xs
xsm
sm
md
lg

โลกที่กำลังก้าวเข้าสู่ “ศตวรรษแห่งเอเชีย”

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์
ช่วงระหว่างนี้...ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องการออกฤทธิ์ ออกเดช ของท่านเชื้อไวรัส “COVID-19” ยังคงมาแรงแซงโค้ง ไม่ว่าจะใน “บ้านเขา” หรือ “บ้านเรา” ในระดับโลกทั้งโลก หรือแม้แต่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ณ สมุทรสาคร ของหมู่เฮาทั้งหลาย จนเรียกว่า...แทบไม่มีข่าวอื่น หรือข่าวใหม่ ที่น่าคิด น่าสะกิดใจ หรือต้องเชิญชวนให้ “ตามไปดู” เอาเลยก็ว่าได้...
 
แต่เผอิญเมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา...สำนักคิดทางธุรกิจ-เศรษฐกิจของคุณพ่ออเมริกาเขา หรือศูนย์วิจัยทางเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ (Center for Economics and Business Research-CEBR) แห่งมหาวิทยาลัย “Ball State University” รัฐอินเดียนาที่ออกจะมีชื่อเสียงโด่งดังเอามากๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เขาเพิ่งได้ออกเอกสารการวิจัยประจำปี เมื่อช่วงวันเสาร์ (26 ธ.ค.) ที่ผ่านมา อันกลายมาเป็นข่าวคราวที่ออกจะน่าคิด น่าสะกิดใจอยู่พอสมควร คือคล้ายๆ กับการทำนายทายทักเอาไว้ล่วงหน้า ว่าภายในอีกไม่ถึงสิบปีข้างหน้า โอกาสที่ประเทศคอมมิวนิสต์ หรือทุนนิยมเผด็จการ อย่างคุณพี่จีน น่าจะมาแรงแซงโค้งในทางเศรษฐกิจ ระดับสามารถแซงเศรษฐกิจอเมริกาแถวๆ โค้งวัดเบญจฯ ผงาดขึ้นเป็นประเทศ “มหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก” ได้ภายในปี ค.ศ. 2028 เป็นอย่างช้า หรือเร็วกว่ากำหนดการเท่าที่เคยคาดๆ กันเอาไว้ ได้อย่างชนิดแน่ซะยิ่งกว่าแช่แป้ง อะไรทำนองนั้น...
 
ด้วยการอาศัยข้อมูล ตัวเลขทางเศรษฐกิจ ที่คงผ่านการสำรวจตรวจสอบมาอย่างจริงๆ จังๆ และโดยหลักการพื้นฐานง่ายๆ ที่ใครต่อใครน่าจะพอเห็นๆ กันอยู่ นั่นก็คือภายใต้ภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อ “COVID-19” ที่น่าจะส่งผลให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก อย่างคุณพ่ออเมริกา หนีไม่พ้นต้องกรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชรอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ แต่ภายใต้ภาวะเดียวกันนี้นี่เอง เศรษฐกิจภายใต้ระบบทุนนิยมเผด็จการของคุณพี่จีน กลับยังโตวัน-โตคืน ไม่น้อยไปกว่า “โตโยต้า” อะไรประมาณนั้น คือขณะที่เศรษฐกิจอเมริกาโดยตัวเลข “GDP” ภายในปี ค.ศ. 2021 ที่ไม่ว่าจะตายโหง-ตายห่า เพราะการติดเชื้อขนาดไหนก็ตาม ถ้ามองโลกแบบสวยๆ แล้ว น่าจะกลับมาโตไม่เกิน 1.9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง แถมแนวโน้มว่าปี ค.ศ. 2022-2024 ยังทำท่าว่าน่าจะร่วงลงไปเหลือแค่ 1.6 เปอร์เซ็นต์ไม่มากไปกว่านั้น...
 
