"โสภณ องค์การณ์"
การเมืองบ้านเราคงจะนิ่งและเน่าอีกนานติดล็อกจมปลัก ขับเคลื่อนไปไหนไม่ได้ ถึงจะขยับได้บ้างก็ไม่มีวี่แววว่าจุดหมายปลายทางจะเป็นอย่างไรเพราะองค์ประกอบซับซ้อน
ฝ่ายผู้ตั้งเงื่อนไขเช่นกลุ่มราษฎรและเครือข่ายในข้อเรียกร้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งสามประเด็นหลัก เป็นเหมือนข้อเสนอซึ่งฝ่ายผู้รับไม่สามารถยอมได้
ที่สำคัญคือ มีความสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่สภาวะชุมนุมกลางเมืองและในต่างจังหวัดเป็นระยะๆ สร้างบรรยากาศของความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดความวุ่นวายทางสังคม
การชุมนุมที่ผ่านมาเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มเครือข่ายราษฎรและพันธมิตรกับกลุ่มมวลชนเสื้อเหลืองซึ่งส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มการเมืองและหน่วยงานของรัฐ บางครั้งเกิดความรุนแรงเช่นการขว้างปาด้วยอิฐและวัตถุอย่างอื่นที่หยิบ ฉวยได้
ล่าสุดมีการยิงปืนถึง 6 นัด มีผู้ได้รับบาดเจ็บและหนึ่งรายยอยู่ในขั้นสาหัส ถ้าแนวโน้มยังเป็นไปเช่นนี้เมื่อมีการชุมนุมเกิดขึ้นและมีคนเข้าร่วมเตรียมอาวุธหรือเครื่องผ่อนแรงที่ใช้เป็นอาวุธได้ก็จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
กลุ่มราษฎรสามารถระดมคนเข้าร่วมได้เป็นจำนวนมากทั้งที่หน้าอาคารรัฐสภาและล่าสุดที่สี่แยกราชประสงค์ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จและสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของรัฐบาลในการควบคุมสถานการณ์
ท่านผู้นำยังถูกมองว่าลอยตัวอยู่เหนือปัญหาและความขัดแย้ง เป็นเรื่องของผู้อื่นไม่เกี่ยวกับตัวเอง แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการรับรู้น่าจะมีปัญหา
ม็อบราษฎรชุมนุมกลางเมืองหลายครั้งกล่าวจาบจ้วงต่อสถาบันกษัตริย์แต่ไม่มีใครหรือองค์กรไหนจัดการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันผู้นำประเทศก็ยังพูดย้ำว่าตัวเองไม่ใช่คู่ขัดแย้งของกลุ่มผู้ชุมนุม
ถ้าอย่างนั้นจะให้ประชาชนเข้าใจว่าอย่างไรเพราะในสามประเด็นหลักนั้นผู้ชุมนุมต้องการให้ผู้นำรัฐบาลลาออกให้มีการแก้ไขและธรรมนูญและปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ นั่นหมายความว่าผู้นำรัฐบาลไม่ได้อ่านหรือรับรู้ข้อเรียกร้องประเด็นแรกหรืออย่างไร
หรือท่านผู้นำยังคงคิดว่าการที่ม็อบราษฎรชุมนุมขับไล่ตัวเองนั้นยังไม่เป็นความขัดแย้ง ทั้งที่ตัวเองถูกมองว่าไม่เป็นที่ต้องการของประชาชนอย่างน้อยก็ของกลุ่มราษฎรและกลุ่มอื่นๆ ซึ่งยังไม่ได้แสดงออกเต็มที่
มีการประท้วงชุมนุมกลางเมืองหลายครั้งในหนึ่งเดือนและมีการปะทะด้วยกำลังบาดเจ็บเท่ากับเป็นการตอกย้ำถึงความรู้สึกของการเป็นปฏิปักษ์และการเผชิญหน้าซึ่งไม่เป็นผลดีสำหรับบรรยากาศการลงทุนและการท่องเที่ยวเมื่อถูกมองว่าการสัญจรไปมาไม่ปลอดภัยหรือมีความเสี่ยงกับปัญหาซึ่งไม่อาจคาดคะเนได้
บ้านเมืองมาถึงจุดอับ จุดตัน ถึงจะมีทางออกแต่ไม่ง่าย เพราะเป็นปัจจัยเกี่ยวกับตัวบุคคลเริ่มตั้งแต่ผู้นำรัฐบาลและองค์กรต่างๆด้านนิติบัญญัติ การปกครอง องค์กรอิสระ รวมทั้งกระบวนการยุติธรรม ซึ่งล้วนมีความสำคัญที่จะต้องสะสางเงื่อนปมต่างๆ
ข้อเสนอสามข้อของกลุ่มราษฎรจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ถูกใจและเมื่อไม่ถูกใจก็เป็นการยากที่จะให้กลุ่มนี้หยุดยั้งการชุมนุมประท้วงและเรียกร้องจึงจะทำให้เห็นการรุกคืบในการพูดล่วงเกินสถาบันด้วยถ้อยคำหยาบคาย
จากนี้ไปน่าจะได้เห็นการชุมนุมมีจำนวนถี่ยิบมากกว่าเดิมและยกระดับการพูดล่วงเกินสถาบันกษัตริย์ทั้งรุกคืบเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่หวั่นเกรงกฎหมายและโทษอาญาเหมือนในยุคก่อน
ผู้นำรัฐบาลคงรู้แล้วว่าจะนิ่งเฉยไม่ได้และอ้างว่าตัวเองไม่ใช่คู่ขัดแย้งอีกต่อไปคงจะไม่ได้ ดังนั้นจึงประกาศว่าจะใช้มาตรการทางกฎหมายเข้มข้นเพื่อจัดการกับการชุมนุมและทุกคนที่กระทำความผิดต้องได้รับโทษ
รอดูต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากม็อบราษฎรประกาศยกระดับการเผชิญหน้าพร้อมแตกหักเช่นกัน ภาวะเช่นนี้คงจะไม่มีใครหวังจะลอยตัวอยู่เหนือปัญหาเพื่อเอาตัวรอดได้เพราะประชาชนคงไม่ยอมอีกต่อไป
นั่นเป็นเรื่องของใครดีใครอยู่ อีกไม่นานก็น่าจะรู้