ผู้จัดการรายวัน360- "พล.อ.ประยุทธ์" ได้ไปต่อ มติศาลรัฐธรรมนูญเอกฉันท์ อยู่บ้านพักหลวงไม่ผิดกฎหมาย ชี้เป็นไปตามระเบียบกองทัพบก คำวินิจฉัยย้ำ เป็นผู้นำประเทศ รัฐพึงต้องจัดที่พำนักให้นายกและครอบครัวอยู่อย่างสมเกียรติ สร้างความพร้อมทั้งสุขภาพกาย และจิตใจ เพื่อปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ด้านนายกฯ ไม่ให้สัมภาษณ์หลังรับทราบคำตัดสิน เสร็จภารกิจเดินทางกลับบ้านพักด้วยสีหน้าเรียบเฉย
วานนี้ ( 2 ธ.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 เสียงว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรธน.มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง มาตรา 184 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง จากเหตุยังพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบก หลังเกษียณอายุราชการตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 57 จนถึงปัจจุบัน
โดยคณะตุลาการศาลรธน.ได้ออกนั่งบัลลังก์ และนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรธน. ได้อ่านคำวินิจฉัย ซึ่งระบุเหตุผลว่า ศาลฯได้พิจารณาคำร้อง คำชี้แจงข้อกล่าวหา คำชี้แจงของผู้เกี่ยวข้อง เอกสารประกอบคำร้องแล้ว เห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอจึงยุติการไต่สวน และกำหนดประเด็นพิจารณาวินิจฉัยโดย พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 53 และเกียษณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย. 57 ขณะที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ได้พักอาศัยที่บ้านพักอาคารหมายเลข 253/54 กรมทหารราบที่ 1 ซึ่งบ้านพักหลังนี้ ได้มีการปรับโอนสถานะให้มีสถานะเป็นบ้านพักรับรองของกองทัพบก ในปี 2555 และปัจจุบันเป็นพื้นที่ครอบครองดูแลและใช้ประโยชน์ราชการของกองทัพบก มีประเด็นต้องวินิจฉัยก่อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ กระทำการอันมีลักษณะต้องห้ามตามที่กล่าวหาหรือไม่
ศาลฯเห็นว่า เมื่อพิจารณาระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก 2548 ข้อ 5 กำหนดว่า ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก ต้องมีคุณสมบัติ 5.1 เป็นข้าราชการประจำการสังกัดกองทัพบก ที่มีชั้นยศพลเอก 5.2 เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบกซึ่งทำคุณประโยชน์ให้กองทัพบกและประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. มาแล้ว
ข้อ 7 กำหนดให้แบ่งประเภทของบ้านพักรับรองกองทัพบก สำหรับผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ5 คือ 7.1 บ้านพักรับรองอาคารหมาย 70/25 เป็นบ้านพักของ ผบ.ทบ. 7.2 บ้านพักรับรองกองทัพบกซึ่งมีหลายหมายเลข และที่กองทัพบกกำหนดขึ้นในภายหลัง เป็นบ้านพักรับรองของผู้บัญชาการชั้นสูงของกองทัพบก และอดีตผู้บังคับบัญชาในข้อ 5.2
ข้อ 8 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบกหมดสิทธิเข้าพักอาศัยในกรณี ดังนี้ 8.1 ย้ายออกนอกกองทัพบก 8.2 ออกจากราชการไม่ว่ากรณีใด 8.3 ถึงแก่กรรม 8.4 เมื่อกองทัพบกพิจารณาให้หมดสิทธิเข้าพักอาศัย ข้อ 8 วรรคสอง กำหนดว่าสำหรับผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 5.2 ถ้าหมดสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 8.1 หรือ 8.2 แล้ว กองทัพบก มีสิทธิพิจารณาให้เข้าพักอาศัยเป็นกรณีเฉพาะรายก็ได้ และข้อ 11 กำหนดว่า บ้านพักรับรองที่กองทัพบกกำหนดให้พิจารณาตามความเหมาะสมในการสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปา ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นในการพักอาศัย และเหมาะสมในการใช้งาน
