xs
xsm
sm
md
lg

‘อเมริกากลับมาแล้ว!’

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์


โจ ไบเดน
ในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้นำ ได้ประกาศด้วยความอหังการว่า “อเมริกาต้องมาก่อน” และผลที่ตามมาก็คือผู้นำทำเนียบขาวอยู่ได้เพียงสมัยเดียว และต้องจากไปด้วยความไม่เต็มใจที่ต้องแบกความอัปยศออกไปด้วย

เป็นยุคที่อเมริกาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว มิตรสหายตีจากหรือวางเฉย เพิ่มศัตรูอีกมาก และสร้างความวุ่นวายด้านเศรษฐกิจไปทั่วโลก และคนอเมริกันตายเป็นเบือเพราะโคโรนาไวรัส ซึ่งทุกวันนี้ยังเอาไม่อยู่

มาถึงยุคของโจ ไบเดนมีคำประกาศว่า “อเมริกากลับมาแล้ว” และจะไม่มีวันถอย จะนั่งหัวโต๊ะ ย้ำด้วยว่าอเมริกาจะยิ่งใหญ่ก็ต่อเมื่อทำงานร่วมกับบรรดาพันธมิตร

อย่างน้อยก็เป็นคำประกาศที่หาพวก และหวังคืนดีกับพันธมิตรในยุโรป

หลังจากเล่นลีลายื้อดื้อดันอยู่นานกว่าสองสัปดาห์ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็จำยอมสั่งให้หน่วยงานบริหารทั่วไปเปิดทางให้ทีมถ่ายโอนอำนาจของ โจ ไบเดน ได้เข้าถึงงบประมาณและหน่วยงานต่างๆ ก่อนจะรับตำแหน่งในที่ 20 มกราคมปีหน้า

ถึงจะยอมให้ทีมผู้ชนะเข้าเริ่มงานถ่ายโอนอำนาจ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยังประกาศไม่ยอมแพ้การเลือกตั้ง ทั้งยังสั่งให้ทีมทนายความพยายามหาทางที่จะต่อสู้ด้านการนับคะแนนต่อไปในมลรัฐที่อาจชนะได้ แต่คงจะยาก

หลังจากการนับคะแนนและพ่ายแพ้ที่มลรัฐจอร์เจีย ตามมาด้วยเพนซิลเวเนียและล่าสุดก็เป็นรัฐมิชิแกนซึ่งทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ จำยอมว่าตัวเองไม่ชนะ ก็ต้องยอมต่อแรงกดดัน

จากนี้ไปเพียงแต่จะทำอย่างไรเพื่อรักษาหน้าและสถานภาพของตัวเองหลังจากออกจากตำแหน่ง เป็นที่คาดหมายกันว่าโดนัลด์ ทรัมป์ คงจะประกาศอภัยโทษให้กับบรรดาสมุนบริวารและสมาชิกครอบครัว สำหรับการกระทำผิดในคดีต่างๆ

นั่นเป็นเรื่องที่จะตามมา หรือข้อกล่าวหาในอนาคต ทำให้เป็นเสมือนหนึ่งว่าไม่มีการกระทำความผิด เพราะที่ผ่านมาท่านผู้นำและสมุนได้ทำอะไรไว้เละเทะมากมาย

สิ่งที่คาดเดา แต่ยังไม่เกิดขึ้นก็คือ โดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศอภัยโทษตัวเองหรือไม่ แม้จะไม่มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ แต่เป็นอำนาจของประธานาธิบดีที่มีขอบเขตกว้างขวาง สามารถทำเช่นนั้นได้ ถ้าไม่ผิดกฎหมาย

คนร่างธรรมนูญสหรัฐฯ ก็คงไม่ได้คาดคิด หรือจินตนาการได้ว่าจะมีใครที่คิดจะกล้าประกาศอภัยโทษตัวเอง ซึ่งผิดหลักธรรมเนียมปฏิบัติ และหลักการของกฎหมายที่ระบุว่าไม่มีใครสามารถเป็นทั้งลูกขุนและตุลาการพิพากษาคดีของตัวเอง

