xs
xsm
sm
md
lg

หายนะที่รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


David Beasley ผู้อำนวยการโครงการด้านอาหารของสหประชาชาติ
ขนาดแพร่ระบาดแบบต่อเนื่องยาวนานนับเป็นปีๆ เข้าไปแล้ว...แต่ข่าวคราวเกี่ยวกับการออกฤทธิ์ ออกเดช ของท่านเชื้อไวรัส “COVID-19” ก็ยังคงมาแรงแซงโค้ง ไม่ได้มีทีท่าว่าจะ “หัวตก” อ่อนกำลังแรง หรืออ่อนกำลังลงเอาเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่ได้ชื่อว่าออกจะ “เฉียบขาด” เอามากๆ ในการรับมือเชื้อไวรัสตัวนี้ก็เถอะ แต่ด้วยเหตุเพราะ “คนไทยลืมง่าย” หรือเพราะอะไรต่อมิอะไรก็ตามที เผลอไป “การ์ดตก” แค่นิดเดียว!!! เจอกับสาวประเภท 1 และประเภท 2 ใช้ช่องทางธรรมชาติบุกจู่โจมเข้ามาแถวๆ จังหวัดเชียงราย ก็เรียกว่า...เล่นเอา “ป่วนบ้าน-ป่วนเมือง” ไปพอสมควร...

ส่วนบรรดาประเทศที่ติดเชื้อกันในระดับ “ฮอตฮิต-ติดชาร์ต” มาโดยตลอด...ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง ไม่ว่าจะฝั่งยุโรป หรือฝั่งอเมริกา ก็ตาม ติดกันในระดับเป็นพันๆ หมื่นๆ ตายไปแล้วเป็นแสนๆ แล้วยังต้องเจอการระบาดระลอกสอง ระลอกสาม หรือระลอกเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ก็มิอาจคาดคำนวณได้ เล่นเอาการเฉลิมฉลองคริสต์มาสปีนี้... “กร่อย” กันไปเป็นแถบๆ แถมด้วยการลุกขึ้นมาประท้วงของพวกที่ไม่อยาก “สวมหน้ากาก” ไม่อยากจะ “เว้นระยะห่าง” ทำเอาต้องไล่ทุบ ไล่กระทืบ ไล่ฉีดน้ำผสมสารเคมี ฯลฯ ชนิดอุตลุด ชุลมนวุ่นวายกันไปเป็นประเทศๆ ก็ด้วยเหตุสืบเนื่องมาจากการออกฤทธิ์ ออกเดช ของท่านเชื้อไวรัส “COVID-19” นั่นแล...

และเท่าที่ลองฟังๆ...จากเวทีการประชุม ณ องค์การสหประชาชาติ เมื่อช่วงวันศุกร์ (4 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ว่าด้วยการหาหนทางบรรเทาเบาบาง ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้ ก็ยิ่งเป็นอะไรที่ออกจะน่าหายใจทางปาก หรือทางเหงือกกันแทนที่ คือเป็นอะไรที่ออกจะหนักหนาสาหัสเอามากๆ ในการรับมือ การประคับประคองเยียวยา และฟื้นฟู เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมๆ ซึ่งอาจต้องใช้ช่วงระยะเวลานับเป็นทศวรรษๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!! อย่างรายงานการศึกษาของ “UNDP” หรือ “United Nations Development Program” ที่นำออกมาเผยแพร่ในช่วงระหว่างการประชุม ที่คาดการณ์เอาไว้ว่า “ผลกระทบ” จากภาวะการแพร่ระบาดคราวนี้ น่าจะส่งผลระยะยาวต่อเนื่องไปเป็นสิบๆ ปี ชนิดอาจทำให้ประชากรโลกจำนวนไม่น้อยกว่า 270 ล้านคน ต้องตกอยู่ในสภาพยากจนแบบสุดๆ (extreme poverty) และสิ่งเหล่านี้อาจบานปลายขยายตัวไปจนถึงปี ค.ศ.2030 หรืออาจทำให้ผู้ที่ยากจนแบบสุดๆ มีจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านคน เอาเลยถึงขั้นนั้น...

