xs
xsm
sm
md
lg

“ฟ้า” นักข่าวอมรินทร์แจ้งจับ “ลุงพล” ทำร้ายร่างกาย เปิดหมดเปลือกเกิดอะไรขึ้นที่บ้านกกกอก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี แจ้งความจับ “ลุงพล” ข้อหาทำร้ายร่างกาย หลังปรึกษาต้นสังกัดดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แจงที่ไม่ตอบโต้เพราะมีการศึกษา ความรุนแรงไม่ใช่ทางออก ที่ผ่านมาถอนตัวแล้วหลังถูกแบน แต่วันนี้ตามป่าไม้ตรวจสอบไม้ตะเคียน เปิดสาเหตุที่มาความขัดแย้งทั้งไม้ตะเคียนและเงินบริจาค ชี้ไม่โปร่งใส พระอาจารย์ยังเอือม ไม่ตอบว่าโกรธหรือไม่ ให้สังคมตัดสิน

วันนี้ (19 ม.ค.) จากกรณีที่นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ผู้ต้องสงสัยในคดีการเสียชีวิตของเด็กหญิงชมพู่ พยายามแย่งไมโครโฟน ทุบหลัง และจะทำร้ายร่างกายนายนภัส ปราณีตพลกรัง หรือฟ้า ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี ระหว่างการทำข่าว ทั้งที่ก่อนหน้านี้สถานีโทรทัศน์ช่องดังกล่าวทำข่าวโปรโมตลุงพลจนโด่งดังกลายเป็นซุป'ตาร์ เหตุเกิดที่ศาลพญานาค ข้างบ้านลุงพล บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านประกอบ : “ลุงพล” เปลี่ยนไป! จับไมค์-ขู่ทำร้ายร่างกายนักข่าวอมรินทร์ทีวี (ชมคลิป)

เมื่อเวลา 14.00 น. นายนภัส ปราณีตพลกรัง หรือฟ้า ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ข่าวจัดเต็ม” ทางโซเชียลมีเดียของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า ถูกลุงพลทุบหลังอย่างรุนแรงไป 2 ครั้ง จุดเริ่มต้นมาจากที่ตนเป็นหนึ่งในสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวที่บ้านกกกอกมาหลายเดือน วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่จะทำข่าว เก็บภาพข่าว (อินเสิร์ช) เก็บบรรยากาศว่าในแต่ละวันจะเกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง

กระทั่งในวันนี้มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป่าไม้จังหวัดมุกดาหาร กรมป่าไม้ เข้ามาตรวจสอบไม้ตะเคียนที่ข้างบ้านลุงพล หลังจากที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้ร้องเรียนไป จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้กำลังอ่านข้อร้องเรียนต่างๆ ให้ลุงพลฟัง ตนและสื่อมวลชนช่องอื่นๆ ได้ยื่นไมค์ไปทางเจ้าหน้าที่เพื่อเก็บเสียงเจ้าหน้าที่ในช็อตนั้น แต่ปรากฏว่าจู่ๆ ลุงพลก็พยายามจะแย่งไมค์ตน พยายามดึงและกล่าวว่า “ไหน ช่องไหน เอามาดูหน่อย” ตนก็เลยไม่ปล่อย

หลังจากนั้นพอไม่ปล่อย ลุงพลก็ปรี่เข้ามาและทุบตน 2 ครั้ง จนรู้สึกว่าตนเจ็บ เพราะลุงพลทุบแรง ก็เลยพูดว่า “คุณอย่ามาทำร้ายร่างกายผม ผมมาทำหน้าที่สื่อ” หลังจากนั้นลุงพลก็เข้ามาปรี่อีกรอบหนึ่งโดยการมากระชากหน้ากากอนามัยออกจากปากตน แล้วก็พยายามที่จะบีบคอ แต่จังหวะนั้นก็มีเจ้าหน้าที่และยูทูปเบอร์หลายคนก็มาขวางไว้ก็เลยทำร้ายร่างกายตนต่อไม่ได้

