ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตรียมลงนามคำสั่งบริหารให้สิทธิชาวอเมริกันเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของรัฐบาล ก่อนที่สหรัฐฯ จะส่งวัคซีนไปช่วยเหลือประเทศอื่นๆ
เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งระบุว่า รัฐบาลทรัมป์มั่นใจว่าสหรัฐฯ จะมีวัคซีนโควิด-19 เพียงพอสำหรับประชาชนทุกคนที่ประสงค์จะฉีดภายในสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2021 ซึ่งคำพูดนี้ดูเหมือนจะมีเจตนาหักล้างข้อมูลจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สที่อ้างว่า รัฐบาลทรัมป์เคยปฏิเสธข้อเสนอของไฟเซอร์ อิงก์ ที่จะจำหน่ายวัคซีนให้แก่อเมริกามากขึ้นกว่าเดิม
เจ้าหน้าที่อีกคนเผยว่า คำสั่งบริหารของทรัมป์จะนำไปสู่การจัดทำระเบียบปฏิบัติสำหรับหน่วยงานของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือแก่ต่างชาติ หลังจากที่สหรัฐฯ มีวัคซีนเพียงพอใช้แล้ว
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่า ทรัมป์มีเหตุจำเป็นอะไรที่จะต้องออกคำสั่งสงวนวัคซีนไว้ให้คนในประเทศก่อน และดูเหมือนจะเป็นเพียงการตอกย้ำว่าการแจกวัคซีนโควิด-19 ก็จะต้องเป็นไปตามนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) ของ ทรัมป์ ด้วย
ทำเนียบขาวเตรียมจัดการประชุมวัคซีนซัมมิตในวันนี้ (8) เพื่ออธิบายแผนการแจกจ่ายวัคซีนผ่านโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับภาคเอกชนในการผลิตวัคซีนโควิด-19 หรือที่เรียกกันว่า “Operation Warp Speed - OWS”
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่าผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่อย่าง ไฟเซอร์ อิงก์ และ โมเดอร์นา อิงก์ จะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุม
นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า ไฟเซอร์อาจไม่สามารถจัดส่งวัคซีนให้สหรัฐฯ เพิ่มได้จนกว่าจะถึงเดือน มิ.ย.ปีหน้า เนื่องจากรับคำสั่งซื้อจากประเทศอื่นๆ ไว้แล้วเช่นกัน
ชารอน กัสติลโล โฆษกหญิงของไฟเซอร์ ระบุว่า “รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำข้อตกลงสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคจำนวน 100 ล้านโดส ซึ่งไฟเซอร์พร้อมจะจัดส่งวัคซีนล็อตแรกๆ ให้ทันทีที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน แต่หากรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการสั่งซื้อเพิ่มเติม ก็จะต้องมาทำข้อตกลงกันใหม่”
อเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ ให้สัมภาษณ์กับเอ็นบีซีนิวส์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีออปชั่นที่จะสั่งซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์ได้เพิ่มถึง 500 ล้านโดส แต่ก็ไม่ได้บอกว่ารัฐบาล ทรัมป์ จะเอาหรือไม่
ทั้งนี้ ผู้แทนจากทีมงานเปลี่ยนผ่านของ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมซัมมิตวัคซีนที่ทำเนียบขาว เนื่องจาก ทรัมป์ ยังปฏิเสธที่จะยอมรับว่าตนเองแพ้เลือกตั้ง
ที่มา : รอยเตอร์