“ด้วยการร่วมมือกัน ผู้รับใช้ประชาชนเหล่านี้จะฟื้นฟูฐานะของอเมริกาในระดับโลก ความเป็นผู้นำในระดับโลกของอเมริกา และความเป็นผู้นำทางศีลธรรมของอเมริกา” ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แถลงในวันอังคาร (24) จากโรงละครแห่งหนึ่งในเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ ซึ่งกลายเป็นบ้านพำนักของเขามายาวนาน “นี่เป็นทีมงานซึ่งสะท้อนถึงความจริงที่ว่า อเมริกากลับมาแล้ว พร้อมที่จะนำโลก ไม่ใช่ล่าถอยจากโลก”
ไบเดนบอกว่า หลังจากที่ตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม และ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากทำเนียบขาวแล้ว อเมริกาจะกลับมาเป็นผู้คุมเกม พร้อมเผชิญหน้ากับศัตรู และไม่ปฏิเสธพันธมิตร ซึ่งเป็นการเหน็บแนมนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนของทรัมป์ที่ไบเดนมองว่า ทำให้อเมริกาโดดเดี่ยว
สำหรับทีมของไบเดนที่เปิดตัวในคราวนี้ ประกอบด้วย แอนโธนี บลิงเคน มือเก่าด้านนโยบายการต่างประเทศซึ่งเป็นที่นับถือกันในรัฐสภาสหรัฐฯและมีสายสัมพันธ์ยาวนานกับไบเดนมาอย่างน้อย 20 ปี จะขึ้นเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ, นักกฎหมาย อเลจานโดร มายอร์คาส ที่เกิดในคิวบา ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, นักการทูตหญิงมากประสบการณ์ ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ จะเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำยูเอ็น, เจค ซัลลิแวน ศิษย์เก่าทำเนียบขาวยุคโอบามาอีกผู้หนึ่ง จะเป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ
แอฟริว เฮนส์ อดีตรองผู้อำนวยการของซีไอเอ ได้รับเลือกให้เป็นผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นสตรีคนแรกในตำแหน่งนี้ และ จอห์น เคร์รี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ตลอดจนอดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต จะกลายเป็นบุคคลแรกที่นั่งในตำแหน่งผู้แทนพิเศษสหรัฐฯว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
การเปิดตัวทีมไบเดนครั้งนี้มีขึ้นขณะที่ความหวังของทรัมป์ในการพลิกผลเลือกตั้งยังคงถูกทำลายเพิ่มขึ้นอีกเมื่อวันอังคาร หลังจากรัฐเพนซิลเวเนีย และเนวาดา ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งว่าไบเดน คือ ผู้มีชัย โดยที่หนึ่งวันก่อนหน้านั้น รัฐมิชิแกนก็ประกาศรับรองอย่างเดียวกันนี้ ซึ่งทำให้สำนักบริหารงานบริการทั่วไปของสหรัฐฯ (จีเอสเอ) ยอมเริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจ ทำให้ทีมงานของไบเดนเข้าถึงงบประมาณใช้จ่ายในช่วงการส่งผ่านอำนาจ รวมทั้งได้รับการบรรยายสรุปข่าวกรองลับสุดยอดประจำวัน และสามารถประสานงานกับพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะผู้รับผิดชอบดูแลการรับมือวิกฤตโรคระบาด
กระนั้น ทรัมป์ยังคงทวีตภาพตัวเองในห้องทำงานรูปไข่พร้อมคำบรรยายว่า “ผมไม่ได้ยอมแพ้ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น!!!!!”
ด้านไบเดนยังเปิดเผยว่า ในช่วง 100 วันแรก ที่รับตำแหน่งจะจัดการวิกฤตโควิด-19 ยกเลิกนโยบายของทรัมป์ที่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม และผลักดันกฎหมายเพื่อให้ผู้พำนักที่ไม่มีเอกสารรับรองหลายล้านคนได้ทำเรื่องเปลี่ยนสัญชาติ รวมทั้งทำให้โรงเรียนเปิดการเรียนการสอนได้อีกครั้งแม้ต้องใช้งบประมาณก้อนใหญ่ในการปรับปรุงสถานศึกษาเพื่อป้องกันโควิดก็ตาม
ในบรรดาทีมงานกลุ่มแรกที่ไบเดนเปิดตัวครั้งนี้ แทบทั้งหมดเป็นผู้ที่เคยทำงานในคณะบริหารของบารัค โอบามา ซึ่งสะท้อนการกลับไปใช้นโยบายการทูตดั้งเดิมและการส่งเสริมระบบพหุภาคี
ขณะที่โลกเปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียวนับจากพรรคเดโมแครตพ้นจากทำเนียบขาวเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนในวันนี้มีอิทธิพลเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนรัสเซียก็พยายามแผ่ขยายอิทธิพลเช่นเดียวกัน แต่อิทธิพลของอเมริกากลับลดลงจากการถอนตัวจากข้อตกลงระหว่างประเทศสำคัญๆ รวมทั้งเกิดความปั่นป่วนจากนโยบายภายในประเทศของทรัมป์ที่อุดมด้วยความผันผวน
คำสัญญาของไบเดนในการอ้าแขนต้อนรับพันธมิตร ยังรวมถึงประเทศต่างๆ ในเอเชีย-แปซิฟิก ในเวลาที่ความสัมพันธ์วอชิงตัน-ปักกิ่งตึงเครียดหนักถึงขั้นถูกนำไปเปรียบเทียบกับยุคสงครามเย็น
(ที่มา: เอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์)