xs
xsm
sm
md
lg

บ้านเมืองสงบ ‘จบ’ ที่ใครกันแน่...

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์



แกนนำม็อบราษฎรและเครือข่ายต่างๆ ที่ยังออกท่าทางคึก ย่ามใจ พยายามยกระดับการชุมนุม รุกคืบ หวังรุกฆาตอยู่ในขณะนี้ โปรดจับตาดูชะตากรรมของโจชัว หว่อง ผู้นำม็อบฮ่องกง ว่าจะลงเอยอย่างไร ดูสภาพที่เห็นคงคาดเดาได้ไม่ยาก

เจ้าตัวยอมรับกับสื่อแล้วว่าอนาคตคงไม่แคล้วติดคุก เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจะยาวนานกี่ปี ถ้าหวังจะได้ลดครึ่งราคา ดูแล้วคงยากยิ่งกว่าสร้างกำแพงเมืองจีนแน่

ขณะที่ม็อบราษฎรกำลังเหิมเกริมหนักข้อทุกวัน จะไปชุมนุมหน้าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์วันที่ 25 นี้ เป็นการยกระดับความท้าทาย หลังจากได้ใจ ประกาศว่าเป็นม็อบรุ่นแรกที่กล้าวิพากษ์สถาบันกษัตริย์และกระทำต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันก็สะสมคดีอาญาสารพัดด้วยข้อกล่าวหา ถูกขัง ถูกปล่อยตัวออกมาทำแต้มเพิ่ม อาจจะรู้หรือไม่รู้ตัวก็ตามที แต่สภาพปัจจุบันจะถอยก็ไม่ได้ กลัวถูกกล่าวว่าทรยศต่ออุดมการณ์และเจตนารมณ์ที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการมุ่งล้มเจ้า

หน้าฉากคือไล่ลุงนายกฯ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ปฏิบัติได้ยาก เพราะลุงตู่ย้ำซ้ำซากว่าไม่ออก ไล่ก็ไม่ไป จะอยู่เป็นหนามตำใจบางกลุ่มอย่างนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็รู้ว่าเป็นเกมยื้อลากยาว กว่าจะได้ต้องใช้เวลา 2 ปี หรือนานกว่า

ยิ่งประเด็นที่ 3 เป็นเงื่อนไขหลัก ดูแล้วยากกว่าทำบันไดไต่ขึ้นสวรรค์ แต่ใช้ปากเปิดประตูคุกนั้นมีความเป็นไปได้อย่างแน่ชัด เมื่อเจ้าหน้าที่พิจารณาใช้กฎหมายมาตรา 112 กรณีกล่าวร้าย อาฆาตมาดร้ายต่อสมาชิกราชวงศ์ สถาบันกษัตริย์

การประกาศชุมนุมบ่อยครั้ง ย้ายสถานที่ไปตามแหล่งต่างๆ โชว์ศักยภาพในการระดมพลังมวลชน ดูแล้วเป็นความสำเร็จ แต่เนื้อหาการชุมนุมเริ่มฝืด ไปลำบาก มีอย่างเดียวคือยกระดับการใช้ถ้อยคำหยาบคาย กิริยาจาบจ้วงล่วงละเมิดผู้อื่น

ใช้คำพูดแนวถ่อยรุนแรง ชดเชยในการพร่องและด้อยความสำคัญในประเด็น เพราะบัดนี้มีแววแสดงให้เห็นแล้วว่าการมุ่งล้มสถาบันกษัตริย์ไม่ใช่คำกล่าวเลื่อนลอย เพราะแกนนำย้ำแล้วว่าถ้าจะต้องลดเงื่อนไข ก็จะยังยืนเอาประเด็นนี้เป็นหลัก

เมื่อข้อเรียกร้อง 3 ประเด็น ไม่เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่โยงถึงเรื่องความยากจนข้นแค้นแสนลำบากกับการครองชีพท่ามกลางสภาวะวิกฤตตายซากยืดเยื้อ ทำให้ชาวบ้านมองเห็นว่าม็อบราษฎรมุ่งจะเอาแต่เรื่องของตัวเอง

ไม่ใส่ใจปัญหาการครองชีพ ความทุกข์ของประชาชน หรือการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเรื่องอื่นๆ ที่ทำให้บ้านเมืองจมปลักอยู่ในวิกฤตเรื้อรัง

ยิ่งเปิดตัวว่าเป็นพันธมิตรกับมวลชนเสื้อแดงในการชุมนุมที่ถนนอักษะ ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ตาสว่าง รู้ว่าที่มาของการสนับสนุนม็อบเครือข่ายราษฎรเป็นแหล่งเดียวกัน มีอย่างน้อย 3 กลุ่มใหญ่ นี่จะเป็นตัวเร่งให้ประชาชนไม่ให้ความสำคัญ

