เปิดฉาก เปิดผ้าม่านกั้งสัปดาห์แรกของปีนี้ ปีพุทธศักราช 2564 หรือคริสต์ศักราช 2021 แต่คงหนีไม่พ้นต้องเริ่มโฉบ เริ่มแวะไปที่อเมริกากันอีกนั่นแหละทั่น!!! เพราะแม้ว่าอีกไม่กี่วัน แค่สัปดาห์-สองสัปดาห์เท่านั้นเอง ที่ว่าที่ประธานาธิบดีรายใหม่อย่าง “ผู้เฒ่าโจ” ท่านจะขึ้นแท่น ขึ้นไปกล่าวคำสาบานในพิธีสถาปนาผู้นำประเทศอเมริการายใหม่ ในวันที่ 20 มกราฯ ที่จะถึง แต่กระนั้น...ผู้ที่กำลังจะกลายเป็น “อดีตประธานาธิบดี” อย่าง “ทรัมป์บ้า” ก็ยังคงพยายาม “วิ่ง-สู้-ฟัด” แบบชนิดไม่ไล่-ไม่เลิก...
คือแม้การใช้ช่องทางฟ้องร้องแบบ “ลูกอีช่างฟ้อง” ตามสไตล์บรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย จะออกไปทางแพ้แล้ว แพ้อีก ถูกตีตก หรือ “ตีกลับ” หนักซะยิ่งกว่า 2 อัยการบ้านเราไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า แต่ความพยายามลุกขึ้นมาสวมบทบาทแบบคล้ายๆ คุณน้อง “ธนาธร” บ้านเรา หันไปปลุก ไปกระตุ้น บรรดามวลชนอเมริกัน ให้ออกมา “ชู 3 นิ้ว” หรือกี่นิ้วก็แล้วแต่ ในช่วงอีกวัน-สองวันข้างหน้า หรือวันที่ 6 มกราคม ณ เวลา 11.00 น. ช่วงจังหวะที่สมาชิกสภาฯ และวุฒิสภา กำลังต้องให้การรับรองผลเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อไม่นานมานี้ ในลักษณะที่ “ผู้เฒ่าโจ” ชนะขาดลอยไปด้วยคะแนน 306 ต่อ 232 แต่ก็ยังคงถูกกล่าวหาใส่ไคล้ ใส่ความ โดย “ทรัมป์บ้า” ถือเป็นการ “ขโมยเลือกตั้ง” ไปซะนี่!!!
แม้ว่าการออกมาป่าวประกาศ ออกมาทวีตเรียกร้องให้มีการชุมนุมใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ ขึ้นมาในช่วงเวลาดังกล่าว สุดท้ายอาจต้อง “เหี่ยวปลาย” แบบม็อบ 3 นิ้วบ้านเรา หรือไม่ อย่างไร ก็ตามที แต่สิ่งที่น่าสนใจเอามากๆ...ก็คือบรรดาความคิด ความอ่าน บรรดาอารมณ์-ความรู้สึก ของชาวอเมริกันชนทุกวันนี้ ออกจะเป็นอะไรที่น่าจะยากส์ส์ส์เอามากๆ ในการทำให้เหี่ยว ให้หดลงไปได้ง่ายๆ แม้ว่าความพยายาม “บังคับใช้กฎหมาย” ไม่ว่าในทางเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรักษาความมั่นคง หรือทางศาลสถิตยุติธรรม ก็แล้วแต่ ออกจะเป็นอะไรที่เข้มข้น แข็งแรง มิใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นแผนการลอบฆ่า ลอบสังหาร ลอบลักพาตัว ของบรรดาพวก “ขวาจัด” ในอเมริกา การวางระเบิดที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ที่อาจลุกลามไปถึงตึกเอ็มไพร์สเตท เอาง่ายๆ ต่างถูกสะกด ถูกสกัดไปเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งการฟ้องร้องก่อคดีความในมลรัฐต่างๆ ถึงความไม่ชอบมาพากลในการเลือกตั้ง ถูกตีตก ตีกลับ จนแทบไม่เหลืออะไรให้วิ่ง ให้สู้ และให้ฟัด อีกต่อไปแล้ว แต่กระนั้นก็ตาม...โอกาสที่จะไปสะกด ไปสกัด สิ่งที่เป็นความคิด ความอ่าน เป็นอารมณ์-ความรู้สึก มันคงแทบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ โดยเฉพาะในสังคมที่เต็มไปด้วย “เสรีภาพ” ในการแสดงออกถึงสิ่งเหล่านี้ แบบอิสระเสรี และสุดลิ่มทิ่มกระดานมาโดยตลอด...
