ผู้จัดการรายวัน360-ผู้ว่าเชียงรายยืนยันพบหญิงติดโควิด-19 เพิ่ม 2 ราย เป็นก๊วนเดียวกันกับสาวเชียงใหม่ เผยมีผู้สัมผัสที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงและต่ำประมาณ 30 ราย ล่าสุดพบแอบลักลอบข้ามแดนเข้ามาต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่สกัดจับวุ่น ส่งดำเนินคดี พร้อมกักตัวคัดกรองโรค สาธารณสุขเชียงใหม่ตรวจพนักงานเซ็นทรัลกว่า 300 คน โรงเรียนเชียงใหม่ 2 แห่งสั่งปิด อนุบาลแม่สายหยุดด้วย กรมควบคุมโรคตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิดหญิงเชียงใหม่ 152 ราย ไม่พบเชื้อ “บิ๊กตู่”วอนอย่าตื่นตระหนก ฝากสังคมช่วยดูแล รับเจ้าหน้าที่ในต่างจังหวัดมีน้อย เหตุนำกำลังมาดูม็อบ ศบค.รายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 21 ราย มาจากต่างประเทศ 19 ราย และลักลอบเข้าไทยจากเมียนมา 2 ราย “หมอธีระ” ห่วงโควิดเมียนมาแรงขึ้น ไทยต้องระวัง
วานนี้ (30 พ.ย.) นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย น.พ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย และน.พ.ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แถลงผลการตรวจพบเชื้อผู้ป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.เชียงราย ที่ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ศาลากลาง จ.เชียงราย
นายประจญกล่าวว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 คน เป็นหญิงอายุ 26 ปีชาว อ.ขุนตาล จ.เชียงราย และสาวชาว จ.พะเยา อายุ 23 ปี ทั้งคู่มีประวัติลักลอบไปทำงานที่สถานบันเทิงเดียวกันใน จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ก่อนลอบกลับข้ามมาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย
ทั้งนี้ หญิงชาวอ.ขุนตาล ได้ทราบข่าวเพื่อนหญิง ที่จ.เชียงใหม่ ติดโควิด-19 จึงเกิดความกลัว และได้เดินทางไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองเชียงราย กระทั่งพบเชื้อจึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนเพิ่มเติมและตามไปตรวจสอบหญิงสาวชาวพะเยาที่ยังพักอยู่ที่โรงแรม เมื่อนำมาตรวจก็พบว่าติดเชื้อเช่นกัน โดยทั้ง 2 คนได้อยู่ในการดูแลของแพทย์ และยังได้ติดตามขยายผลไปยังกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิด
น.พ.ทศเทพ กล่าวว่า ไทม์ไลน์ของผู้ป่วยทั้ง 2 คน ถือว่าไม่ซับซ้อน เพราะหลังจากลักลอบกลับเข้าไทย ก็พักอยู่ที่โรงแรม ทำให้มีผู้สัมผัสที่เป็นกลุ่มเสียงสูงและต่ำรวมกันทั้งหมด 26-30 คน เช่น พนักงานโรงแรม จักรยานยนต์รับจ้าง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน แต่ตัวเลขยังไม่นิ่ง เนื่องจากผู้ป่วยหญิงชาวพะเยา เคยสั่งอาหารไปที่ห้อง จึงอยู่ระหว่างติดตามหาตัวคนส่งอาหารอยู่ แต่กลุ่มเสี่ยงทั้งหมดมีไม่เกิน 30 คน เป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ 25-26 คน เสี่ยงสูง 4 คน
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมคนไทย 4 คน เป็นหญิง 3 คน และชาย 1 คน ที่หลบหนีข้ามเข้าฝั่งไทยทางช่องทางธรรมชาติ หลังไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะในเมืองเมียวดี เมียนมา โดยกำลังจะเดินทางต่อไปกรุงเทพฯ และพัทยาใต้ โดยได้ถูกแจ้งความดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง และส่งกักตัวที่โรงแรม เพื่อควบคุมโรคแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้จับกุมคนไทยที่ลักลอบข้ามแดนจากท่าขี้เหล็กอีก 8 คน มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดอุดรธานี 2 คน ขอนแก่น , ภูเก็ต, เชียงราย, นนทบุรี, กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ จังหวัดละ 1 คน ขณะทำการหลบหนีเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติบริเวณพื้นที่ท่ากะหล่ำ ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพราะเกิดความกลัวติดโควิด-19 ที่กำลังระบาด จึงพากันลักลอบกลับประเทศ โดยมีกลุ่มผู้รับจ้างช่วยเหลือการข้ามน้ำสาย เป็นเงินคนละ 6,500 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดี และนำตัวไปกักตัวคัดกรองโควิด-19 ตามขั้นตอนแล้วเช่นเดียวกัน
