“บิ๊กกวิ้น” ไม่ทน ด่ากราดทุกคน ไม่เว้น... หลังศาล รธน. มีมติเอกฉันท์ “ประยุทธ์” ไม่ผิดอยู่บ้านหลวง “พี่ศรี” เหน็บแรง เรื่องนี้ไม่เกี่ยว “ทหารแก่” บางคนใช้แอบอ้าง “เจี๊ยบ คอนถม” ยก รธน.ใหญ่กว่า ระเบียบ ทบ.
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (2 ธ.ค. 63) เฟซบุ๊ก เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำม็อบคณะราษฎร โพสต์ข้อความระบุว่า
“ประยุทธ์รอดวันนี้ คงเพราะมันห้อยพระดี ไม่ได้ห้อยแค่พระรอดแต่ห้อยพระมหา... #ศาลรัฐธรรมนูญ #ม็อบ 2ธันวา”
ก่อนหน้านี้ ไม่กี่ชั่วโมง นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พักอาศัยอยู่ในบ้านข้าราชการว่าไม่มีความผิด
โดย นายพริษฐ์ ระบุว่า “ไม่ใช่แค่ขอแจก...ให้ประยุทธ์ ให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ขอแจกให้ทุกตัวในคอกสุนัข รวมถึง....ด้วย”
ขณะเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นต่อกรณีเดียวกัน ว่า
“แม้บิ๊กตู่จะรอด คดีบ้านพักทหาร แต่มิใช่จะนำมาใช้กับทหารแก่ทุกคนที่เกษียณและมิได้เป็นอดีต ผบ.ทบ. แล้วจะมั่วขออยู่บ้านพักทหารต่อได้”
ทั้งนี้ ถ้ายังจำกันได้ เมื่อช่วงกลางเดือน ก.พ. 63 เคยมีกรณี พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านพักข้าราชการทหาร แม้เกษียณอายุราชการมาหลายปีแล้ว จนในที่สุด ต้องทำเรื่องคืนบ้านหลวงมาแล้ว ซึ่งในความหมายของ “พี่ศรี” ก็คงหมายถึงในลักษณะเดียวกัน
ไม่เพียงเท่านั้น “พี่ศรี” ยังฟันธงเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ว่า “บิ๊กตู่” จะรอดช่องมาตรา 184(3) โดยระบุว่า
“2 ธ.ค. 63 คดีบ้านพักทหาร ฟันธง บิ๊กตู่รอด เพราะเข้าเงื่อนไขข้อยกเว้น รธน.60 มาตรา 184(3) เพราะ “รับประโยชน์ธุรกิจการงานปกติ”
สำหรับรัฐธรรมนูญมาตรา 184(3) ระบุว่า “ไม่รับเงินหรือประโยชน์ใดๆ จากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเป็นพิเศษ นอกเหนือไปจากที่หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ ในธุรกิจการงานปกติ”
แต่ เฟซบุ๊ก Amarat Chokepamitkul ของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ที่คนเสื้อแดงเรียกกันว่า “เจี๊ยบ นครปฐม” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์หัวข้อ “รัฐธรรมนูญต้องอยู่เหนือระเบียบกองทัพบก !”
โดยระบุว่า “รธน.หมวด 9 มาตรา 184(3)
ส.ส. ส.ว.ต้องไม่รับเงินหรือประโยชน์ใดจากหน่วยงานราชการ/หน่วยงานของรัฐ
มาตรา 186 ให้นำเอาความในมาตรา 184 มาบังคับใช้กับรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีด้วย”
อย่างไรก็ตาม วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารผลวินิจฉัย หลังประชุมปรึกษาพิจารณาคดีที่สําคัญและเป็นที่สนใจ คือ ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคําร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160(5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่
จากนั้นวินิจฉัยว่า บ้านพักอาศัยของผู้ถูกร้องเปลี่ยนสถานะเป็นบ้านพักรับรอง ตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 ซึ่งกําหนดให้อดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบกซึ่งทําคุณประโยชน์ให้กับกองทัพบกและประเทศชาติและเคยดํารงตําแหน่งผู้บัญชาการทหารบกมาแล้ว มีสิทธิ์เข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก และกองทัพบกสามารถพิจารณาความเหมาะสมในการสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้าและน้ําประปา ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จําเป็นต่อการพักอาศัยตามความจําเป็นและเหมาะสมในการใช้งาน
เมื่อผู้ถูกร้องเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก จึงเป็นผู้มีสิทธิ์เข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบกและมีสิทธิ์ได้รับการสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้าและน้ําประปาตามระเบียบดังกล่าวข้างต้น แม้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพลเรือนก็ย่อมไม่มีสิทธิ์พักอาศัยในบ้านพักรับรองนั้น ประกอบกับการให้สิทธิ์ดังกล่าว ให้แก่ผู้มีคุณสมบัติตามระเบียบนั้นเป็นธุรกิจการงานปกติ โดยถือเป็นสิทธิ์ของบุคคลอันเนื่องมาจากการดํารงตําแหน่งอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก
จึงมีมติเอกฉันท์ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160(5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) และผู้ถูกร้องไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด
แน่นอน, สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ ก็คือ ประเด็นของ “เจี๊ยบ นครปฐม” ที่เข้าใจ ว่า ระเบียบกองทัพบกใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่จริง เพราะถ้าดูตามที่ นายศรีสุวรรณ หยิบยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 184(3) มาอ้าง ก็เท่ากับว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามนั้น
เห็นได้ชัดว่า บางครั้งการบิดเบือน ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่อธิบายไม่หมด เพื่อให้เข้าทางที่ตัวเองอยากใช้เป็นเครื่องมือโจมตีฝ่ายตรงข้าม ก็ทำได้แล้ว
ที่สำคัญ ในช่วงของการต่อสู้ทางการเมืองอย่างแหลมคมอยู่นี้ จะเชื่ออะไรใคร ก็ต้องดูเหตุผลที่มาของแต่ละเรื่องให้ดีเสียก่อน ไม่อย่างนั้น ตกเป็นเหยื่ออันโอชะของพวกเขาอย่างแน่นอน ระวังให้ดีก็แล้วกัน