ยิ่งไปกว่านั้น...ถ้าหากหันไปมองแนวคิด ลักษณะอาการของผู้นำรายใหม่ อย่าง “ผู้เฒ่าโจ” รวมไปถึงบรรดาผู้ที่กำลังกลายเป็นพลังสำคัญ ในการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล อย่างพรรคเดโมแครตในทุกวันนี้ ที่ไหลไปทาง “ปีกซ้าย” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่ใช่ซ้ายแบบคอมมิวนิสต์ คอมมูหน่อย แบบสังคมนิยมในแต่ละรูป ละแบบ คือออกไปทาง “ซ้ายในขวา” หรือซ้ายเมื่อเทียบกับพวกขวาจัด หรือขวาสุดๆ แต่กระนั้นก็ตาม...โดยลักษณะอาการที่ว่า ก็กลายเป็นสิ่งที่ถูกหยิบเอาใช้เป็น “เงื่อนไข” หรือ “เหตุปัจจัย” ที่จะทำให้ผู้ที่มีแนวคิดในด้านตรงกันข้าม พร้อมหันมาต่อต้าน คัดค้าน พร้อมหันมาปะทะเล่นงานกันในขั้น “แตกหัก” ได้ทุกเมื่อ เอาง่ายๆ ว่า...แค่สมญานาม หรือฉายานามของ “ผู้เฒ่าโจ” ในทุกวันนี้ จากที่เคยถูกเรียกขานโดยพวกที่มีแนวคิดตรงกันข้ามว่า “โจซึมเซา” หรือ “Sleepy Joe” แต่มาถึงทุกวันนี้ สมญานามดังกล่าวก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนแบบใหม่หมดทั้งด้าม ให้กลายเป็น “โจเมืองจีน” หรือ “China Joe” โดยบรรดาสื่อฝ่ายขวาอเมริกันจำนวนมิใช่น้อย หรือให้ออกไปทางคอมมิวนิสต์ ทางโซเชียลลิสต์ เข้าไว้นั่นแหละทั่น...
เพราะโดยแนวคิดของ “ผู้เฒ่าโจ” หรือของกลุ่มการเมืองที่กลายมาเป็นพลังสำคัญในพรรคเดโมแครต ก็ใช่ว่าจะเป็นแนวคิดที่ปราศจากที่มา-ที่ไป แต่อย่างที่เคยว่าๆ เอาไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วนั่นแหละว่า มันมีความสืบเนื่อง ต่อเนื่องมาจากบรรดาพวก “เสรีนิยมใหม่” ที่เคยเป็นผู้ขับเคลื่อนโลกทั้งโลกด้วย “โลกาภิวัตน์ที่มาจากด้านบน” หรือโลกาภิวัตน์ภายใต้ทุนนิยมเสรีอะไรทำนองนั้น แม้ว่าจะประสบความล้มเหลวในช่วงหลังๆ หรือหลังจากฉากเหตุการณ์ “การปะทะที่ซีแอตเติล” (The Battle of Seattle) นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 เป็นต้นมา แต่หลังจากที่ได้พยายามปรับทิศ ปรับทาง ปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสระดับโลก อย่างเชื้อ “COVID-19” จนกลายมาเป็น “The Great Reset” หรือเป็นแนวคิดที่ถูกนำเสนอโดยประธาน “World Economic Forum” “นายKlaus Schwab” รวมทั้งมกุฎราชกุมารอังกฤษ อย่าง “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และกลายมาเป็นคำขวัญ คำโฆษณาหาเสียงของ “ผู้เฒ่าโจ” และพรรคการเมืองอย่างเดโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกันที่เพิ่งผ่านมา คือ “Building Back Better” ก็ล้วนแต่ถือเป็นแนวคิดที่กระเดียดออกไปทางซ้าย ในความคิด ความเห็นของพวกขวาจัด หรือขวาสุดๆ ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