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 เพศหญิง จ.เชียงใหม่ว่า มีทั้งหมด 328 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 107 ราย ตรวจแล้ว 69 ราย ไม่พบเชื้อ (คอนโดมิเนียมผู้ป่วย 2 ราย คอนโดฯ เพื่อน 2 ราย สถานบันเทิง 55 ราย ห้างสรรพสินค้า 6 ราย รถโดยสารปรับอากาศเชียงใหม่ 1 ราย และคนขับรถ Grab Car 3 ราย) สัมผัสเสี่ยงต่ำ 149 ราย ตรวจแล้ว 83 ราย ไม่พบเชื้อ (สถานบันเทิง 2 ราย ห้างสรรพสินค้า 25 ราย บุคลากรโรงพยาบาลเอกชน 9 ราย และคอนโดผู้ป่วย 47 ราย) ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างรอผลการตรวจและติดตาม โดยทั้งหมดยังต้องกักกันและเฝ้าระวังอาการจนครบ 14 วัน
ส่วนผู้ติดเชื้อ 2 รายที่จังหวัดเชียงราย มีผู้สัมผัส 27 ราย แบ่งเป็นสัมผัสเสี่ยงสูง 4 ราย คือ หญิงไทยอายุ 23 ปีที่เดินทางกลับมาด้วยกัน โดยวันที่ 29 พ.ย.2563 มีอาการไอ เจ็บคอ น้ำมูก เมื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อโควิด-19 ถูกนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาล พนักงานโรงแรมที่ขับพาไปร้านสะดวกซื้อ 1 ราย รถจักรยานยนต์รับจ้างจากหมู่บ้านไปอ.แม่สาย 1 ราย ทั้งคู่รอผลตรวจเชื้อ ส่วนรถจักรยานยนต์รับจ้างที่พาไปอ.เมือง 1 ราย ไม่พบเชื้อ ที่เหลือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 23 ราย คือ บุคลากรทางการแพทย์ 20 ราย และชุมชน 3 ราย คือ แม่ค้าร้านอาหาร ร้านขายของชำ พนักงานร้านสะดวกซื้อ และพนักงานโรงแรม ทั้งนี้ ถือว่ามีโอกาสแพร่เชื้อต่ำ เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในโรงแรมที่พักและไปโรงพยาบาลเร็ว ทำให้มีผู้สัมผัสน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำรถโมบายเคลื่อนที่พระราชทานตรวจหาเชื้อโควิด-19 และของคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาตั้งจุดตรวจเพื่อเก็บสารคัดหลั่งพนักงานภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่กว่า 300 ราย
ล่าสุด สถานศึกษาใน อ.เมืองเชียงใหม่ ประกาศปิดการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราวแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนพระหฤทัยเชียงใหม่ และโรงเรียนวชิรวิทย์เชียงใหม่ เพื่อทำความสะอาดพื้นที่ป้องกันการแพร่ระบาดภายในโรงเรียน โดยจะเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งในวันที่ 2 ธ.ค.2563 ส่วนโรงเรียนอนุบาลแม่สาย (สายศิลปศาสตร์) ได้ประกาศหยุดเรียน เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ ตั้งแต่ 1-6 ธ.ค.2563
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศ ว่า ไม่อยากให้ตื่นตระหนก และขอฝากสังคมและชุมชนช่วยกันดูแล เพราะรู้อยู่แล้วว่าใครไปไหนมาไหน หากพบขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่มีน้อย ต้องนำกำลังมาดูแลพื้นที่การชุมนุมในกรุงเทพฯ
วันเดียวกันนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 21 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ทุกราย ประกอบด้วย อินเดีย 1 ราย อิตาลี 1 ราย เยอรมนี 2 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 3 ราย ญี่ปุ่น 4 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย สหราชอาณาจักร 1 ราย รัสเซีย 2 ราย เดนมาร์ก 1 ราย โอมาน 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย และสหรัฐฯ 1 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าประเทศไทยตามเส้นทางธรรมชาติจากเมียนมา เป็นหญิงไทย 2 ราย