ขณะที่เศรษฐกิจคุณพี่จีนที่กลับมา “เด้ง” พรวดๆ พราดๆ แบบ “V-Shaped” เอาเลยนั้น ว่ากันว่า...ไม่ว่าจะมองโลกแบบโลกซวยเพียงใดก็ตาม ระหว่างปี ค.ศ. 2021-2025 น่าจะขยายตัวได้ถึง 5.7 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แม้ว่าระหว่างปี ค.ศ. 2026-2030 อาจลดลงมามั่ง แต่ก็ยังน่าจะเหลือประมาณ 4.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี หรือขณะเศรษฐกิจทุนนิยมเสรีอย่างอเมริกากำลังกรอบเป็นข้าวเกรียบนั้น เศรษฐกิจจีนทุนนิยมแบบจีนๆ กลับออกไปทาง “ไวอากร้า” การแซงหน้า แซงโค้ง แถวๆ วัดเบญจฯ ผงาดขึ้นเป็น “มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก” ของคุณพี่จีน จึงย่อมเป็นไปด้วยประการละฉะนี้...
 
และที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือว่า...ขณะที่เศรษฐกิจของบรรดาประเทศสำคัญๆในยุโรป เริ่มออกอาการร่วงแล้ว ร่วงเล่า เศรษฐกิจเยอรมนีอาจหล่นไปอยู่อันดับ 4 หรืออันดับ 5 เศรษฐกิจผู้ดีอังกฤษอาจถอยหลังไปอยู่อันดับ 6 เศรษฐกิจของประเทศภูมิภาคเอเชีย กลับยังคง “แดง-ไม่แดงแต่ขอให้แรงเข้าว่า” อีกเหมือนเดิม เศรษฐกิจญี่ปุ่น...ยังคงมาเป็นอันดับ 3 จนถึงปี ค.ศ. 2030 เป็นอย่างน้อย และผู้ที่อาจมีสิทธิเบียดๆ แซงๆ คุณพี่ยุ่นปี่ได้บ้าง ก็กลับเป็นคุณปู่อินตะระเดีย ณ นาร๊าย นารายณ์ ของหมู่เฮาทั้งหลายนี่เอง!!!
 
อันนี้นี่แหละ...ที่น่าคิด น่าสะกิดใจ ไม่น้อยทีเดียว หรือถือเป็นการรับประกัน การันตี ค่อนข้างแน่ ว่าสิ่งที่เรียกว่า “ศตวรรษแห่งเอเชีย” นั้น น่าจะถือเป็น “ของจริง-ของแท้” ไม่ใช่ “ของปลอม” แต่อย่างใด หรือน่าจะทำให้ “กระแสตะวันออก” ในอนาคตเบื้องหน้าน่าจะมาแรงแซงโค้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อำนาจ บทบาท และอิทธิพลตามแบบฉบับ “ตะวันตก” ที่เคยพุ่งขึ้นสู่จุดพีค หรือจุดสูงสุดยอดในยุค “เรือปืน” หรือยุคแห่งการ “ล่าอาณานิคม” ทั้งหลาย น่าจะออกไปทาง “Westlessness” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่บรรดาพวกฝรั่งมังค่าทั้งหลาย ถึงกับต้องเคยจัดประชุม จัดสัมมนา เสวนา ถึงความเหี่ยวปลาย เหี่ยวแห้ง ทำนองนี้ เมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง...
 
ยิ่งไปกว่านั้น...อาจเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่า โอกาสที่จะไปปิดกั้น ขัดขวาง ปิดล้อม ต่อต้าน หรือกระทำการใดๆ ที่หวังจะชะลอการมาแรงแซงโค้ง ในลักษณะที่ว่านี้ น่าจะเป็นไปได้ยากส์ส์ส์ เป็นไปได้เย็นน์น์น์ ยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ว่าจะเป็นการเปิดฉาก “สงครามการค้า” แบบ “ไม่มึงก็กู...ต้องเจ๊งกันไปข้าง” อย่างที่ผู้ซึ่งกำลังจะกลายเป็นอดีตผู้นำอเมริกา เช่น “ทรัมป์บ้า” เคยสาดแข้ง สาดหมัด-เท้า-เข่า-ศอก ใส่คุณพี่จีน มาโดยตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เพราะอย่างที่ผู้นำสิงคโปร์ ท่านนายกรัฐมนตรี “ลี เซียนลุง” ท่านเคยว่าๆ เอาไว้แล้วนั่นแหละว่า คงไม่มีประเทศใดๆ มากมายนัก ที่อยากร่วมมือกันต่อต้านศัตรูคู่แข่ง โดยเฉพาะคู่แข่งที่กำลังผงาดขึ้นมาเป็น “เบอร์ 1” ทางเศรษฐกิจ อย่างคุณพี่จีน ให้ตัวเองต้องเจ็บปวดรวดร้าว ทรมาน หรือต้องอดอยากปากแห้ง โดยใช่เรื่อง!!!
 
