xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงพล” อ้างกระทบกระทั่งนักข่าวอมรินทร์ทีวี “อยากถือไมค์เฉยๆ” ที่ดึงมาสก์แค่ถาม “ยังรู้สึกดีกับผมไหม”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ทนายรัชพล” โดดช่วย “ลุงพล” ทางคดี หลังเจอมรสุมทั้งคดีชมพู่ หมอปลา ภาษี ไม้ตะเคียน ยันเหตุแย่งไมค์-ตบตีนักข่าวอมรินทร์ทีวี อ้างที่ดึงไมค์บอก “แค่อยากจะถือไมค์เฉยๆ” และที่ดึงหน้ากากบอก “อยากเห็นหน้าเต็มๆ” ถามยังรู้สึกดีไหมแค่นั้นเอง ปัดปฏิเสธสื่อ แต่บอกว่าอีก 2 เดือนค่อยเจอกัน ไม่กังวลเรื่องเครื่องจับเท็จ

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. จากกรณีที่นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ผู้ต้องสงสัยในคดีการเสียชีวิตของเด็กหญิงชมพู่ พยายามแย่งไมโครโฟน ทุบหลัง และจะทำร้ายร่างกายนายนภัส ปราณีตพลกรัง หรือฟ้า ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี ระหว่างการทำข่าว ทั้งที่ก่อนหน้านี้สถานีโทรทัศน์ช่องดังกล่าวทำข่าวโปรโมตลุงพลจนโด่งดังกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ เหตุเกิดที่ศาลพญานาค ข้างบ้านลุงพล บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ภายหลังนายนภัสเข้าแจ้งความต่อตำรวจสถานีตำรวจภูธรกกตูม ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลาประมาณ 22.16 น. นายไชย์พล พร้อมด้วยนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ให้สัมภาษณ์ในรายการเอาให้ชัด ทางสถานีโทรทัศน์ช่องวัน 31 ดำเนินรายการโดยนายเอกรัฐ ตะเคียนนุช โดยนายไชย์พลกล่าวว่า “เหตุที่เกิดวันนี้ ภาพที่มันออกไปคือ ผมแค่ขอถือไมค์กับน้องฟ้าครับ ที่เป็นนักข่าวอมรินทร์ครับ เพราะว่าผมเคยถือประจำ ผมก็แค่อยากจะถือไมค์เฉยๆ ครับ” เมื่อถามว่าแค่นั้นเลยหรือ ลุงพลกล่าวว่า “ครับ ก็ไม่ได้คิดอะไรครับ เพราะว่าน้องฟ้าก็สนิทกันอยู่แล้วครับ เพราะว่าน้องก็เคยมาทำข่าวบ้านกกกอกก็หลายเดือนครับ”

เมื่อถามว่า ตอนนั้นก่อนที่จะมีการขอไมค์ ก่อนหน้านั้นมีเรื่องราวอะไรขึ้น ลุงพลไม่พอใจอะไรหรือเปล่า ลุงพลตอบว่า “ไม่มีครับ”

เมื่อถามว่า ถ้าอย่างนั้นมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมลุงพลควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ลุงพลกล่าวว่า “สิ่งที่มันเกิดขึ้นที่บ้านกกกอก มันจะมีทั้งประเด็นทั้งทางสำนักสงฆ์ภูหลวง นักข่าวเขาต้องการถามผมตลอดว่า ค่าใช้จ่ายที่สำนักสงฆ์ ลุงใช้จ่ายอะไรไปบ้าง จะชี้แจงอะไรยังไง ผมก็เลยบอกว่า ให้เทพื้นเสร็จก่อนแล้วผมจะแถลง ทางสื่อจะสัมภาษณ์ผมก็เชิญทุกสำนัก ถ้าใครอยากรู้ว่าการใช้เงินที่เทพื้นศาลาสำนักสงฆ์ภูหลวง ผมใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ผมก็จะนำหลักฐานต่างๆ มาชี้แจง ผมก็บอกว่าให้เทพื้นเสร็จเสียก่อน ซึ่งผมก็ได้คุยกับทางทีมข่าว ไม่ว่าจะเป็นทีมข่าวช่อง 8 พี่แนน แล้วก็ทีมข่าวอมรินทร์ น้องฟ้า ทีมข่าวไทยรัฐ พี่ติ และพี่เขี้ยวที่มา ผมก็ได้คุยกันหลังไมค์แล้วว่า ถ้าถามประเด็นอะไร ประเด็นที่ผมตอบได้ผมจะตอบ ประเด็นไหนที่ผมตอบไม่ได้ผมก็จะไม่ตอบนะ คุยกันก่อนทุกครั้ง”