ที่ผ่านมา พฤติกรรมถ้อยคำจ้วงจาบหยาบช้า เหิมเกริม หลู่เกียรติสถาบันกษัตริย์ และบุคคลสำคัญ การทำลายทรัพย์สินราชการ ความก้าวร้าว ขาดจิตสำนึกสาธารณะ ก็ทำให้สังคมระอามากพออยู่แล้ว การเกี่ยวโยงเสื้อแดงจะเร่งวันเสื่อมเร็ว

ความโอหัง ไม่ฟังเสียงใคร ทำให้สังคมเริ่มฉุกคิดว่า ถ้าเยาวชนหรือม็อบราษฎรและเครือข่ายไม่ยอมรับฟังคำเตือน คำสอนของบิดา มารดาตัวเองแล้ว จะหวังว่าคนเหล่านี้จะให้ความสำคัญหรือความเคารพคนอื่นๆ คงเป็นไปไม่ได้

คำประกาศอย่างอหังการ “ต้องให้จบที่รุ่นเรา” คงเป็นจริงในไม่ช้า เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ จะสวมเสื้อสีอะไรก็ตาม เริ่มมองว่า “มันชักจะมากไปแล้ว”

การหลู่เกียรติผู้อื่นด้วยถ้อยคำหยาบคายสะท้อนให้เห็นการไร้วุฒิภาวะ ความรู้ ความเป็นอารยชน ไร้วัฒนธรรมในสังคมที่เจริญด้วยจิตใจ จิตวิญญาณ และความสำคัญของการต้องประพฤติให้คล้องจองกับการอยู่ร่วมในสังคม

การเรียกร้องในเรื่องต่างๆ ด้วยคำหยาบคาย ก้าวร้าว ไม่ต่างจากคนยุคหินที่ไม่สนใจเรื่องกิริยามารยาท ความเป็นผู้เจริญด้วยจิตใจ มุ่งแต่จะใช้ความเถื่อนเป็นอาวุธ

ดูแล้วก็น่าสงสารในความสำคัญตัวผิด คิดว่าเป็นกลุ่มนำด้านความคิด อาสาว่าจะเป็นผู้กำหนดชะตากรรมและทางเดินของประเทศ แทนที่จะเรียกร้องด้วยความเป็นผู้ดีมีอารยธรรม กลับใช้วิธีการหักหาญเพื่อเอาชนะ แบบนี้จะมีใครยอมง่ายๆ

แถมชาวบ้านยังตอกหน้าย้อนถามง่ายๆ คนพวกนี้นะหรือ แม้แต่พ่อแม่ตัวเองยังสั่งสอนไม่ได้ ไปฟังคนที่ไม่มีหัวนอนปลายตีน แล้วจะมาอาสาเป็นผู้นำชาติ?

ประเทศไทยมีความเป็นมาหลายร้อยปี ไม่ใช่สร้างมาด้วยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไร้ความสัมมาคารวะ ประเทศไทยไม่ได้อยู่มายืนยาว ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของใครเพราะความยโสโอหังลำพอง ไม่เจียมเนื้อเจียมตัว เป็นด้วยความสามารถและสมอง

อย่าลืมว่าคนปัจจุบันส่วนใหญ่ต้องมีอายุยืนอีกหลายสิบปี จะยอมฝากอนาคตของตัวเองไว้กับเด็กยโสโอหัง ไร้ความเป็นผู้มีอารยธรรมเช่นนั้นหรือ

ความคึกคะนอง เหมือนเด็กเล่นไม้ขีดไฟ ผลที่ตามมาคงไม่พ้นไฟไหม้มือ ไหม้บ้านตัวเอง การยกระดับความกดดัน ก็ย่อมเผชิญกับแรงต้านจากอำนาจกฎหมาย และกระแสต้านจากประชาชนซึ่งก็มีสิทธิทุกประการที่จะห่วงอนาคตของบ้านเมือง

ความมั่นคงของชาติจะไม่มีวันได้ถูกย่ำยีโดยกลุ่มม็อบต่างๆ ที่ถูกมองว่ารับการสนับสนุนด้านเงินและการชี้แนะจากต่างชาติแน่ อ้อ! ว่างจากทำม็อบไปศึกษาความหมายของ “จุ๊หมาน่อยขึ้นดอย” ว่าเป็นอย่างไร เหมือนสภาวะปัจจุบันหรือไม่

และผลสุดท้ายของ “ละอ่อนเล่นง่าว” เป็นอย่างไร เผื่อจะคิดใหม่ได้ทันการ


กำลังโหลดความคิดเห็น