เมื่อถามว่าลุงพลทุบไปสองครั้ง กระชากหน้ากากอนามัยด้วย ทำไมไม่ตอบโต้ นายนภัสกล่าวว่า ณ จุดๆ นั้นตนมองว่าสำหรับคนที่มีปัญญา มีการศึกษา ความรุนแรงไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหา ตนเลือกที่จะไม่ตอบโต้เพราะเราเป็นสื่อมวลชน และมองว่าเรื่องการใช้ความรุนแรงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่สมควรที่จะกระทำ โดยเฉพาะการคุกคามสื่อมวลชน ข่มขู่สื่อมวลชน มองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านั้นได้เจอลุงพลก่อนหรือไม่ นายนภัสกล่าวว่า ก่อนที่จะเกิดเรื่องยังไม่ได้เจอลุงพลเลย วันนี้ตนเข้ามาที่หมู่บ้านกกกอกเพราะทราบว่าวันนี้เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จะลง ก็เลยรีบเดินทางไป เมื่อเดินทางไปถึงคือไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เลย ไปถึงพบลุงพลกำลังใช้สว่านเจาะเพื่อที่จะทำโต๊ะนั่งแถวๆ นั้น ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ก็เดินเข้าไปพูดคุย โดยที่ตนและสื่อมวลชนทุกช่องยังไม่ได้พูดคุย และยังไม่ได้ถามคำถามใดๆ กับลุงพล แต่จู่ๆ ลุงพลก็ปรี่เข้ามาทำร้ายเลย ตนก็งงและตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่า แสดงว่าผู้สื่อข่าวถอนตัวตั้งแต่ยูทูปเบอร์คนหนึ่งบอกว่า ลุงพลไม่ให้สัมภาษณ์ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาแล้ว นายนภัสกล่าวว่า ใช่ หลังจากที่ลุงพลประกาศว่าไม่ให้สัมภาษณ์ 2 เดือน เราก็ไม่ขอสัมภาษณ์ลุงพลเลย แต่ยังอยู่ในพื้นที่ ยังทำหน้าที่สื่อ เราก็พยายามนำเสนอหลายมุมหลายประเด็นที่ผู้ชมได้ชม เช่น เรื่องเงินบริจาค และเรื่องราวหลายอย่าง เราก็ทำหน้าที่สื่อของเรา แต่ก็ไม่ทราบว่ามีประเด็นไหนที่ลุงพลอาจไม่พอใจ ไม่ถูกใจนัก ก็อาจจะไม่พอใจในส่วนนี้

เมื่อถามว่า เคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้หรือเปล่า เพราะทราบว่าเคยสนิทสนมพูดคุยกันระดับหนึ่ง นายนภัสกล่าวว่า ตนก็เป็นหนึ่งในนักข่าวที่อยู่ในหมู่บ้านกกกอกมานาน ค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับลุงพลมาหลายเดือนพอสมควรหลังจากที่เกิดคดีน้องชมพู่ ที่ผ่านมาลุงพลไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้เลย เวลาลุงพลออกสื่อจะเป็นคนนิ่งๆ แต่ว่าวันนี้ตนก็ตกใจเหมือนกัน ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับลุงพล ถึงได้ตบะแตกมาทำร้ายตนอย่างนี้

เมื่อถามว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ได้โทรศัพท์แจ้งต้นสังกัดหรือไม่ และว่าอย่างไรบ้าง นายนภัสกล่าวว่า ทางต้นสังกัดแนะนำให้แจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ตอนนี้ตนอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรกกตูม เตรียมที่จะแจ้งความแล้ว

เมื่อถามว่า ถ้าจะเปรียบเทียบความสนิทสนมกับลุงพล ตั้งแต่ 1 ถึง 10 สนิทในระดับไหน นายนภัสกล่าวว่า น่าจะประมาณ 6-7 คือแหย่กันได้ แซวกันได้ นั่งคุยกันปกติ แต่ไม่คิดว่าจู่ๆ คนที่เคยคุ้นเคยกันจะเป็นคนห่างเหินเหมือนเคยไม่รู้จักกันมาก่อน