ประกอบคำชี้แจงของ ผู้บัญชาการทหารบกได้ชี้แจงว่า ขณะพล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 57 พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. จึงเป็นผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบก โดยอาศัยระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรอง 2548 ข้อ 5 และเมื่อเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ขณะนั้น เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 57 แต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ ก็ยังคงเป็นผู้มีสิทธิพักอาศัยในบ้านพักรับรองดังกล่าว เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก ซึ่งทำคุณประโยชน์ให้กองทัพ และประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่งผบ.ทบ.มาแล้วตามข้อ 5.2 หาใช่หาอาศัยในบ้านพักรับรองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพียงสถานะเดียว ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพ แม้เป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือน ย่อมไม่มีสิทธิได้พักอาศัยในบ้านพักรับรองตามระเบียบของกองทัพบกมิได้
นอกจากนี้ข้อ 8 กำหนดให้อำนาจกองทัพบกพิจารณาให้ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบกที่หมดสิทธิเข้าพักอาศัยด้วยเหตุย้ายออกนอกกองทัพบก หรือออกจากราชการไม่ว่ากรณีใด ให้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองเป็นกรณี เฉพาะรายก็ได้ การที่กองทัพบกกำหนดให้อาคารหมายเลข 253/54 เป็นบ้านพักรับรอง แม้จะเป็นการกำหนดขึ้นภายหลังปรากฏตามหนังสือ กบ.ทบ. ด่วนมากที่ ต่อ กห.0404/1560 ลงวันที่ 19 มิ.ย.55 โดยอนุมัติให้ปรับโอนอาคารรับรองดังกล่าวเป็นบ้านพักรับรองกองทัพบกซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพบกก็ตาม แต่เป็นการกำหนดโดยอาศัยอำนาจตามข้อ 7.2 ให้กระทำได้ ส่วนการที่กองทัพบกสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปา ในการใช้งานบ้านพักรับรองกองทัพบกพิจารณาตามความเหมาะสมในการพิจารณาค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการพักอาศัย ตามความเหมาะสมในการใช้งานตามข้อ 11 แล้ว
นอกจากนี้ การให้สิทธิดังกล่าวข้างต้นกองทัพบกได้พิจารณาให้สิทธิแก่บุคคลที่เข้าเงื่อนไขมีคุณสมบัติในการเข้าพักอาศัยบ้านพักอาศัยของกองทัพบก มิใช่ให้สิทธิเฉพาะกรณี พล.อ.ประยุทธ์ เห็นได้ว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาศัยในบ้านพักรับรองที่กองทัพบกจัดให้ และได้รับการสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำประปา เป็นไปตามดุลยพินิจของกองทัพบก ที่มีอำนาจพิจารณาตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 โดยระเบียบดังกล่าวใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 2548 ก่อนที่ผู้ถูกร้องจะดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ทบ. และนายกรัฐมนตรี โดยที่นายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญของประเทศ นอกจากเป็นหัวหน้าของคณะรัฐมนตรี ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ยังมีฐานะเป็นผู้นำของประเทศ ความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งครอบครัวจึงมีส่วนสำคัญ รัฐมีหน้าที่จัดการดูแลให้ปลอดภัยแก่นายกรัฐมนตรีและครอบครัว ตามความเหมาะสมแก่สภาพการณ์ การจัดบ้านพักรับรองที่ปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัว สร้างความพร้อมทั้งสุขภาพกาย และจิตใจ การปฏิบัติภารกิจในการบริหารประเทศ ล้วนเป็นประโยชน์ส่วนรวมจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่รัฐพึงจัดให้มีที่พำนักของผู้นำของประเทศในขณะที่ดำรงตำแหน่ง
กรณีประเทศไทย แม้รัฐเคยกำหนดให้สถานที่บางแห่งเป็นที่พำนักของนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง เช่น บ้านพิษณุโลกก็ตามแต่ปัจจุบันการบำรุง รักษาไม่พร้อมใช้หรือจัดให้มีขึ้นใหม่ ดังนั้นเพื่อให้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำของประเทศได้อย่างสมเกียรติ รัฐพึงจัดให้มีที่พำนักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การที่กองทัพบกอนุมัติให้ใช้บ้านพักรับรองของกองทัพบก และสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ เคยได้รับสิทธิตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยปฏิบัติเป็นไปตามระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นกฎที่ยังคงใช้บังคับอยู่ โดยไม่ได้ถูกยกเลิกหรือเพิกถอน ประกอบกับกองทัพบกให้สิทธิดังกล่าวกับผู้มีคุณสมบัติตามระเบียบนั้น โดยถือเป็นสิทธิของบุคคลเนื่องมาจากการดำรงตำแหน่ง อดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก จึงไม่ได้เป็นการกระทำที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ รับเงินหรือประโยชน์ใด ๆ จากกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยราชการเป็นพิเศษ นอกเหนือจากปฏิบัติกับบุคคลอื่น
