ในขณะนี้ ผู้เขียนเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ ซึ่งมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีความกตัญญูรู้คุณแผ่นดินที่ตนเองได้อยู่อาศัย และทำมาหากินอยู่เย็นเป็นสุข กำลังเป็นทุกข์ เนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง เพื่อต่อต้านการปกครองในระบอบเผด็จการ แต่พาลจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ด้วยพูดจาโดยใช้ภาษาหยาบคาย ไร้วัฒนธรรม และจริยธรรมชนิดที่คนไทยซึ่งรักความเป็นไทย ฟังแล้วรับไม่ได้จนถึงกับบางคนกลายเป็นคนไทยจริตขึ้นมาทันที และที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ในชั้นต้น การชุมนุมเกิดจากนักเรียน นักศึกษา ได้จัดชุมนุมกันในสถานศึกษาแต่ละแห่งทั่วประเทศ และเนื้อหาของการปราศรัย รวมไปถึงพฤติกรรมที่แสดงออกในเชิงสัญลักษณ์มุ่งเน้นการต่อต้านเผด็จการ และเรียกร้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จะเห็นได้จากข้อเรียกร้อง 3 ข้อดังต่อไปนี้
1.1 หยุดคุกคามประชาชน
1.2 แก้รัฐธรรมนูญ
1.3 ยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่
2. ต่อมาได้มีการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมีการเรียกร้องเกี่ยวกับสถาบัน 10 ข้อ ซึ่งฟังแล้วเข้าใจเป็นอื่นไม่ได้นอกจากคิดร้ายต่อสถาบัน และนับจากนั้นมาได้เกิดการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ หลายกลุ่ม แต่ทุกกลุ่มดูเหมือนจะหมุนรวมกลุ่มซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มคณะราษฎร 63 ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็นกลุ่มราษฎร และแกนนำของกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่มุ่งโจมตีสถาบันเบื้องสูงด้วยถ้อยคำรุนแรง และนี่เองคือเหตุให้เกิดกลุ่มคนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้สัญลักษณ์คนเสื้อเหลืองขึ้น
3. เมื่อกลุ่มคนเสื้อเหลืองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และทุกครั้งที่กลุ่มราษฎรจัดการชุมนุม จะมีคนเสื้อเหลืองจัดชุมนุมเป็นคู่ขนานไปด้วย จึงทำให้เกิดการหวั่นวิตกว่า สองกลุ่มนี้จะเกิดการปะทะกัน และทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
ด้วยเหตุปัจจัย 3 ประการข้างต้น อนุมานได้ว่า ความขัดแย้งนับวันจะรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าการแก้ปัญหาด้วยการสนองข้อเรียกร้องซึ่งทางสภาฯ ได้ดำเนินการไป ทั้งในด้านการปกครองด้วยการตั้งกรรมการขึ้นมาดำเนินการ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แต่เชื่อได้ว่า ทั้งสองประการที่สภาฯ ได้ดำเนินการจะไม่ทำให้การชุมนุม โดยเฉพาะของกลุ่มราษฎรลดความรุนแรงลง ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. กรรมการปรองดองที่สภาฯ ตั้งขึ้น โดยไม่มีคู่ขัดแย้งเข้าร่วมโดยตรงคือ แกนนำของผู้ชุมนุม และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดการต่อต้านเผด็จการ และเรียกร้องประชาธิปไตย
ดังนั้น ถึงแม้กรรมการปรองดองจะมีมติออกมา เพื่อเป็นแนวทางการปรองดอง ผู้ชุมนุมโดยเฉพาะกลุ่มราษฎรคงไม่ยอมรับอยู่ดี
2. ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับให้ปฏิรูปสถาบันที่กลุ่มราษฎรเรียกร้อง คนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และออกมาต่อต้านกลุ่มราษฎรเพิ่มขึ้นทุกที่ จึงอนุมานได้ว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวคงเกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ กลุ่มราษฎรโดยเฉพาะแกนนำจะทำอย่างไรต่อไป ประกอบกับคนกลุ่มนี้ได้ถล้ำลึกถึงขั้นยอมทำผิดกฎหมาย และกลายเป็นผู้ต้องหาไปแล้วหลายคดี จึงทำให้ถึงทางตันถอนก็ไม่ได้ ไปข้างหน้าก็ยาก และนี่เองคือปัญหาที่ผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะต้องดำเนินการให้รอบคอบ และรัดกุม โดยยึดส่วนรวมเป็นที่ตั้ง โดยยึดหลักยอมเสียส่วนน้อย เพื่อรักษาส่วนใหญ่เอาไว้