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สรุปความว่า สถานการณ์ในเมียนมา จะคล้ายอิหร่าน คูเวต ตุรกี หรือรัสเซีย ที่มีจำนวนการติดเชื้อต่อวันอยู่ในระดับนี้ และจะมีโอกาสปะทุรุนแรงขึ้นได้ คงต้องเอาใจช่วยให้เค้าควบคุมโรคให้ได้ และเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยไทยต้องประคับประคองตัวให้รอดพ้นการระบาดซ้ำ ต้องคุมปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย มีมาตรการจัดการผู้ฝ่าฝืน และรัฐควรชะลอการหาเงินจากการนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติ
วานนี้ (30 พ.ย.) นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย น.พ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย และน.พ.ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แถลงผลการตรวจพบเชื้อผู้ป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.เชียงราย ที่ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ศาลากลาง จ.เชียงราย
นายประจญกล่าวว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 คน เป็นหญิงอายุ 26 ปีชาว อ.ขุนตาล จ.เชียงราย และสาวชาว จ.พะเยา อายุ 23 ปี ทั้งคู่มีประวัติลักลอบไปทำงานที่สถานบันเทิงเดียวกันใน จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ก่อนลอบกลับข้ามมาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย
ทั้งนี้ หญิงชาวอ.ขุนตาล ได้ทราบข่าวเพื่อนหญิง ที่จ.เชียงใหม่ ติดโควิด-19 จึงเกิดความกลัว และได้เดินทางไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองเชียงราย กระทั่งพบเชื้อจึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนเพิ่มเติมและตามไปตรวจสอบหญิงสาวชาวพะเยาที่ยังพักอยู่ที่โรงแรม เมื่อนำมาตรวจก็พบว่าติดเชื้อเช่นกัน โดยทั้ง 2 คนได้อยู่ในการดูแลของแพทย์ และยังได้ติดตามขยายผลไปยังกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิด
น.พ.ทศเทพ กล่าวว่า ไทม์ไลน์ของผู้ป่วยทั้ง 2 คน ถือว่าไม่ซับซ้อน เพราะหลังจากลักลอบกลับเข้าไทย ก็พักอยู่ที่โรงแรม ทำให้มีผู้สัมผัสที่เป็นกลุ่มเสียงสูงและต่ำรวมกันทั้งหมด 26-30 คน เช่น พนักงานโรงแรม จักรยานยนต์รับจ้าง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน แต่ตัวเลขยังไม่นิ่ง เนื่องจากผู้ป่วยหญิงชาวพะเยา เคยสั่งอาหารไปที่ห้อง จึงอยู่ระหว่างติดตามหาตัวคนส่งอาหารอยู่ แต่กลุ่มเสี่ยงทั้งหมดมีไม่เกิน 30 คน เป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ 25-26 คน เสี่ยงสูง 4 คน
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมคนไทย 4 คน เป็นหญิง 3 คน และชาย 1 คน ที่หลบหนีข้ามเข้าฝั่งไทยทางช่องทางธรรมชาติ หลังไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะในเมืองเมียวดี เมียนมา โดยกำลังจะเดินทางต่อไปกรุงเทพฯ และพัทยาใต้ โดยได้ถูกแจ้งความดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง และส่งกักตัวที่โรงแรม เพื่อควบคุมโรคแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้จับกุมคนไทยที่ลักลอบข้ามแดนจากท่าขี้เหล็กอีก 8 คน มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดอุดรธานี 2 คน ขอนแก่น , ภูเก็ต, เชียงราย, นนทบุรี, กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ จังหวัดละ 1 คน ขณะทำการหลบหนีเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติบริเวณพื้นที่ท่ากะหล่ำ ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพราะเกิดความกลัวติดโควิด-19 ที่กำลังระบาด จึงพากันลักลอบกลับประเทศ โดยมีกลุ่มผู้รับจ้างช่วยเหลือการข้ามน้ำสาย เป็นเงินคนละ 6,500 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดี และนำตัวไปกักตัวคัดกรองโควิด-19 ตามขั้นตอนแล้วเช่นเดียวกัน