จึงไม่เข้าข่ายเป็นการกระทำฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(5) จนทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสื้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) หรือไม่ เห็นว่าเมื่อวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ พักอาศัยบ้านพักรับรองของกองทัพบก ซึ่งกองทัพบกพิจารณาจัดบ้านพักรับรองกองทัพบก สนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปาใช้งานในบ้านพักรับรอง เป็นไปตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก 2548 จึงไม่เป็นกรณีการถือประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของประเทศ ไม่เป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง ไม่เป็นการขอ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ และไม่เป็นการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตน กับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เว้นแต่เป็นการรับที่มีบทบัญญัติกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ ให้รับได้
ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานจริยธรรม ข้อ 27 ประกอบข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 ข้อ 11 อันเป็นกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(5) ซึ่งเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) อาศัยเหตุผลดังกล่าว จึงวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง(5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง มาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3)
"ประยุทธ์" งดให้สัมภาษณ์หลังรอดปมบ้านหลวง
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด ภายหลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) หรือศบศ. โดยได้เดินกลับขึ้นห้องทำงาน ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนจะเดินทางกลับออกจากทำเนียบรัฐบาลเพื่อกลับบ้านพัก ร.1 พัน 1 รอ ถนนวิภาวดีรังสิต โดยพล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้าเรียบเฉย และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.
วานนี้ ( 2 ธ.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 เสียงว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรธน.มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง มาตรา 184 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง จากเหตุยังพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบก หลังเกษียณอายุราชการตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 57 จนถึงปัจจุบัน
โดยคณะตุลาการศาลรธน.ได้ออกนั่งบัลลังก์ และนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรธน. ได้อ่านคำวินิจฉัย ซึ่งระบุเหตุผลว่า ศาลฯได้พิจารณาคำร้อง คำชี้แจงข้อกล่าวหา คำชี้แจงของผู้เกี่ยวข้อง เอกสารประกอบคำร้องแล้ว เห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอจึงยุติการไต่สวน และกำหนดประเด็นพิจารณาวินิจฉัยโดย พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 53 และเกียษณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย. 57 ขณะที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ได้พักอาศัยที่บ้านพักอาคารหมายเลข 253/54 กรมทหารราบที่ 1 ซึ่งบ้านพักหลังนี้ ได้มีการปรับโอนสถานะให้มีสถานะเป็นบ้านพักรับรองของกองทัพบก ในปี 2555 และปัจจุบันเป็นพื้นที่ครอบครองดูแลและใช้ประโยชน์ราชการของกองทัพบก มีประเด็นต้องวินิจฉัยก่อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ กระทำการอันมีลักษณะต้องห้ามตามที่กล่าวหาหรือไม่
ศาลฯเห็นว่า เมื่อพิจารณาระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก 2548 ข้อ 5 กำหนดว่า ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก ต้องมีคุณสมบัติ 5.1 เป็นข้าราชการประจำการสังกัดกองทัพบก ที่มีชั้นยศพลเอก 5.2 เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบกซึ่งทำคุณประโยชน์ให้กองทัพบกและประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. มาแล้ว
