช้ในชั้นศาลในฐานะที่ปรึกษา ไม่ใช่ทนายความ แต่พักหลังๆ หลังจากหมอปลามีปัญหากับลุงพล ผมก็โดนด่ามาตลอด
“สำหรับเครื่องดักฟัง ผมตรวจสอบแล้วว่ามันเป็นแค่เครื่องจีพีเอสเท่านั้น แนะนำให้ลุงพลไปพูดคุยส่วนตัวกับหมอปลาถึงเรื่องที่เกิด แต่ลุงพลไม่ทำ กลับนำเรื่องนี้ไปแจ้งกับสื่อ สุดท้ายผมว่าทั้งคดีเรื่องไม้ตะเคียน เรื่องเครื่องดักฟัง เรื่องรูปบริจาค และเรื่องทำร้ายนักข่าว ผลที่เกิดขึ้นคงจะมาเร็วกว่าคดีเรื่องน้องชมพู่ด้วยซ้ำ”..
วานนี้ (19ม.ค.) ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ว่า เมื่อช่วงสายวานนี้ (19 ม.ค.) ได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จังหวัดมุกดาหาร นำเอกสารร้องเรียนจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ร้องให้ตรวจสอบไม้ตะเคียนที่ศาลแม่ตะเคียนโสรภี ข้างบ้านลุงพล หรือนายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ ที่เสียชีวิตปริศนา
ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังอ่านข้อร้องเรียนให้ลุงพลฟัง ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาติดตามทำข่าว จู่ๆ ลุงพลเกิดอาการของขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ เข้าแย่งไมค์สื่อทีวีดิจิทัลช่อง 34 อัมรินทร์ทีวี ซึ่งผู้สื่อข่าวช่องดังกล่าวพยายามชี้เเจงว่า ได้เข้ามาทำหน้าที่ตามปกติ
หลังจากนั้น ลุงพลได้โผเข้าใส่ก่อนทุบหลัง 2 ครั้ง พร้อมกับผลักไหล่ ก่อนจะพยายามบีบคอ เเละกระชากมาสก์ออก
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการนำชาวบ้านกกกอก มาเข้าเครื่องจับเท็จเพื่อคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ว่า ผลอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้
ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่าได้เห็นคลิปของลุงพล วันนี้แล้ว ถามว่าจะเข้าข่ายทำร้ายร่างกายหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า อยู่ที่ว่าผู้เสียหายจะมาแจ้งความหรือไม่
นายนภัส ประณีต พลกรัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังถูกลุงพล ทำร้ายร่างกายว่า ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากตนมาทำหน้าที่สื่อ เพราะมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาตรวจสอบ "ต้นตะเคียน" ตามที่ได้มีการร้องเรียนมา หลังจากนี้ตนจะทำตามสิทธิโดยจะไปแจ้งความถูกทำร้ายร่างกาย เพื่อแสดงให้เห็นว่า การทำร้ายร่างกาย คุกคามสื่อ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะสื่อทุกช่อง ก็มาทำหน้าที่ของตัวเอง
ไม้ตะเคียนบ้านลุงพลที่แท้เป็น"ไม้มะค่าแต้"
นายพรภิรม อุระแสง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ จังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยผลการตรวจสอบไม้ตะเคียนท่อน ที่วางให้ผู้คนกราบไหว้ขอโชคลาภภายในศาลแม่ตะเคียนโสรภี ข้างบ้านนายไชย์พล วิภาหรือ ลุงพล (ลุงของน้องชมพูที่เสียชีวิตบนเขาอย่างปริศนา)ว่าเป็นไม้มะค่าแต้ หรือชื่อทางการคือไม้มะค่าหนาม ไม่ใช่ไม้ตะเคียน
นายพรภิรม กล่าวว่า ถ้าหากที่มาของไม้เป็นลักษณะนี้ ก็อาจเข้าข่ายครอบครองโดยผิดกฎหมาย
ทั้งนี้มีรายงานล่าสุดบ่ายวันเดียวกันนี้ นายพรภิรม ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับ ร้อยเวร สภ.กกตูม เนื่องจากนายไชย์พล หรือ ลุงพล ครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม้ดังกล่าวเป็นไม้มะค่าแต้ ไม่ใช่ไม้คะเคียน ตามที่ลุงพลกล่าวอ้าง
'อุ๊บ'แฉ'ลุงพล'หมดเปลือก
จากกรณี นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ลุงน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบที่หายออกจากบ้านพักที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ก่อนพบเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำที่บริเวณภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กิโลเมตร จนเป็นอีกหนึ่งคดีดังที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยหลังจากนั้นได้มี อุ๊บ-วิริยะ พงษ์อาจหาญ นักปั้นและผู้จัดการดาราชื่อดัง ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากลุงพลเกิดกระแสโจมตีจากสังคม จึงเกิดความสงสาร แต่สุดท้ายก็เกิดมีปัญหาระหว่างกันจะแยกทางกันนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ม.ค. อุ๊บ วิริยะ ได้เปิดเผยผ่านรายการโหนกระแสทางช่อง 3 ว่า ยอมรับว่าตอนนั้นตนโหนกระแสจริง สงสารที่ถูกกดดันโจมตี เรื่องเงินไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกอย่างทำด้วยใจ
เงินค่าตัวตัวที่ลุงพลได้รับตนไม่เคยหักเปอร์เซ็นต์เลย สำหรับค่าตัวลุงพลตอนที่ตนเองรับดูแลก็จะอยู่ที่ประมาณ 20,000–100,000 บาท เหตุการณ์ที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง ตนถูกลุงพลอัดเสียง และขอเบรกงานทั้งหมด
“ลับหลังลุงพลด่าตนด้วยว่า เป็นกะเทยเดินตูดบิด ซึ่งก็เป็นดังตามคลิปที่หลุดออก ที่ลุงพลทำท่าทางเดินตูดบิดไปมา เป็นเหมือนการเหยียดเพศตนด้วย สำหรับเรื่องรูปบริจาคตนไม่รู้เรื่องเลย เพราะไม่มีการขอ และเลขบัญชีที่รับบริจาคก็เป็นของลุงพลเอง ไม่ใช่ของวัด จากนี้ตนคงต้องแจ้งความกับทางศาลแพ่ง จ.มุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีในเรื่องนี้
นายกฤษฎา โลหิตดี หรือ ทนายโนบิ อดีตที่ปรึกษาทางกฎหมายของลุงพล กล่าวว่า “อย่างที่เคยบอกว่าหมอปลาเป็นคนเชิญมาช่วย จึงเข้ามาช่วยรวบรวมหลักฐานเพื่อใช้ในชั้นศาลในฐานะที่ปรึกษา ไม่ใช่ทนายความ แต่พักหลังๆ หลังจากหมอปลามีปัญหากับลุงพล ผมก็โดนด่ามาตลอด
“สำหรับเครื่องดักฟัง ผมตรวจสอบแล้วว่ามันเป็นแค่เครื่องจีพีเอสเท่านั้น แนะนำให้ลุงพลไปพูดคุยส่วนตัวกับหมอปลาถึงเรื่องที่เกิด แต่ลุงพลไม่ทำ กลับนำเรื่องนี้ไปแจ้งกับสื่อ สุดท้ายผมว่าทั้งคดีเรื่องไม้ตะเคียน เรื่องเครื่องดักฟัง เรื่องรูปบริจาค และเรื่องทำร้ายนักข่าว ผลที่เกิดขึ้นคงจะมาเร็วกว่าคดีเรื่องน้องชมพู่ด้วยซ้ำ”..