แม้แต่จะไม่ใช่เรื่อง “เศรษฐกิจ” ก็ตาม...เช่นความพยายามหันไปต่อต้านทางทหาร หรือความพยายามก่อรูป ก่อร่างความเป็น “พันธมิตรทางทหาร” ขึ้นมาในภูมิภาคเอเชีย โดยกลุ่มก้อน องค์กร ที่เรียกว่า “QUAD” หรือกลุ่ม “Quadrilateral Security Dialogue” ก็ตาม แต่โดยฉากสถานการณ์ความเป็นไประหว่างประเทศ ที่มันไม่ได้เหมือนกับยุค “สงครามเย็น” เมื่อครั้ง 40 กว่าปีที่แล้วเอาเลยแม้แต่น้อย ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องร่วมมือกันตั้ง “SEATO” ขึ้นมาเผชิญหน้ากับ “สหพันธ์อินโดจีน” หรือแม้กระทั่งไม่อาจใช้ “สงครามตัวแทน” เข้ามารบราฆ่าฟัน ระหว่างผู้คนในชาติเดียวกัน แบบที่เคยเกิดขึ้นในเอเชีย แอฟริกา ละตินอเมริกา ฯลฯ ได้เหมือนก่อนอีกต่อไปแล้ว เพราะ “ความแตกต่างทางลัทธิความเชื่อ” แบบ “โลกเสรี” กับ “โลกสังคมนิยม” มันไม่ได้หลงเหลือ พอให้สามารถหยิบเอามาเป็น “เงื่อนไข-ข้ออ้าง” ใดๆ ได้อีกเลย เพราะทุนนิยมเผด็จการอย่างคุณพี่จีน หรือประชาธิปไตยมาเฟียอย่างรัสเซีย กำลังผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ และมหาอำนาจทางการทหารระดับโลก จนมิอาจปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าวได้เลยแม้แต่น้อย...
 
ตรงกันข้าม...ความพยายามปิดล้อม ต่อต้าน กระแสความเป็นไปทำนองนี้ กลับออกไปทาง “บ๋อๆ แบ๋ๆ” หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ “นายAi Jun” คอลัมนิสต์ของ “Global Times” เขาได้เหน็บแนมไว้ในข้อเขียน บทความ เรื่อง “US has only empty awards to offer there QUAD countries.” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั่นเอง คือสุดท้าย...ก็ได้แต่ “แจกเหรียญ” (Legion of Merit-LOM) เอาไว้ให้ห้อยคอกันไปเป็นประเทศๆ ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย ญี่ปุ่น หรือออสเตรเลีย แต่สำหรับความต้องการที่จะยกระดับกองกำลังป้องกันตนเอง (Japan’s Self-Defense Forces) ของญี่ปุ่น ให้กลายเป็น “กองทัพ” อย่างเป็นทางการเหมือนเมื่อครั้งอดีต อันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คุณพี่ยุ่นปี่คิดหันไปร่วมกับ “QUAD” อันนั้น...คงต้องออกแรงเคี่ยวเข็ญให้ชาวญี่ปุ่นไป “แก้รัฐธรรมนูญ” กันเอาเอง เช่นเดียวกับอินตะระเดียและออสเตรเลีย ที่มีแต่ต้องสูญเสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ การค้า ชนิดแทบพังระเนนระนาดกันไปเป็นแผงๆ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถดึงเอาธุรกิจ “ห่วงโซ่อุปทาน” เข้ามาภายในประเทศ ดังที่หวังตั้งใจไว้ ยังถูกขึ้นภาษีชนิดต่างๆ ไม่ว่าไวน์ ข้าวสาลี ถ่านหิน ฯลฯ จนแทบขายไม่ออก หรือต้องออกไปทาง “บ๋อๆ แบ๋ๆ” เพราะความพยายามปฏิเสธ “ข้อเท็จจริง” อันเป็นความเป็นไปของโลก ภายในอนาคตเบื้องหน้า...นั่นแล...


กำลังโหลดความคิดเห็น