โดยเฉพาะผู้อำนวยการโครงการด้านอาหารของสหประชาชาติ หรือ “WFP” (World Food Program) อย่าง “นายDavid Beasley” นั้น ได้วาดภาพ วาดจินตนาการไว้ชนิดน่าเกลียด น่ากลัว เอามากๆ คืออาจถึงขั้น “หายนะของมวลมนุษยชาติ” ระดับร้ายแรงและรุนแรงหนักที่สุดในรอบศตวรรษเอาเลยถึงขั้นนั้น!!! หรืออาจถือเป็น “วิกฤตที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่องค์การสหประชาชาติได้ถือกำเนิดขึ้นมา” โดยสิ่งที่นายหัวหน้า หรือผู้อำนวยโครงการด้านอาหารรายนี้ ออกจะเป็นห่วงเอามากๆ คงหนีไม่พ้นไปจากเรื่องข้าว-ปลา-อาหาร ที่บรรดาคนยาก คนจนทั้งหลาย จะหาเอามาใส่ปาก-ใส่ท้องในแต่ละวัน ที่นอกจากต้องเจอกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ อันเป็นตัวลดจำนวนผลผลิตให้ลดน้อย ถอยลง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ กระบวนการขนส่ง ลำเลียงพืชพันธุ์ธัญญาหาร ซึ่งถูกรบกวนเพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “COVID-19” ไปจนถึงการล็อกดาวน์ การเคอร์ฟิว ฯลฯ ที่ต่างส่งผลให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่อการจัดหาปัจจัยพื้นฐานดังกล่าว ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

ยิ่งเป็นบรรดาประเทศที่ชาวบ้าน ชาวช่อง แทบหาอะไรมาใส่ปาก-ใส่ท้องไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าเยเมน, คองโก, อัฟกานิสถาน, เวเนซุเอลา, เอธิโอเปีย, ซูดาน, ซูดานใต้, ซีเรีย, ไนจีเรีย, เฮติ ฯลฯ โอกาสที่ผู้คนย่อมมีแต่ “ตาย...กับ...ตาย” ลูกเดียวเท่านั้นเอง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ แต่ที่หนักยิ่งไปกว่านั้นก็คือ แนวโน้มที่ภาวะดังกล่าวจะลุกลาม ลามปามไปถึงประเทศใหญ่ๆ อย่างอินเดีย, บราซิล, แอฟริกาใต้ ฯลฯ ยิ่งมีความเป็นไปได้ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที ดังนั้น...แค่ลองหลับตานึกภาพบรรดาผู้คนนับร้อยๆ ล้าน 270 ล้าน หรือ 1,000 ล้านคนก็แล้วแต่ เกิดอาการ “หน้ามืด” ขึ้นมาแบบฉับพลัน-ทันที โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างอาจต้องกลายสภาพไปเป็น “หายนะของมวลมนุษยชาติ” หรือเป็น “วิกฤตที่เลวร้ายที่สุดในรอบศตวรรษ” ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาซะเลย!!!

อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้อง “ลืมตา” หรือคงต้องจับจ้อง มองเขม้นถึงสิ่งที่จะตามมา ถึง “ผลกระทบ” ของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส “COVID-19” ตัวนี้ให้ชัดๆ เข้าไว้ และถึงแม้จะลืมตา จับจ้องมองเขม้นกันแบบจริงๆ จังๆ ก็เถอะ แต่ถ้าลองหันไปเงี่ยหูฟังตัวเลข สถิติ ที่องค์กรหรือสถาบัน “S&P Global” เขาเพิ่งนำมาเผยแพร่ ตีแผ่ ไปเมื่อวัน-สองวัน ก็แทบ “กอดเสาเข่าทรุด” ไปอีกเหมือนกันนั่นก็คือ... “ตัวเลขการสร้างหนี้” ของโลกทั้งโลก ที่มาถึง ณ บัดนี้ หรือตราบเท่าทุกวันนี้ มันทะลุเพดานหลังคา เลยชั้นบรรยากาศไกลไปถึงระดับอวกาศไปแล้วก็ว่าได้ คือรวมๆ กันแล้ว...ตัวเลขการก่อหนี้ของโลกทั้งโลก พุ่งขึ้นไปถึง 200 ล้านล้านดอลลาร์ หรือจะกี่พันล้านล้านบาท ก็ลองเอาตัวเลข 30 กว่าๆ ไปคูณดูเอาเองก็แล้วกัน...

คือเท่าที่ “S&P Global” เขาสรุปเอาไว้...แนวโน้มการสร้างหนี้ของโลกทั้งโลกนั้น ก็หนักไปทางพุ่งขึ้นๆ มาโดยตลอดนั่นแหละ เพียงแต่ว่าเมื่อต้องเจอกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อ “COVID-19” เข้าไปแบบจังๆ และแบบไม่มีข้อยกเว้นให้กับประเทศใดประเทศหนึ่งเอาเลยแม้แต่น้อย แนวโน้มของการสร้างหนี้ กู้หนี้ เพื่อนำมาใช้ในการประคับประคองเยียวยาสถานการณ์ต่างๆ มันจึงยิ่งระเบิดเถิดเทิงหนักยิ่งขึ้นไปเท่านั้น หรือไม่น่าจะต่ำกว่า 19 ล้านล้านดอลลาร์เข้าไปแล้วเป็นอย่างน้อย โดยที่สำคัญเอามากๆ ก็คือว่า บรรดาเม็ดเงินเหล่านี้ มันถูกอัด ถูกฉีด เข้าไปในระบบเศรษฐกิจเพียงแค่เพื่อช่วยในการเยียวยา ประคับประคอง เพื่อไม่ให้สถานการณ์ “ทรง” หรือ “ทรุด” หนักยิ่งไปกว่านี้ ไม่ได้เป็นเม็ดเงินเพื่อ “การลงทุน” เพื่อให้เกิดการผลิดอก ออกผล อย่างเป็นงาน เป็นการ หรือเป็นกระบวนการแต่อย่างใด ดังนั้น...โอกาสที่จะเก็บเกี่ยวดอกผลใดๆ เพื่อเอามา “ใช้หนี้” หรือใช้คืนสิ่งที่ถูกยืมมาจากอนาคต มันจึงยิ่งลำบากเอามากๆ เพราะจำนวนตัวเลขหนี้สินประมาณ 200 ล้านล้านดอลลาร์นั้น มีมูลค่าสูงซะยิ่งกว่ารายได้ของโลกในแต่ละปี ไปถึง 265 เปอร์เซ็นต์ เอาเลยถึงขั้นนั้น...

อันนี้นี่เอง...ที่ถือเป็นอะไรที่น่าสยดสยอง น่าขนลุกขนพองมิใช่น้อย โดยเฉพาะถ้าหากการตั้งรับ การรับมือกับฉากสถานการณ์ที่ว่า ยังมีรอยแหว่ง รอยโหว่ อุบัติขึ้นมาภายในประเทศหนึ่ง ประเทศใด สังคมหนึ่ง สังคมใด แม้แต่ประเทศและสังคมที่ได้ชื่อว่าเฉียบขาด เก่งกาจสามารถเอามากๆ ในการรับมือกับเชื้อ “COVID-19” อย่างประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาก็เถอะ เพราะไม่ว่า...ใครก็ตาม??? ที่ได้มีโอกาสไปอ่านข้อเขียน บทความ ชิ้นล่าสุดของ “อาจารย์แก้ว” หรือ “แก้วสรร อติโพธิ” เรื่อง “รู้จักมวลชนปลดแอก 2563” ที่ได้เผยแพร่ต่อสาธารณชนไปเมื่อวัน-สองวันมานี้ น่าจะพอหลับตานึกภาพออก ว่าภายใต้ฉากสถานการณ์ในปีหน้า หรือปี พ.ศ. 2564 ขณะที่บรรดา “บัณฑิตตกงาน” ในบ้านเรา อาจปาเข้าไปประมาณ 300,000 คน เป็นอย่างน้อย เมื่อบรรดาเด็กๆ และเยาวชนเหล่านี้ ต้องเจอกับการเร่งเร้า แรงกระตุ้นให้หันมาแสดงความโกรธ-เกลียด-เคียดแค้น-อาฆาต-พยาบาท-ริษยา และชิงชัง ต่อสิ่งใดๆ ก็ตามที่ถูกอุปโลกน์ หรือถูกยัดเยียดให้กลายเป็น “ศัตรู” กับผู้ที่พยายามยุแยงตะแคงรั่ว หรือผู้ที่อาสาจะปลดแอก หรือใส่แอกให้ใครต่อใครก็แล้วแต่ อะไรมันจะ “เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไป” ในลักษณะไหน อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องคิดหน้า-คิดหลัง หรือคิดให้มากๆ และให้ละเอียดเข้าไว้...


กำลังโหลดความคิดเห็น