ข้อ 7 กำหนดให้แบ่งประเภทของบ้านพักรับรองกองทัพบก สำหรับผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ5 คือ 7.1 บ้านพักรับรองอาคารหมาย 70/25 เป็นบ้านพักของ ผบ.ทบ. 7.2 บ้านพักรับรองกองทัพบกซึ่งมีหลายหมายเลข และที่กองทัพบกกำหนดขึ้นในภายหลัง เป็นบ้านพักรับรองของผู้บัญชาการชั้นสูงของกองทัพบก และอดีตผู้บังคับบัญชาในข้อ 5.2
ข้อ 8 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบกหมดสิทธิเข้าพักอาศัยในกรณี ดังนี้ 8.1 ย้ายออกนอกกองทัพบก 8.2 ออกจากราชการไม่ว่ากรณีใด 8.3 ถึงแก่กรรม 8.4 เมื่อกองทัพบกพิจารณาให้หมดสิทธิเข้าพักอาศัย ข้อ 8 วรรคสอง กำหนดว่าสำหรับผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 5.2 ถ้าหมดสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 8.1 หรือ 8.2 แล้ว กองทัพบก มีสิทธิพิจารณาให้เข้าพักอาศัยเป็นกรณีเฉพาะรายก็ได้ และข้อ 11 กำหนดว่า บ้านพักรับรองที่กองทัพบกกำหนดให้พิจารณาตามความเหมาะสมในการสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปา ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นในการพักอาศัย และเหมาะสมในการใช้งาน
ประกอบคำชี้แจงของ ผู้บัญชาการทหารบกได้ชี้แจงว่า ขณะพล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 57 พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. จึงเป็นผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบก โดยอาศัยระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรอง 2548 ข้อ 5 และเมื่อเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ขณะนั้น เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 57 แต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ ก็ยังคงเป็นผู้มีสิทธิพักอาศัยในบ้านพักรับรองดังกล่าว เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก ซึ่งทำคุณประโยชน์ให้กองทัพ และประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่งผบ.ทบ.มาแล้วตามข้อ 5.2 หาใช่หาอาศัยในบ้านพักรับรองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพียงสถานะเดียว ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพ แม้เป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือน ย่อมไม่มีสิทธิได้พักอาศัยในบ้านพักรับรองตามระเบียบของกองทัพบกมิได้
นอกจากนี้ข้อ 8 กำหนดให้อำนาจกองทัพบกพิจารณาให้ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบกที่หมดสิทธิเข้าพักอาศัยด้วยเหตุย้ายออกนอกกองทัพบก หรือออกจากราชการไม่ว่ากรณีใด ให้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองเป็นกรณี เฉพาะรายก็ได้ การที่กองทัพบกกำหนดให้อาคารหมายเลข 253/54 เป็นบ้านพักรับรอง แม้จะเป็นการกำหนดขึ้นภายหลังปรากฏตามหนังสือ กบ.ทบ. ด่วนมากที่ ต่อ กห.0404/1560 ลงวันที่ 19 มิ.ย.55 โดยอนุมัติให้ปรับโอนอาคารรับรองดังกล่าวเป็นบ้านพักรับรองกองทัพบกซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพบกก็ตาม แต่เป็นการกำหนดโดยอาศัยอำนาจตามข้อ 7.2 ให้กระทำได้ ส่วนการที่กองทัพบกสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปา ในการใช้งานบ้านพักรับรองกองทัพบกพิจารณาตามความเหมาะสมในการพิจารณาค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการพักอาศัย ตามความเหมาะสมในการใช้งานตามข้อ 11 แล้ว
นอกจากนี้ การให้สิทธิดังกล่าวข้างต้นกองทัพบกได้พิจารณาให้สิทธิแก่บุคคลที่เข้าเงื่อนไขมีคุณสมบัติในการเข้าพักอาศัยบ้านพักอาศัยของกองทัพบก มิใช่ให้สิทธิเฉพาะกรณี พล.อ.