อเมริกาเตรียมฉีดวัคซีนให้ประชาชนตั้งแต่วันจันทร์ (14 ธ.ค.) ขณะทรัมป์ออกมายืนยันตนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวจะยังไม่ฉีดในตอนนี้ สำหรับสถานการณ์การระบาดในภูมิภาคต่างๆ ยังคงสาหัส เยอรมนีสั่งล็อกดาวน์บางพื้นที่ข้ามปี ส่วนเกาหลีใต้จ่อเพิ่มมาตรการจำกัดความเคลื่อนไหวอย่างเข้มงวดจนขึ้นสู่ระดับสูงสุดเพื่อสกัดการระบาดรอบสาม
ขบวนรถบรรทุกติดตั้งห้องเย็นพิเศษ เคลื่อนออกจากโรงงานของบริษัทไฟเซอร์ในรัฐมิชิแกนตั้งแต่วันอาทิตย์ (13) เพื่อจัดส่งวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ที่ได้รับอนุมัติใช้ฉุกเฉินจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีโอ) เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วเพื่อฉีดให้ชาวอเมริกันที่มีความเสี่ยงติดเชื้อสูงก่อนเป็นกลุ่มแรก
แอนดี้ บีเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนทักกี แสดงความเชื่อมั่นว่า จะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ในวันจันทร์
ทั้งนี้ วัคซีนล็อตแรก 2.9 ล้านโดสจะได้รับการจัดส่งภายในวันพุธ (16) และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า ชาวอเมริกัน 20 ล้านคนจะได้ฉีดวัคซีนภายในสิ้นปี และอีก 100 ล้านคนภายในเดือนมีนาคมปีหน้า
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวิตเมื่อวันอาทิตย์ว่า วัคซีนอยู่ระหว่างการจัดส่ง และขอให้อเมริกาและโลกหายจากโควิด
ในคืนวันอาทิตย์ ผู้นำสหรัฐฯ ทวิตอีกรอบว่า ตนและเจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาวจะยังไม่ฉีดวัคซีนในตอนนี้ แต่จะรอเวลาที่เหมาะสม ยกเว้นจำเป็นจริงๆ เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานวันอาทิตย์ว่า ทั้งทรัมป์ รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ในทำเนียบขาว จะได้รับการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันจันทร์ ตามแผนการรับประกันความต่อเนื่องในการทำงานของรัฐบาล
ก่อนที่ทรัมป์จะทวิตเรื่องนี้ จอห์น อัลยอต โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ แถลงว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ จะได้รับการฉีดวัคซีนตามมาตรการที่กำหนดไว้เพื่อรับประกันว่า รัฐบาลจะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่องระหว่างโรคระบาดหรือสถานการณ์ฉุกเฉินด้านภัยพิบัติ ขณะที่แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า บุคลากรสำคัญในทำเนียบขาวและเจ้าหน้าที่บางคนในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ จะได้รับการฉีดวัคซีนภายใน 10 วันข้างหน้า
อัลล์ยอตสำทับว่า ชาวอเมริกันควรมั่นใจว่า ได้รับวัคซีนที่มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพระดับเดียวกับที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลได้รับ ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและผู้นำด้านความมั่นคงแห่งชาติ
อย่างไรก็ดี ไม่มีข้อมูลว่า โจ ไบเดน และกมลา แฮร์ริส ว่าที่ประธานาธิบดีและว่าที่รองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต รวมถึงสมาชิกทีมถ่ายโอนอำนาจ จะได้รับการฉีดวัคซีนล็อตนี้ด้วยหรือไม่
อเมริกาเริ่มแจกจ่ายวัคซีนขณะที่สถานการณ์การระบาดยังน่าเป็นห่วง ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 299,000 คน และยอดผู้ติดเชื้อสะสม 16.2 ล้านคน ซึ่งรวมถึงเคสใหม่กว่า 1.5 ล้านคนในระยะเวลาแค่ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับทั่วโลกขณะนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1.6 ล้านคน และติดเชื้อ 71.6 ล้านคน
สถานการณ์ในยุโรปก็รุนแรงสาหัส โดยที่เยอรมนี รัฐบาลประกาศเริ่มล็อกดาวน์บางพื้นที่ตั้งแต่วันพุธ ด้วยการปิดร้านค้าที่ไม่จำเป็นและโรงเรียน จนถึงวันที่ 10 มกราคม เพื่อสกัดการติดเชื้อแบบก้าวกระโดด
สัปดาห์ที่แล้ว ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปแห่งนี้มีผู้เสียชีวิตวันละ 600 คน และสถิติผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัวจากช่วงที่โควิดระบาดหนักที่สุดในฤดูใบไม้ผลิ
ด้านอิตาลี โรเบอร์โต สเปแรนซา รัฐมนตรีสาธารณสุขเตือนว่า ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง ยังคงไม่สามารถสยบการระบาดได้ โดยล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตแดนมักกะโรนีเพิ่มเป็น 64,520 คน แซงอังกฤษ (64,267 คน) ขึ้นเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิดมากที่สุดในยุโรป
ที่เอเชีย รัฐบาลเกาหลีใต้สั่งปิดโรงเรียนในกรุงโซลและปริมณฑลตั้งแต่วันอังคาร (15) จนถึงสิ้นเดือน เพื่อต่อสู้กับการระบาดรอบสามของไวรัสโคโรนา ส่อเค้าว่า อีกไม่นานประเทศเศรษฐกิจอันดับ 4 ของเอเชียแห่งนี้ อาจต้องบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดและหมายถึงการล็อกดาวน์ อันเป็นสิ่งที่ทางการโสมขาวพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด
ทั้งนี้ สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (เคดีซีเอ) รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า พบเคสใหม่ 718 คน ลดลงจากสถิติสูงสุดรายวัน 1,030 คนเมื่อวันอาทิตย์ โดยในจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 682 คนเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ และส่วนใหญ่อยู่ในโซล เมืองอินชอน และจังหวัดคย็องกี
ปัจจุบัน เกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อสะสม 43,484 คน เสียชีวิต 587 คน
รัฐบาลเกาหลีใต้ได้เริ่มโครงการติดตามผู้สัมผัสโรคครั้งใหญ่ โดยใช้ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อื่นๆ หลายร้อยคน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคน เช่น คิม ดง-ฮยุน นายกสมาคมระบาดวิทยาแห่งเกาหลี และศาสตราจารย์คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮัลลิม เรียกร้องให้รัฐบาลและสังคมพยายามมากขึ้นเพื่อควบคุมการระบาด
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)