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 เพศหญิง จ.เชียงใหม่ว่า มีทั้งหมด 328 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 107 ราย ตรวจแล้ว 69 ราย ไม่พบเชื้อ (คอนโดมิเนียมผู้ป่วย 2 ราย คอนโดฯ เพื่อน 2 ราย สถานบันเทิง 55 ราย ห้างสรรพสินค้า 6 ราย รถโดยสารปรับอากาศเชียงใหม่ 1 ราย และคนขับรถ Grab Car 3 ราย) สัมผัสเสี่ยงต่ำ 149 ราย ตรวจแล้ว 83 ราย ไม่พบเชื้อ (สถานบันเทิง 2 ราย ห้างสรรพสินค้า 25 ราย บุคลากรโรงพยาบาลเอกชน 9 ราย และคอนโดผู้ป่วย 47 ราย) ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างรอผลการตรวจและติดตาม โดยทั้งหมดยังต้องกักกันและเฝ้าระวังอาการจนครบ 14 วัน
ส่วนผู้ติดเชื้อ 2 รายที่จังหวัดเชียงราย มีผู้สัมผัส 27 ราย แบ่งเป็นสัมผัสเสี่ยงสูง 4 ราย คือ หญิงไทยอายุ 23 ปีที่เดินทางกลับมาด้วยกัน โดยวันที่ 29 พ.ย.2563 มีอาการไอ เจ็บคอ น้ำมูก เมื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อโควิด-19 ถูกนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาล พนักงานโรงแรมที่ขับพาไปร้านสะดวกซื้อ 1 ราย รถจักรยานยนต์รับจ้างจากหมู่บ้านไปอ.แม่สาย 1 ราย ทั้งคู่รอผลตรวจเชื้อ ส่วนรถจักรยานยนต์รับจ้างที่พาไปอ.เมือง 1 ราย ไม่พบเชื้อ ที่เหลือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 23 ราย คือ บุคลากรทางการแพทย์ 20 ราย และชุมชน 3 ราย คือ แม่ค้าร้านอาหาร ร้านขายของชำ พนักงานร้านสะดวกซื้อ และพนักงานโรงแรม ทั้งนี้ ถือว่ามีโอกาสแพร่เชื้อต่ำ เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในโรงแรมที่พักและไปโรงพยาบาลเร็ว ทำให้มีผู้สัมผัสน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำรถโมบายเคลื่อนที่พระราชทานตรวจหาเชื้อโควิด-19 และของคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาตั้งจุดตรวจเพื่อเก็บสารคัดหลั่งพนักงานภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่กว่า 300 ราย
ล่าสุด สถานศึกษาใน อ.เมืองเชียงใหม่ ประกาศปิดการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราวแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนพระหฤทัยเชียงใหม่ และโรงเรียนวชิรวิทย์เชียงใหม่ เพื่อทำความสะอาดพื้นที่ป้องกันการแพร่ระบาดภายในโรงเรียน โดยจะเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งในวันที่ 2 ธ.ค.2563 ส่วนโรงเรียนอนุบาลแม่สาย (สายศิลปศาสตร์) ได้ประกาศหยุดเรียน เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ ตั้งแต่ 1-6 ธ.ค.2563
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศ ว่า ไม่อยากให้ตื่นตระหนก และขอฝากสังคมและชุมชนช่วยกันดูแล เพราะรู้อยู่แล้วว่าใครไปไหนมาไหน หากพบขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่มีน้อย ต้องนำกำลังมาดูแลพื้นที่การชุมนุมในกรุงเทพฯ
วันเดียวกันนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 21 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ทุกราย ประกอบด้วย อินเดีย 1 ราย อิตาลี 1 ราย เยอรมนี 2 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 3 ราย ญี่ปุ่น 4 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย สหราชอาณาจักร 1 ราย รัสเซีย 2 ราย เดนมาร์ก 1 ราย โอมาน 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย และสหรัฐฯ 1 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าประเทศไทยตามเส้นทางธรรมชาติจากเมียนมา เป็นหญิงไทย 2 ราย
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สรุปความว่า สถานการณ์ในเมียนมา จะคล้ายอิหร่าน คูเวต ตุรกี หรือรัสเซีย ที่มีจำนวนการติดเชื้อต่อวันอยู่ในระดับนี้ และจะมีโอกาสปะทุรุนแรงขึ้นได้ คงต้องเอาใจช่วยให้เค้าควบคุมโรคให้ได้ และเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยไทยต้องประคับประคองตัวให้รอดพ้นการระบาดซ้ำ ต้องคุมปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย มีมาตรการจัดการผู้ฝ่าฝืน และรัฐควรชะลอการหาเงินจากการนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติ