เอเจนซีส์ - สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แถลงวันนี้ (9 พ.ย.) ว่า ผลการศึกษาเบื้องต้นในการทดสอบวัคซีนไซโนฟาร์มของจีนในเฟส 3 พบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 ได้ 86% โดยทางยูเออีอนุมัติใช้ป้องกันต่อสาธาณระ ด้านองค์กรกำกับวัคซีนระหว่างประเทศ “พันธมิตรวัคซีนเพื่อประชาชน” (People's Vaccine Alliance) ชี้ชาติร่ำรวยกักตุนวัคซีนโควิด-19 สูง 3 เท่า ทิ้งให้ประเทศยากจนต้องตกที่นั่งลำบาก
บลูมเบิร์ก สื่อธุรกิจรายงานวันนี้ (9 ธ.ค.) ว่า กระทรวงสาธารณสุขอาหรับเอมิเรตส์ออกมากล่าวผ่านรายงานวันพุธ (9) ยืนยันว่า หลังจากเฟส 3 ของการทดสอบวัคซีนไซโนฟาร์ม (Sinopharm) ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับอาสาสมัครจำนวน 31,000 คน รวม 125 สัญชาติพบว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพการป้องกันสูงในเคสป่วยปานกลางไปจนถึงขั้นร้ายแรงโดยที่ไม่แสดงผลข้างเคียงร้ายแรงให้ปรากฎหลังจากได้รับ 2 โดสไปแล้ว
CGTN สื่อจีนภาคภาษาอังกฤษรายงานวันนี้ (9) ว่า ยูเออีได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนต่อสาธารณะซึ่งจะทำให้ยูเอเอีกลับมาเปิดประเทศทางเศรษฐกิจได้อีกครั้ง ถือสัญญาณเบื้องต้นที่เป็นการแสดงให้เห็นว่า วัคซีนเป็นตัวพลิกเกม เจ้าหน้าที่อาบูดาบีกล่าวว่า พวกเขาจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นเพื่อให้ทุกกิจกรรมสามารถกลับมาได้อีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์ รวมด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและทางวัฒนธรรม
ทั้งนี้ วัคซีนไซโนฟาร์มนั้นถูกพัฒนาขึ้นจากบริษัท ไชน่า เนชันแนล ไบโอเทค กรุ๊ป โค (China National Biotec Group Co) ภายใต้ไซโนฟาร์ม (Sinopharm) ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลปักกิ่ง
ทั้งนี้ วัคซีนไซโนฟาร์มได้ถูกแจกจ่ายให้ใช้ด้านฉุกเฉินให้แก่ประชาชนหลายแสนคนในประเทศจีนแต่ยังไม่เคยได้รับการอนุมัติจากผู้กำกับยาใดมาก่อนสำหรับการใช้สาธารณะ
บลูมเบิร์กรวบรวมข้อมูลพบว่า มีเกือบ 100 ประเทศทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับโครงการวัคซีนจีนทั้งในรูปการให้เงินกู้สนับสนุนเพื่อจัดซื้อวัคซีน การเสนอให้เปล่าซึ่งเกิดขึ้นที่ทวีปแอฟริกาและการร่วมในฐานะทดสอบวัคซีนหรือการผลิตอย่างเป็นทางการ เป็นต้นว่า ในทวีปละตินอเมริกาซึ่งประสิทธิภาพสูงถึง 86% นั้น ถูกจัดว่าสูงมากเมื่อเทียบกับวัคซีนคู่แข่งจากชาติตะวันตก แต่ทว่าบริษัทยาชาติตะวันตกนั้นเปิดเผยข้อมูลการวิจัยมากกว่า
ความสำเร็จของวัคซีนไซโนฟาร์มนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ที่ต้องการให้วัคซีนจีนเกิดขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์โดยรวมของคนทั้งโลกและเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการฟื้นฟูภาพลักษณ์จีนหลังจากที่ไวรัสได้แพร่ออกมาจากเมืองอู่ฮั่นเมื่อปลายปี 2019