เมื่อถามว่า หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น ลุงพลยังเข้าไปคุยกับนักข่าวอีกช่องหนึ่งเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นนักข่าวที่ปักหลักกันมาโดยตลอดหรือเปล่า หรือเป็นนักข่าวหน้าใหม่ นายนภัสตอบว่า เป็นนักข่าวที่ปักหลักอยู่ที่นี่มานานแล้ว อย่างที่ลุงพลพยายามจะไปแย่งไมค์ก็คือ ผู้สื่อข่าวของไทยรัฐ ซึ่งเกาะติดอยู่ที่บ้านกกกอกมานาน และมีความคุ้นเคยกับลุงพลเป็นอย่างดี แต่ไม่คิดว่าทำไมลุงพลถึงมาแสดงกิริยาอย่างนั้น ซึ่งจากการพูดคุยก็ตกใจ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพราะที่ผ่านมาภาพที่เราจดจำลุงพลจะเป็นคนที่น่าสงสาร เป็นคนนิ่งๆ เราไม่คิดว่าวันหนึ่งเราจะได้เห็นลุงพลร่างสองแบบนี้ ตนยังไม่ได้สอบถามว่าจะแจ้งความหรือไม่ แต่ส่วนตัวตนจะแจ้งความและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ในเรื่องการทำร้ายร่างกายและข่มขู่ตนด้วย

เมื่อถามว่า ยังคงปฏิบัติหน้าที่ทำข่าวที่บ้านกกกอกต่อไป หรือกลับกรุงเทพฯ เลย นายนภัสกล่าวว่า ส่วนของข่าวต้องทำต่อไป แม้อาจจะตกใจบ้าง เพราะยังมีหลายเรื่องที่ยังต้องทำต่อให้เสร็จ ถามว่ากลัวไหมก็กลัว เพราะตอนที่เกิดเหตุก็มีทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้กว่า 30 นาย ขนาดมีเจ้าหน้าที่อยู่ในพื้นที่ เขายังมาทำร้ายขนาดนี้ ก็กังวลเหมือนกันว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่ เขาจะคุกคามตนในลักษณะอื่นๆ ลักษณะไหนบ้าง วันนี้จึงตัดสินใจแจ้งความ

เมื่อถามว่าสาเหตุเกิดมาจากอะไร เพราะมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการตรวจสอบไม้ตะเคียน เงินบริจาค และยูทูปเบอร์ นายนภัสกล่าวว่า ในฐานะเป็นสื่อหลักที่ติดตามเรื่องนี้ สื่อต้องนำเสนอรอบด้านหลายเรื่อง เมื่อสังคมเกิดข้อสงสัย อย่างเช่นเรื่องเงินบริจาค เมื่อมีคนนำมาบริจาคให้ลุงพลเป็นจำนวนมากถึง 880,000 บาท เพราะฉะนั้น ลุงพลก็จะต้องชี้แจงต่อสังคมให้ได้ว่าเงินบริจาคเหล่านั้น เรามีการใช้จ่ายอย่างไร โปร่งใสหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ตนก็ได้มีการตรวจสอบ เพราะว่าก่อนหน้านั้นลุงพลก็ประกาศเองว่าเงินทุกบาททุกสตางค์สามารถตรวจสอบได้ สามารถสอบถามได้ ซึ่งเมื่อวานก็ได้ไปสอบถามยูทูปเบอร์คนหนึ่งซึ่งเขาเป็น 1 ใน 3 ที่ร่วมเปิดบัญชีกับลุงพล เขาก็แสดงท่าทีไม่พอใจตนไปรอบหนึ่งแล้ว ก็เชื่อว่าในเรื่องของเงินบริจาคก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้ลุงพลเกิดความไม่พอใจ แต่อยากจะบอกกับลุงพลว่า เงินบริจาคมันเยอะ เพราะฉะนั้นลุงพลควรที่จะต้องชี้แจงกับสังคมให้รับทราบว่าเงินใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะเงินก็ไม่ใช่น้อยๆ

เมื่อถามว่า เรื่องเงินบริจาคหรือไม้ตะเคียน สื่อได้สัมภาษณ์หรือให้พื้นที่ลุงพลชี้แจงหรือเปล่า นายนภัสกล่าวว่า เราให้พื้นที่อย่างเต็มที่ แต่ในเมื่อลุงพลประกาศเองว่าแบน ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อหลัก 2 เดือน แล้วก็ไม่ยุ่งกับสื่อเลย เราในฐานะสื่อพร้อมที่จะให้ลุงพลได้ชี้แจงทุกข้อสงสัยอยู่แล้ว ก่อนหน้านั้นในเรื่องนี้เองก็เคยสัมภาษณ์ลุงพล ลุงพลก็พูดว่า เดี๋ยวหลังจากนี้สามารถตรวจสอบได้ทุกอย่าง แต่เมื่อไปถามก็ยังไม่สามารถตอบได้ ก็อาจจะเป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจ

เมื่อถามว่า ในช่วงที่เกิดเหตุชุลมุน ผู้หญิงที่มีผ้าสีแดง เสื้อสีดำ ที่กันออกมาได้พูดอะไรออกมา นายนภัสกล่าวว่า ก็ไม่ได้พูดอะไร เป็นคุณป้าจำลอง เป็นผู้ใหญ่ในบ้านกกกอกที่ให้ความเคารพ ก็บอกว่าไม่เป็นไรๆ เหมือนพยายามที่จะห้าม แต่จังหวะนั้นก็จะมียูทูปเบอร์บางคนบอกว่า “อย่าพูด ไม่ต้องพูด” ก็เลยตอบไปว่าทำไมต้องห้ามให้ตนหยุดพูด เพราะว่าในเมื่อไม่ได้ทำอะไรผิด ตนมาทำหน้าที่สื่อมวลชน ทำงานอยู่ตรงนี้ นำเสนอความจริง ทำไมจะต้องมาห้ามไม่ให้พูดด้วย

เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์ระหว่างยูทูปเบอร์กับสื่อกระแสหลักช่องต่างๆ ที่เข้าไปทำข่าวที่บ้านกกกอกเป็นอย่างไร มีการคุยกัน แบ่งข้อมูลกันไหมหรือแยกการทำงานอย่างชัดเจน นายนภัสกล่าวว่า สื่อกับยูทูปเบอร์ทำงานไม่เหมือนกันอยู่แล้ว สื่อไปทำข่าวในพื้นที่ ส่วนยูทูปเบอร์เขาจะเน้นนำเสนอประชาสัมพันธ์ลุงพลมากกว่า ตามติดชีวิตลุงพลว่าวันนี้แต่ละวันจะทำอะไรบ้าง ส่วนมากจะเน้นภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับลุงพล ถ้าเกิดบังเอิญมีภาพลักษณ์หรือมีอะไรที่ไม่ดีก็จะถูกสั่งให้ลบ และไม่ให้นำเสนอ แม้แต่วันนี้ที่เกิดเหตุการณ์ ลุงพลก็ยังหลุดปากออกมาว่า “ห้ามถ่าย ห้ามถ่าย” ซึ่งยูทูปเบอร์บางคนก็ไม่ได้ถ่ายเหมือนกัน ถ้าเกิดว่ายูทูปเบอร์จะนำเสนอลุงพล จะต้องนำเสนอเฉพาะด้านดีๆ เท่านั้น ถ้าใครมีด้านที่ไม่ดี หรือมีพฤติกรรมที่ลุงพลแสดงหลุดออกมา ก็จะถูกสั่งให้ลบ ปกติยูทูปเบอร์จะทำงานไวในพื้นที่ แต่กรณีนี้แม้เหตุการณ์เกิดมา 2-3 ชั่วโมงยังไม่มีช่องไหนอัพ

เมื่อถามว่า วันนี้ไม่ได้มาเกาะติดลุงพล แต่เกาะติดมากับป่าไม้ นายนภัสกล่าวว่า ใช่ เพราะก่อนหน้านั้นนายอัจฉริยะร้องเรียนไปว่าสรุปใช่ไม้ตะเคียนจริงหรือเปล่า ลุงพลพยายามอธิบายว่าท่อนไม้นี้ลอยตามน้ำมา แล้วเอาขึ้นมาให้ประชาชนกราบไหว้ ตั้งชื่อเป็นเจ้าแม่ตะเคียนโสรภี ซึ่งผลการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พูดชัดแล้วว่า มันคือไม้มะค่า ไม่ใช่ไม้ตะเคียน ก่อนหน้านั้นก็มีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์ชาวบ้านหลายคนที่เป็นปราชญ์เชี่ยวชาญเรื่องไม้ หลายคนพูดตรงกันว่า ไม้ที่บ้านลุงพลคือไม้มะค่า ไม่ใช่ไม้ตะเคียน อาจจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ลุงพลอาจจะไม่พอใจ

เมื่อถามว่า ความเปลี่ยนแปลงของลุงพลจากแรกเริ่มที่ไปทำข่าว ถึงวันนี้ความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง นายนภัสกล่าวว่า รู้สึกว่าลุงพลเปลี่ยนไปเยอะมาก ไม่รู้ว่าลุงพลคนเดิมหายไปไหน วันแรกที่ไปเจอลุงพล ก้าวขาเข้าไปในบ้านกกกอก เห็นลุงพลนั่งดูทีวีที่บ้าน นั่งกินข้าวด้วยกัน วันนั้นยังเป็นลุงพลคนเดิมที่น่ารัก ยังนิ่งๆ แต่ปัจจุบันหลังจากชื่อเสียงเงินทองหลายอย่างเข้ามา ลุงพลก็เปลี่ยนไปมาก

เมื่อถามว่า กรณีเงินบริจาคที่มีพระรูปหนึ่งกล่าวว่ายังไม่ได้รับ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายนภัสกล่าวว่า เรื่องการทำผ้าป่าหรือกฐินทั่วไป หลังจากที่มีคนบริจาคมาแล้ว สิ่งที่จะต้องทำตามประเพณีก็คือ ต้องถวายวัดหรือพระอาจารย์ แต่กรณีนี้ลุงพลเริ่มตั้งแต่บริจาคก็ไม่ชอบมาพากล มีการนำรูปบุคคลอื่นไปแอบอ้างเป็นจำนวนมาก โดยที่บุคคลนั้นก็ไม่ได้ยินยอม เมื่อได้เงินบริจาคมาก็ไม่ได้นำไปถวายวัด แต่กลับนำเงินนั้นมาบริหารจัดการเอง แล้วบอกว่าเงินนั้นโปร่งใส

นอกจากนี้ พระอาจารย์สมบัติ หัวหน้าสำนักสงฆ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านั้นได้มีการประกาศว่าให้ชาวบ้านมาช่วยกันขุดดิน ก่อนที่จะมีการเทพื้น โดยที่ลุงพลจะให้ค่าแรงชาวบ้านวันละ 300 บาท ซึ่งชาวบ้านมาขุด 2 วันครึ่ง จะได้เงิน 750 บาท ชาวบ้านจำนวน 40 คน รวมเป็นเงิน 3 หมื่นบาท แต่ชาวบ้านกลุ่มนั้นปฏิเสธไม่ขอรับเงิน โดยมีความประสงค์ให้ลุงพลนำเงินส่วนนี้ไปถวายพระอาจารย์ เพราะเห็นว่าทางพระอาจารย์ท่านไม่ค่อยมีปัจจัย แต่ปรากฏว่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 มาจนถึงวันนี้ เงินไม่เคยถึงมือพระอาจารย์เลยแม้แต่บาทเดียว

ส่วนพระอาจารย์ก็ไม่เรียกร้องต่อ พูดว่าปลงแล้ว ท่านก็เบื่อ หลังจากที่มีการเทพื้นศาลาก็มีเรื่องราวหลายอย่างถาโถมเข้ามา นอกจากนี้ เวลาที่มีการเทพื้นก็จะมียูทูปเบอร์ตามลุงพลไปไลฟ์สดพระอาจารย์ สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจก็คือ เหล่าเอฟซีของลุงพล ของยูทูปเบอร์ก็มาต่อว่าพระอาจารย์เสียๆ หายๆ บอกว่าเป็นพระอยากได้เงิน จนพระอาจารย์ประกาศแล้วว่า หลังจากนี้ถึงแม้ลุงพลบอกว่าสร้างศาลาเสร็จแล้วจะถวายเงิน พระอาจารย์ก็จะไม่ขอรับ

เมื่อถามว่า โกรธลุงพลไหม นายนภัสกล่าวว่า ขอไม่พูดตรงนั้นดีกว่า ขอให้สังคมตัดสินว่าอะไรมันเกิดขึ้น คลิปทุกอย่างคงจะเป็นคำตอบ ถึงแม้ว่าขณะนี้ยูทูปเบอร์บางคนอาจจะพยายามบอกว่า ลุงพลทุบตบหลังเพื่อหยอกล้อ แต่ว่าเสียงที่ตบ ถ้าคนที่ได้ดูคลิปน่าจะรู้ว่ามันไม่ใช่การหยอกล้อแน่นอน แต่มันคือการทำร้ายร่างกาย




กำลังโหลดความคิดเห็น