xs
xsm
sm
md
lg

“เชียงราย” งานเข้า! พบผู้ป่วยโควิดรวดเดียว 2 รอลุ้นผลกลุ่มเสี่ยงสูงบ่ายนี้อีก 4 ราย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงราย - งานเข้าอีกแล้ว..พบ 2 สาวคนเชียงรายและพะเยาเพื่อนร่วมงานผู้ป่วยโควิดเชียงใหม่ลอบข้ามแดนกลับไทยเข้าพักโรงแรมในแม่สายติดเชื้อด้วย บ่ายนี้ (30 พ.ย.) รอลุ้นผลตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงอีก 4 ราย ล่าสุดยังไม่มีล็อกดาวน์


วันนี้ (30 พ.ย.) นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นายแพทย์ ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย และนายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แถลงผลการตรวจพบเชื้อผู้ป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.เชียงราย ที่ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ศาลากลาง จ.เชียงราย

โดยระบุว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 คน เป็นหญิงอายุ 26 ปี ชาว อ.ขุนตาล จ.เชียงราย และสาวชาว จ.พะเยา อายุ 23 ปี ทั้งคู่มีประวัติลักลอบไปทำงานที่สถานบันเทิงเดียวกันใน จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ก่อนลอบกลับข้ามมาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย

ต่อมาทราบข่าวเพื่อนหญิงอายุ 29 ปีที่ จ.เชียงใหม่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้หญิงสาวชาว อ.ขุนตาล จ.เชียงราย เกิดความกลัวจึงเดินทางไปขอตรวจโรคที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองเชียงราย กระทั่งพบเชื้อจึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนเพิ่มเติมและตามไปตรวจสอบหญิงสาวชาวพะเยาที่ยังพักอยู่ที่โรงแรม เมื่อนำมาตรวจก็พบว่าติดเชื้อเช่นกัน

นายประจญกล่าวว่า ตอนนี้ทั้ง 2 คนอยู่ในความดูแลของแพทย์ ณ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์แล้ว และเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดตามขยายผลไปถึงกลุ่มคนสัมผัสใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการพบเชื้อดังกล่าวไม่อยู่เหนือความคาดหมายเพราะเชียงรายเป็นเมืองชายแดน จังหวัดฯ เคยซ้อมแผนเผชิญเหตุพื้นที่ อ.แม่สายมาแล้ว กระทั่งพบผู้ติดเชื้อที่ลักลอบข้ามไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน แล้วลักลอบข้ามกลับมาอีกในระหว่างที่มีการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน

ดังนั้น กองกำลังผาเมืองจึงได้วางกำลังในพื้นที่ชายแดนเชียงรายเพิ่มเติมอีก 7 ชุดปฏิบัติการ และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็สามารถจับกุมคนลักลอบเดินข้ามลำน้ำสายมาได้อีก 3 คน จึงนำตัวเข้าสู่กระบวนการกักตัวแล้ว รวมทั้งประสานผ่านคณะกรรมการชายแดนไทย-พม่าระดับท้องถิ่น (ทีบีซี) เพื่อขอให้มีการติดตามหาตัวคนไทยที่ตกค้าง ซึ่งไม่ทราบจำนวนที่ชัดเจน ให้ทั้งหมดกลับไทยในช่องทางปกติเพื่อจะได้นำไปกักดูอาการและตรวจหาเชื้อให้ฟรีภายใต้แนวทางการป้องกันการระบาดไม่ใช่การดำเนินคดี


ด้านนายแพทย์ ทศเทพกล่าวว่า ผู้ป่วยทั้ง 2 รายได้ข้ามไปทำงานในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. 2563 และลักลอบข้ามมายังฝั่งไทยพร้อมกันระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย. โดยมีประวัติแตกต่างจากหญิงสาวที่ติดเชื้อที่เชียงใหม่ เพราะหลังจากข้ามมาแล้วก็พักที่โรงแรมไม่ออกไปไหน พอดูข่าวก็พบเพื่อนสาวที่ทำงานด้วยกันในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับตัวเองก็เริ่มมีอาการป่วย วันที่ 28 พ.ย.จึงได้ว่าจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้างให้พาไปส่งที่โรงพยาบาลเอกชนใน อ.เมืองเชียงราย ก็ตรวจพบเชื้อและถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์เพื่อตรวจหาเชื้อก็พบผลเป็นบวกทั้ง 2 ครั้ง คือเวลาบ่ายของวันที่ 29 พ.ย. และเวลา 03.00 น. วันที่ 30 พ.ย.นี้ ต่อมาวันที่ 29 พ.ย. เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปตรวจก็พบผลบวกทั้ง 2 ครั้งเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา

นายแพย์ ทศเทพกล่าวอีกว่า สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ป่วยทั้ง 2 คนถือว่าไม่ซับซ้อน เพราะหลังจากลักลอบกลับเข้าไทยก็พักอยู่ที่โรงแรม ทำให้มีผู้สัมผัสที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงและต่ำรวมกันทั้งหมด 26-30 คน เช่น พนักงานโรงแรม จักรยานยนต์รับจ้าง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ฯลฯ

แต่ตัวเลขยังไม่นิ่งเนื่องจากผู้ป่วยหญิงอายุ 23 ปีชาวพะเยาเคยสั่งอาหารไปที่ห้องจึงอยู่ระหว่างติดตามหาตัวคนส่งอาหารอยู่ แต่กลุ่มเสี่ยงทั้งหมดมีไม่เกิน 30 คน เป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ 25-26 คน เสี่ยงสูง 4 คนซึ่งได้ทำการตรวจหาเชื้อและผลจะออกมาในบ่ายวันที่ 30 พ.ย.นี้ต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่าทั้งคู่ให้การว่าไม่ได้ออกนอกเส้นทางที่แจ้ง


ด้านนายแพทย์ ไชยเวชกล่าวว่า อาการของหญิงสาวทั้ง 2 คนไม่หนัก วันแรกมีไข้และน้ำมูกไหลจึงได้ให้ยาและน้ำเกลืออ่อน ปรากฏว่าอาการไข้หายไปและจมูกรับกลิ่นได้ ปัจจุบันยังคงอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลืออ่อนตามปกติโดยไม่มีไข้

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากพบผู้ติดเชื้อดังกล่าวทางคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงรายได้ประกาศเน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด เช่น สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม ฯลฯ แต่ไม่มีคำสั่งหรือประกาศมาตรการอื่นๆ เหมือนที่มีการระบาดช่วงต้นปี

อย่างไรก็ตาม จะมีการเข้มงวดเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีการจัดมากขึ้น แต่อยู่ภายใต้การดูแลสุขอนามัย โดยจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบหากพบว่าไม่มีมาตรการที่ดีก็จะสั่งให้ยกเลิกงานได้ ส่วนการป้องกันตามแนวชายแดนได้ระดมกำลังออกติดตามจับกุมกลุ่มคนที่นำพาคนลักลอบเข้าประเทศแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น