โดยเมื่อดูจากประสิทธิภาพการป้องกันของวัคซีนไซโนฟาร์มอยู่ที่ 86% ซึ่งสูงกว่าวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ถูกพัฒนาและมีมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเข้าร่วมมีประสิทธิภาพที่ 70% ทำให้บลูมเบิร์กชี้ว่า วัคซีนจีนอาจกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดประเทศกำลังพัฒนา ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ และวัคซีนโมเดอร์นาที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าไม่ต่ำกว่า 90% นั้นเป็นความท้าทายในด้านการขนส่งและการจัดเก็บเนื่องมาจากปัญหาด้านการควบคุมอุณหภูมิที่ต้องต่ำถึง -70 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ มีรายงานว่าเจ้าผู้ครองนครดูไบ โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล-มักตูม (Sheikh Mohammed bin Rashid al Maktoum) มีรายงานว่าได้รับวัคซีนที่กำลังศึกษาเมื่อพฤศจิกายน ไม่นานหลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศยูเอเอี อับดุลลาห์ บิน ซายิด อัล นาห์ยาน (Sheikh Abdullah bin Zayed al Nahyan) อ้างอิงจาก CNBC สื่อสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน องค์กรกำกับวัคซีนระดับโลก พันธมิตรวัคซีนเพื่อประชาชน (People's Vaccine Alliance) แถลงในวันนี้ (9) ว่า ชาติที่ร่ำรวยในโลกต่างพากันสั่งซื้อเพื่อกักตุนวัคซีนต้านโควิด-19 สูงกว่า 3 เท่า ส่งผลทำให้ชาติที่กำลังพัฒนาถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
โดยใน 67 ประเทศยากจนกว่า พบว่า มีแค่ 1 ใน 10 เท่านั้นที่จะมีโอกาสได้รับวัคซีนโควิด-19 ได้ภายในสิ้นปีหน้า ซึ่งในกลุ่ม 67 มีชื่อรวม เคนยา พม่า ไนจีเรีย ปากีสถาน และยูเครน นั้นเกือบจะถูกตัดหนทางจากการออกมาจากวิกฤตโรคโควิด-19 ระบาด
แต่กลับพบว่าบรรดาชาติที่ร่ำรวยนั้นได้แข่งขันเพื่อจับจองวัคซีนมาตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาดเมื่อต้นปี ได้มีการสั่งเกินจำนวนโดยชาติที่เป็นตัวแทนประชากรแค่ 14% ของประชากรทั้งหมดทั่วโลกกลับเป็นเจ้าของมากกว่าครึ่งของวัคซีนโควิด-19
โดยในรายงานได้ยกตัวอย่างแคนาดานั้นได้สั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 จำนวนโดสเพียงพอในการแจกจ่ายประชาชนได้กว่า 5 เท่าหากว่าวัคซีนโควิด-19 ทั้งหมดที่มีได้รับการพัฒนาถูกอนุมัติให้สามารถใช้ได้
นิวยอร์กไทม์สได้รายงานในวันจันทร์ (7) ว่า บริษัทยาไฟเซอร์ได้เสนอทำเนียบขาวหลายครั้งในการเพิ่มโควต้าวัคซีนไฟเซอร์ให้กับสหรัฐฯ ในช่วงปลายฤดูร้อนแต่ทว่าได้รับการปฏิเสธและหลังมีรายงานออกมาทำให้สื่อสหรัฐฯ ตั้งคำถามว่า เป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปฏิเสธในการซื้อเพิ่ม และพบว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังช่วยให้เม็กซิโกสามารถได้สิทธิ์สั่งซื้อวัคซีนต้านโควิด-19จากไฟเซอร์
พันธมิตรวัคซีนเพื่อประชาชนได้เรียกร้องไปยังบริษัทยายักษ์ใหญ่ทั้งหลายให้แบ่งปันด้านเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญากับองค์การอนามัยโลก WHO และเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกต่างให้คำมั่นในการจัดส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปยังกลุ่มประเทศยากจน