เมื่อถามว่า ผู้สื่อข่าวถือไมค์ตามปกติ แล้วประเด็นที่มีการตรวจสอบก็ตรวจสอบโดยป่าไม้จังหวัด กลายเป็นว่าลุงพลระงับอารมณ์ไม่อยู่ ถึงขนาดเหมือนไปลงไม้ลงมือ บีบคอแบบนี้ เพียงเพราะเหตุผลตรงนี้เท่านั้นหรือ ลุงพลกล่าวว่า “ไม่มีการบีบคอน้องนะครับ อันนี้ยืนยันจากปากผมได้ว่าไม่ได้มีการบีบคอน้องฟ้านะครับ แค่เอามือไปจับมาสก์ครับ เปิดมาสก์ครับ อยากเห็นหน้าเต็มๆ แค่นั้นเองครับ น้องฟ้ายังรู้สึกดีกับผมไหมแค่นั้นเองครับ” และว่า “พี่ติ ไทยรัฐ ผมก็เดินเข้าไปหา”

เมื่อถามว่า ถ้าอย่างนั้นน้องหลายๆ คนที่เจอเหตุการณ์นี้ขึ้นแล้วไปตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดี พร้อมรับไหม ลุงพลกล่าวว่า “น้อมรับครับ น้อมรับ” ขณะที่นายรัชพลกล่าวว่า น้อมรับทางคดีและยอมรับผิด พยายามติดต่อคุณฟ้าไปเพื่อจะขอโทษ แต่ว่าก็ยังไม่ได้คุยกัน

เมื่อถามว่า ถ้าน้องผู้สื่อข่าวดูอยู่อยากจะบอกอะไรกับผู้สื่อข่าว ลุงพลกล่าวว่า “ก็อยากจะขอโทษเหมือนกันว่า สิ่งที่ผมทำวันนี้มันเกินเหตุไหม ก็อยากจะขอโทษเหมือนกันครับ ถ้าน้องเขาเปิดโอกาสนะครับ”

เมื่อถามว่า ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้า หลายคนสงสัยว่าจากที่ให้ความร่วมมือกับสื่อมวลชน ไปๆ มาๆ พอเหตุการณ์ผ่านพ้นไปเรื่อยๆ ทำไมดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างสื่อมวลชนมันจะดูขาดสะบั้นเพราะอะไรกันแน่ ลุงพลกล่าวว่า “คืออย่างนี้ครับ วันที่มีภาพออกไปว่าผมไม่คุยกับนักข่าวช่องใหญ่ที่อยู่สำนักสงฆ์ภูหลวงที่มีภาพมาว่า ผมนั่งกดโทรศัพท์มือถือ มันจะมีนักข่าวช่อง 8 พี่แนน แล้วก็น้องฟ้า ช่องอมรินทร์ แล้วก็พี่กิตติช่อง 32 พี่เขี้ยวช่อง 32 เข้ามาถามว่า ประเด็นที่ลุงจะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อจริงไหม คือผมบอกแล้วตั้งแต่หลังไมค์แล้วว่า ผมบอกว่าถ้าประเด็นไหนที่ผมตอบได้ ผมก็จะตอบ แต่กรณีที่ทางนักข่าว ผมก็คุยกันหมดแล้ว นึกว่าเข้าใจกันแล้ว แต่เขาก็ยังมาเซ้าซี้ที่จะเอาข่าวกับผม ซึ่งผมก็ไม่ได้คุยวันนั้น ผมก็ไม่ได้พูดอะไร ผมก็เดินบอก อะ ไปกินข้าวกันไป ประมาณนี้”

เมื่อถามว่า นับจากนี้เป็นต้นไป ถ้าเกิดมีสื่อหลักไปทำข่าวตามปกติ แล้วจะขอสัมภาษณ์ลุงพล หรือขอข้อมูลเพิ่มเติม จะปฏิเสธอีกไหม ลุงพลนิ่ง พิธีกรถามว่า ภาพรวมทุกสื่อเลย ลุงพลกล่าวว่า “ผมไม่เคยปฏิเสธนะครับว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์ แต่บางประเด็นผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นช่องวันหรือว่าช่องไหนๆ สื่อที่เคยมาขอสัมภาษณ์ผม ผมจะคุยก่อนเสมอว่าจะถามประเด็นอะไร จะสัมภาษณ์เรื่องอะไร ผมจะถามก่อนเสมอ”

เมื่อถามว่า ย้ำว่าต่อจากนี้จะไม่ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ ไม่มีใช่ไหม ลุงพลกล่าวว่า “ผมยังไม่เคยปฏิเสธสื่อ แต่สื่อพูดว่าผมปฏิเสธสื่อ ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อช่องใหญ่แล้ว ซึ่งผมยังไม่เคยพูด ผมบอกว่าอีก 2 เดือนแล้วค่อยเจอกันเนาะ ค่อยสัมภาษณ์กัน เพราะว่ามันมีข่าวว่าวันที่ 15 ก.พ. จะมีการจับกุมผู้ร้าย ก็เลยเห็นว่าประมาณ 2 เดือนค่อยคุยกันนะ”

เมื่อถามว่า ล่าสุดหลังจากลุงพลเข้าเครื่องจับเท็จเมื่อสักช่วงเดือนที่แล้ว ปรากฏว่าวันเสาร์ที่ผ่านมามีกลุ่มพระภิกษุกับชาวบ้านรวม 6 คนไปเข้าเครื่องจับเท็จอีกรอบหนึ่ง แล้วก็อาจจะมีข้อมูลบางส่วนที่อาจจะเข้ามาใกล้เคียงกลุ่มบุคคลต้องสงสัย นาทีนี้หลังการเข้าเครื่องจับเท็จครั้งที่ 2 มีอะไรที่ลุงพลกังวลใจบ้างไหม ลุงพลกล่าวว่า “ไม่นะครับ ไม่มีนะครับ เพราะว่าผมก็ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ด้วยดีตลอดเสมอมา ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมีอะไรที่ต้องเป็นกังวล”

เมื่อถามว่า ข้อมูลชุดหนึ่งที่บอกว่า ย้อนกลับไป 11 พ.ค. 2563 อาจจะมีพระรูปหนึ่งเห็นว่าลุงพลอยู่ในจุดบริเวณตรงนั้นด้วย หรือมีโอกาสพูดคุยด้วย แล้วเป็นช่วงวันใกล้กับช่วงที่วันเกิดเหตุแบบนั้น ลุงพลกังวลจุดนี้ไหม ลุงพลกล่าวว่า “พระรูปไหนครับ” ถามว่าถ้าแบบนี้คือไม่มีใช่ไหม ลุงพลกล่าวว่า “พระรูปไหนครับที่ผู้สื่อข่าวถาม จะมีพระอธิการบุญมา กับพระครูบารัตน์ที่ผมไปส่ง” เมื่อถามว่า คือไม่มีใช่ไหม ไม่กังวลนะ ลุงพลข่าวว่า “ไม่ได้กังวลครับ เพราะตามข่าวผมก็ดูข่าวอยู่ว่ามีพระอธิการบุญมา กับพระครูบารัตน์ที่ไปเข้าเครื่องจับเท็จที่ปทุมธานี”

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) บอกว่าผลการเอาข้อมูลจากการเอาบุคคลเข้าเครื่องจับเท็จน่าจะออกในสัปดาห์นี้ แล้วเร็วๆ นี้อาจจะมีหมายจับ กระทั่งมีคำพูดที่บอกว่าตอนนี้กลุ่มบุคคลที่อาจจะเป็นคนร้ายถ้ารู้ตัวแล้วน่าจะนอนไม่หลับด้วย กังวลจุดนี้ไหม ลุงพลกล่าวว่า “ผมไม่กังวลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ เขาก็ทำหน้าที่ของเขาไป ผมก็มีหน้าที่ทำงานที่บ้านของผม ก็ทำไปปกตินะครับ ไม่ได้มีอะไรกังวลครับ”

เมื่อถามว่า สุดท้ายในทางคดี เท่าที่ผ่านมาเกือบ 1 ปี ลุงพลมีผู้ต้องหาหรือมีคนร้ายอยู่ในใจไหม ลุงพลกล่าวว่า “ถ้าถามผมนะครับ ผมว่าคนที่จะตอบคำถามได้ดีที่สุดน่าจะเป็นพ่อแม่น้องชมพู่นะครับ” เมื่อถามว่า รวมถึงตำรวจด้วย ปล่อยให้เป็นหน้าที่แบบนี้ใช่ไหม ลุงพลกล่าวว่า “ใช่ครับ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของชุดสืบที่เขาจะหาพยานหลักฐานต่างๆ ใช่ไหมครับทนาย”

ด้านนายรัชพลกล่าวว่า ที่มาวันนี้ในฐานะให้คำปรึกษาลุงพลจากกรณีเมื่อเช้าที่เกิดเหตุกระทบกระทั่งกันนิดหน่อย ก็ได้ให้คำแนะนำลุงพลไปในหลายอย่าง ประเด็นแรกคุยกับลุงพล ลุงพลก็สำนึกผิดในสิ่งที่ทำไป ผมก็บอกว่า โอเค เดี๋ยวไปคุยกับน้องนักข่าว ก็อยากให้มีการขอโทษกัน ก็อยากให้คืนดีกัน ไม่ว่าน้องนักข่าวหรือว่ากับทางหมอปลา พี่น้ำฟ้า หรือว่าพี่อุ๊บ ผมก็เคลียร์ให้ลุงพลหมดแล้วว่าโอเค ในเมื่อเกิดความเข้าใจผิดกัน เดี๋ยวก็ทำความเข้าใจกันให้ถูกต้อง ถ้าอะไรที่เราทำไม่ถูกใจเดี๋ยวก็อาจจะมีการพูดคุยกันอีกที

เมื่อถามว่า นอกเหนือจากความสัมพันธ์ต่างๆ ของบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ได้ให้ข้อแนะนำหรือคำปรึกษาด้านคดีบ้างไหม นายรัชพลกล่าวว่า ด้านคดีก็มี ตอนนี้มีคดีตะเคียน คดีที่หมอปลาแจ้งความ คดีน้องชมพู่ และคดีภาษี ได้คุยหมดทุกอย่างแล้วในรายละเอียด ระหว่างขึ้นรถจากจังหวัดอุดรธานีมาที่จังหวัดสกลนคร

เมื่อถามว่า คดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ มีคำแนะนำอย่างไรบ้าง เพราะต้องการหาตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุดด้วย นายรัชพลกล่าวว่า การเสียชีวิตของน้องชมพู่ ทางลุงพลได้ให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเยอะแล้ว ก็รอดูความคืบหน้าว่าทางตำรวจจะมีหมายจับหรือไม่ ถ้ามีหมายจับมาลงที่ลุงพล ตนก็คอยดูแลอยู่



กำลังโหลดความคิดเห็น