แต่คนอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากล้ากระทำทุกอย่างเพื่อตัวเองโดยที่คนอื่นไม่กระทำหรือคาดหมาย ที่ผ่านมาก็มีหลักฐานปรากฏให้เห็นหลายครั้งและทำอย่างไม่อาย ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ ระเบียบ วิธีการธรรมเนียมปฏิบัติอย่างไรทั้งสิ้น
โดนัลด์ ทรัมป์ คงทำได้สำหรับการอภัยโทษคดีที่เกี่ยวโยงกับรัฐบาลกลาง แต่คดีต่างๆ ซึ่งเป็นคดีเฉพาะมลรัฐคงจะอภัยโทษไม่ได้ และถ้าทำแล้วมีผลประโยชน์ตอบแทนตัวเองก็จะถูกฟ้องเช่นกัน

อย่างน้อยมีถึง 7-8 คดีที่อยู่ในอำนาจของมลรัฐโดยเฉพาะรัฐนิวยอร์กซึ่งอัยการแขวงแมนฮัตตันกำลังเล่นงานในคดีเลี่ยงภาษีและประพฤติมิชอบอย่างอื่น ดังนั้น คงบอกได้ว่าชีวิตหลังจากลงจากตำแหน่งผู้นำประเทศคงจะไม่สงบสุขตามที่หวังไว้

โจ ไบเดน ได้แนะนำทีมงานด้านความมั่นคงและต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการประจำมาก่อนในกระทรวงงานที่เกี่ยวข้อง และคนหน้าเดิมก็มี จอห์น เคอร์รีซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ จะมาดูแลด้านอากาศเปลี่ยนแปลงและปัญหาโลกร้อน

นับเป็นบรรยากาศใหม่ที่ให้ความหวังสำหรับคนอเมริกันซึ่งอยู่ในความแตกแยกและขัดแย้งเรื่องสีผิว รวมทั้งปัญหาคนเข้าเมือง ซึ่งถือว่าได้หยั่งรากลงลึกเพราะในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ ความเป็นคนผิวขาวได้ทำให้เกิดปัญหาทางสังคม การเมือง มากมาย

รัฐมนตรีหน้าใหม่เข้ามาพร้อมคำประกาศอย่างมั่นใจว่าจะทำงานด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน และพยายามจะกอบกู้สถานภาพของสหรัฐฯ ไม่ให้ตกต่ำเหมือนยุคปัจจุบัน

ปฏิกิริยาของการตอบรับโดยรวมถือว่าอยู่ในขั้นดีเพราะดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ทะลุ 30,000 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้น รวมทั้งดัชนีตัวนี้อื่นด้วย แต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังอ้างว่าเป็นความสำเร็จของตัวเอง ทั้งที่เหลือเวลาอีก 50 กว่าวันก็จะเป็นอดีต

ภารกิจแรกของโจ ไบเดน และคณะคือการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัส ซึ่งต้องเอาให้อยู่และมีวัคซีนในอย่างน้อย 2 ตัวที่จะช่วย ทุกวันนี้คนอเมริกันติดเชื้อมากกว่า 150,000 คนต่อวัน และเสียชีวิตสูงถึง 2,000 คนต่อวัน

นั่นเป็นเพราะความละเลยเพิกเฉยของรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ โดยแท้!
ถ้าสามารถควบคุมการระบาดได้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ คนว่างงาน ก็จะไม่ยากเพียงแต่ว่าจากนี้ไป โดนัลด์ ทรัมป์ จะวางยาอะไรไว้เพื่อทำให้เกิดความลำบากให้มากที่สุดต่อโจ ไบเดน ซึ่งยังต้องประกาศคณะรัฐมนตรีและผ่านการเห็นชอบของวุฒิสภา

ชาวโลกอาจจะมองสหรัฐอเมริกาด้วยหวังว่าการกลับมาแล้วจะยังคุณประโยชน์ให้กับโลกและลดวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในช่วงของโดนัลด์ ทรัมป์ แทบทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาต้องมาก่อนเสมอและเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้


กำลังโหลดความคิดเห็น