ประยุทธ์ เห็นได้ว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาศัยในบ้านพักรับรองที่กองทัพบกจัดให้ และได้รับการสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำประปา เป็นไปตามดุลยพินิจของกองทัพบก ที่มีอำนาจพิจารณาตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 โดยระเบียบดังกล่าวใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 2548 ก่อนที่ผู้ถูกร้องจะดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ทบ. และนายกรัฐมนตรี โดยที่นายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญของประเทศ นอกจากเป็นหัวหน้าของคณะรัฐมนตรี ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ยังมีฐานะเป็นผู้นำของประเทศ ความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งครอบครัวจึงมีส่วนสำคัญ รัฐมีหน้าที่จัดการดูแลให้ปลอดภัยแก่นายกรัฐมนตรีและครอบครัว ตามความเหมาะสมแก่สภาพการณ์ การจัดบ้านพักรับรองที่ปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัว สร้างความพร้อมทั้งสุขภาพกาย และจิตใจ การปฏิบัติภารกิจในการบริหารประเทศ ล้วนเป็นประโยชน์ส่วนรวมจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่รัฐพึงจัดให้มีที่พำนักของผู้นำของประเทศในขณะที่ดำรงตำแหน่ง
กรณีประเทศไทย แม้รัฐเคยกำหนดให้สถานที่บางแห่งเป็นที่พำนักของนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง เช่น บ้านพิษณุโลกก็ตามแต่ปัจจุบันการบำรุง รักษาไม่พร้อมใช้หรือจัดให้มีขึ้นใหม่ ดังนั้นเพื่อให้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำของประเทศได้อย่างสมเกียรติ รัฐพึงจัดให้มีที่พำนักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การที่กองทัพบกอนุมัติให้ใช้บ้านพักรับรองของกองทัพบก และสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ เคยได้รับสิทธิตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยปฏิบัติเป็นไปตามระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นกฎที่ยังคงใช้บังคับอยู่ โดยไม่ได้ถูกยกเลิกหรือเพิกถอน ประกอบกับกองทัพบกให้สิทธิดังกล่าวกับผู้มีคุณสมบัติตามระเบียบนั้น โดยถือเป็นสิทธิของบุคคลเนื่องมาจากการดำรงตำแหน่ง อดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก จึงไม่ได้เป็นการกระทำที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ รับเงินหรือประโยชน์ใด ๆ จากกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยราชการเป็นพิเศษ นอกเหนือจากปฏิบัติกับบุคคลอื่น
จึงไม่เข้าข่ายเป็นการกระทำฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(5) จนทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสื้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) หรือไม่ เห็นว่าเมื่อวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ พักอาศัยบ้านพักรับรองของกองทัพบก ซึ่งกองทัพบกพิจารณาจัดบ้านพักรับรองกองทัพบก สนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปาใช้งานในบ้านพักรับรอง เป็นไปตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก 2548 จึงไม่เป็นกรณีการถือประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของประเทศ ไม่เป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง ไม่เป็นการขอ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ และไม่เป็นการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตน กับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เว้นแต่เป็นการรับที่มีบทบัญญัติกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ ให้รับได้
ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานจริยธรรม ข้อ 27 ประกอบข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 ข้อ 11 อันเป็นกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(5) ซึ่งเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) อาศัยเหตุผลดังกล่าว จึงวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง(5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง มาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3)
"ประยุทธ์" งดให้สัมภาษณ์หลังรอดปมบ้านหลวง
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด ภายหลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) หรือศบศ. โดยได้เดินกลับขึ้นห้องทำงาน ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนจะเดินทางกลับออกจากทำเนียบรัฐบาลเพื่อกลับบ้านพัก ร.1 พัน 1 รอ ถนนวิภาวดีรังสิต โดยพล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้าเรียบเฉย และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.