คืออย่างน้อย...ก็ต้องหาทาง “ควบคุม” และ “บังคับ” ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เพื่อให้บรรดาทุนนิยมทั้งหลาย ต้องถูกปรับสภาพ แปรสภาพให้กลายมาเป็น “ทุนนิยมที่มีความรับผิดชอบ” (responsible capitalism) ให้จงได้ โดยแม้ว่าการ “ควบคุม” และ “บังคับ” จะเป็นสิ่งที่ถูกเรื่อง หรือถูกต้อง เพียงใดก็ตามที แต่โอกาสที่มันจะไปขัดแย้ง แปลกแยกกับอารมณ์-ความรู้สึกกับ “ค่านิยมตะวันตก” ที่หนักไปทางอิสระเสรี แบบสุดลิ่มทิ่มกระดานมาโดยตลอด อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้โอกาสที่จะเกิดการปะทะ การแตกแยกและแตกหัก ภายในสังคมอเมริกันทุกวันนี้และในอนาคตเบื้องหน้า ย่อมยากจะ “เหี่ยวปลาย” ลงไปได้ง่ายๆ โดยไม่ว่า “ทรัมป์บ้า” จะชู 3 นิ้วอีกต่อไปหรือไม่ อย่างไร ไม่ว่าผู้ต้องหาวางแผนลักพาตัวผู้ว่าการหญิงรัฐมิชิแกน จะถูกจับโดยละม่อม หรือโดยละเมียดละไมใดๆ ก็แล้วแต่ ไม่ว่ามือวางระเบิดเมืองแนชวิลล์จะเป็นแค่คนโรคจิต โรคประสาทธรรมดาโดยทั่วไป ฯลฯ แต่ความพยายามที่จะหาทางปรับตัว ปรับสภาพ ให้ทุนนิยมเสรีทั้งหลาย กลายเป็นทุนนิยมที่มีความรับผิดชอบ ให้ลดการใช้พลังงานสกปรก หันมาช่วยกันพิทักษ์รักษาสิ่งแวดล้อม สร้างเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ สุดท้าย...ย่อมนำมาซึ่งแรงเสียดสี เสียดทาน ภายในสังคมตะวันตก ไม่ใช่แต่เฉพาะอเมริกาเท่านั้น ยังอาจลุกลามไปถึงอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส ฯลฯ ที่ต่างกำลังหาทาง “ควบคุม” และ “บังคับ” ใครต่อใครอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ ชนิดใครที่ไม่คิดจะฉีดวัคซีน อาจไม่มีสิทธิขึ้นรถ เดินเรือ ไปไหนต่อไหนได้เลยถึงขั้นนั้น!!!
ดังนั้น...แม้ว่า “ผู้เฒ่าโจ” ท่านจะเข้ารับการสาบานตัวเป็นประธานาธิบดี หรือเป็น “ประมุขโลก” ได้ตามกำหนดการ หรือแม้อดีตประธานาธิบดีอย่าง “ทรัมป์บ้า” จะหมดสภาพ หมดเรี่ยว หมดแรง ไม่อาจดำรงตนเป็นธนาธร-ปิยบุตร-หรือคุณน้องช่อ แห่งอเมริกาได้ต่อไปอีก แต่การปะทะ ขัดแย้งทางความคิด ในสังคมอเมริกา รวมทั้งสังคมตะวันตกอีกเป็นจำนวนไม่น้อย ระหว่างพวก “ขวาจัด” กับพวกที่ต้องพยายามแปรสภาพตัวเองไปเป็น “ซ้ายในขวา” ทั้งหลาย ย่อมทำให้โอกาสที่จะเกิดสีสันบรรยากาศแปลกๆ-ใหม่ๆ อุบัติขึ้นมาในฉากเหตุการณ์การเมืองโลก ในช่วงปีใหม่ปีนี้ ได้ในหลายต่อหลายเรื่อง หลายต่อหลายกรณี อันเป็นสิ่งที่ผู้คนในประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย คงต้องพยายามเฝ้าติดตามและตรวจสอบกันไปเป็นระยะๆ ตามแบบฉบับที่คุณปู่ “จอร์จ ซันตายานา” ท่านว่าเอาไว้นั่นแหละว่า “เท้าของคน...ต้องปักอยู่ในประเทศของเขา แต่ดวงตาควรสำรวจดูโลก” อะไรประมาณนั้น...