รัฐบาลเกาหลีเหนือแสดงความโกรธเกรี้ยวและเตือนถึงผลลัพธ์ของการพูดจา “ไม่เกรงใจกัน” หลังจากที่ คัง คยุงฮวา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ออกมาแสดงความกังขาเรื่องที่เปียงยางอ้างว่าไม่มีโควิด-19 แพร่ระบาดในโสมแดง
คัง เอ่ยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (5) ว่า แม้รัฐบาลเกาหลีเหนือจะทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดกั้นโควิด-19 แต่ก็เป็นเรื่อง “ยากที่จะเชื่อ” ว่ารัฐโสมแดงไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศแม้แต่รายเดียว
จนถึงวันนี้รัฐบาลเปียงยางก็ยังไม่ยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่ยอมรับว่ามี “เคสต้องสงสัย” หลายพันราย
ล่าสุด คิม โยจอง น้องสาวของผู้นำคิม จองอึน ซึ่งเวลานี้ดำรงตำแหน่งอาวุโสในพรรคแรงงาน ได้ออกคำแถลงผ่านสำนักข่าว KCNA วันนี้ (9 ธ.ค.) ว่า คำพูดของรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้มีเจตนาสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศ
“จากคำพูดที่ไร้ความยับยั้งชั่งใจและไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เธอตั้งใจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีย่ำแย่ลงไปอีก” คิม กล่าว
“เราจะไม่มีวันลืมคำพูดเธอ และเธอจะต้องชดใช้มันอย่างสาสม”
ประธานาธิบดีมุน แจอิน แห่งเกาหลีใต้และผู้นำ คิม เคยจัดประชุมซัมมิตกันถึง 3 ครั้งในปี 2018 แต่แล้วความสัมพันธ์สองเกาหลีที่มีแนวโน้มอบอุ่นขึ้นก็กลับทรุดหนักลงไปอีก หลังจากที่การประชุมซัมมิตระหว่าง คิม กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อปี 2019
KCNA รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เกาหลีเหนือได้บังคับใช้ “มาตรการฉุกเฉินขั้นสูงสุด” เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เชื้อโควิด-19 เล็ดรอดผ่านพรมแดนเข้ามาได้
สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ชี้ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเกาหลีเหนือมีความเป็นไปได้ เนื่องจากรัฐโสมแดงมีการติดต่อค้าขายและเดินทางข้ามแดนกับ “จีน” ซึ่งเริ่มพบผู้ป่วยตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ก่อนที่จะสั่งปิดพรมแดนในช่วงปลายเดือน ม.ค.
รายงานของ KCNA มีขึ้นในขณะที่ สตีเฟน บีกัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้แทนพิเศษฝ่ายกิจการเกาหลีเหนือ เดินทางไปถึงกรุงโซลเมื่อค่ำวันจันทร์ (7) ซึ่งน่าจะเป็นทริปสุดท้ายของเขา ก่อนที่รัฐบาลชุดใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเข้ามารับช่วงบริหารประเทศต่อในเดือนหน้า
ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีเหนือยังไม่มีท่าทีตอบสนองอย่างเป็นทางการต่อผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่ง ทรัมป์ ยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้
ที่มา : รอยเตอร์