หากสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ตัดสินใจอนุมัติใช้วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค บางทีพวกเขาอาจขอให้คนติดเชื้อที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้งดรับวัคซีน จากการเปิดเผยของนักวิทยาศาสตร์ระดับสูงของรัฐบาลอเมริกาในวันพุธ (9 ธ.ค.) หลังมีรายงานจากสหราชอาณาจักร เกี่ยวกับการเกิดผลข้างเคียงกับผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้รุนแรง
การเปิดเผยของนักวิทยาศาสตร์ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ มีขึ้นตามหลังสหราชอาณาจักรได้ออกคำเตือนแบบเดียวกัน หลังพบเจ้าหน้าที่สาธารณาสุข 2 คน มีอาการแพ้ต่างๆ นานาและจำเป็นต้องได้รับการรักษา
ทั้งสหราชอาณาจักร และแคนาดา ได้อนุมัติใช้วัคซีนตัวดังกล่าวซึ่งใช้ในปริมาณ 2 โดส บนพื้นฐานในกรณีฉุกเฉินเป็นเรียบร้อยแล้ว และคาดหมายว่าสหรัฐฯ จะดำเนินการอย่างเดียวกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลังจากคณะที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยามีกำหนดประชุมกันในประเด็นดังกล่าวในวันพฤหัสบดี (10 ธ.ค.)
มอนเซฟ ซาลาอุย หัวหน้าที่ปรึกษาโครงการวัคซีนโควิดของสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า “กำลังตรวจสอบข้อมูล คนไข้หรือบุคคลที่มีประวัติอาการแพ้รุนแรงจะถูกกันออกจากการทดลองทางคลินิก”
“ผมสันนิษฐานว่า ด้วยที่เอฟดีเอจะทำการตัดสินใจต่างๆในวันพรุ่งนี้ เรื่องนี้จะอยู่ภายใต้การพิจารณาด้วย เช่นเดียวกับในสหราชอาณาจักร คาดหมายว่าบุคคลที่มีอาการแพ้รุนแรงจะถูกร้องขอไม่ให้รับวัคซีน จนกว่าเราจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่ชัด” เขากล่าว
นอกจากนี้แล้ว ทางสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ จะร้องขอผู้จัดหา ให้คอยสังเกตดูว่าผู้ใช้มีอาการโรคใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก ที่เรียกว่า Bell's palsy ซึ่งไม่พบเห็นบ่อยนัก แต่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและไม่รุนแรง หรือไม่ หลังข้อมูลพบอาสาสมัคร 4 คนจากทั้งหมด 19,000 ในการทดลองวัคซีน มีอาการดังกล่าว
โดยรวมแล้ว ซาลาอุย บอกว่าเขาประทับใจกับข้อมูลของวัคซีนที่ปรากฏอยู่ในรายงานสรุปที่ยื่นต่อสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงการเน้นว่าวัคซีนเริ่มให้การปกป้องอย่างแข็งแกร่งหลังได้รับโดสแรกไปแล้ว แม้ยังคงแนะนำให้ต้องรับครบทั้ง 2 โดส ในเวลาห่างกัน 21 วัน
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ที่หน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของสหรัฐฯจะอนุมัติใช้วัคซีนตัวดังกล่าวในกรณีฉุกเฉิน แต่ อเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่มีธงในใจว่าน่าจะเป็นในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
สหรัฐฯ หวังฉัดวัคซีนให้ประชาชนให้ได้ 20 ล้านคนในเดือนนี้ โดยมีผู้พักอาศัยในบ้านพักคนชราและบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ
นอกจากนี้แล้วอเมริกายังมีเป้าหมายฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชน ถึงระดับ 100 ล้านคนในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ และประชากรทั้งหมดของประเทศในเดือนมิถุนายน
ทั้งนี้ อังกฤษได้เริ่มโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์ และไบโอเอ็นเทค ครั้งใหญ่ให้แก่ประชาชนเมื่อวันอังคาร (8 ธ.ค.) โดยเริ่มจากกลุ่มผู้สูงอายุ และบุคลากรทางการแพทย์ แต่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ 2 รายของหน่วยงานสาธารณสุขมีอาการแพ้หลังจากได้รับวัคซีนดังกล่าว
“เจ้าหน้าที่ขอแนะนำให้ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนดังกล่าว หลังจากเกิดกรณีผู้ที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ 2 รายเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน” นายสตีเฟน โพวิส ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติ (NHS) ระบุ