เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องลองตามไปดูสิ่งที่อาจกลายเป็น “ผลพวง” หรือผลที่ตามมาหลังจากที่ชายชราผู้หงอมเหงอะอย่างคุณปู่ “โจ ไบเดน” หรือ “โจซึมเซา” ก็แล้วแต่จะเรียก น่าจะ “ชนะขาด” ผู้นำอเมริกาคนปัจจุบันอย่าง “ทรัมป์บ้า” ชนิดแม้แต่พระสันตะปาปาแห่งกรุงวาติกัน หรือคุณพี่จีน ไม่คิดจะดำรงตนเป็น “ท่านรอง” ต่อไปอีกแล้ว หรือหันมาประกาศรับรอง ประกาศแสดงความยินดีต่อชัยชนะของคุณปู่รายนี้อย่างเป็นทางการ...
โดยชัยชนะของคุณปู่คราวนี้...ก็อย่างที่เคยว่าๆ เอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นแหละว่า กำลังเริ่มส่งผลให้ใครต่อใคร “หลับไม่ลง” กันไปเป็นแถบๆ โดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันออกกลาง อย่าง “อิสราเอล” เป็นต้น เพราะการสูญเสีย “เพื่อนที่ดีที่สุด” ของชาวอิสราเอลอย่าง “ทรัมป์บ้า” ผู้ถูกนำเอาใบหน้าไปเทียบเคียงกับอดีตจอมจักรพรรดิ “ไซรัสมหาราช” แห่งเปอร์เซียในเหรียญที่ระลึก เพื่อหาเงินทุนสนับสนุนการสร้าง “วิหารแห่งพระเจ้าครั้งที่ 3” ย่อมต้องก่อให้เกิดอาการติดๆ ขัดๆ ปัสสาวะไม่ค่อยจะออก ไม่ค่อยจะคล่อง ไม่ว่าในทางใด ทางหนึ่ง อยู่แล้วแน่ๆ...
หรือทำให้เกิดการ “ตั้งคำถาม” ถึงการย้ายสถานทูตสหรัฐฯ กลับไปตั้งอยู่ที่กรุงเทล อาวีฟ ไม่ใช่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางกรุงเยรูซาเล็มแบบที่รัฐบาล “ทรัมป์บ้า” ได้กระทำการมาก่อนหน้านี้ ว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร เนื่องจากในช่วงระหว่างการหาเสียง เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผ่านมา “ผู้เฒ่าโจ” ท่านได้พูดจาเอาไว้ชัดเจน ว่าท่าน “ไม่เห็นควรด้วย” โดยเด็ดขาด กับการย้ายสถานทูต หรือการแสดงออกถึงการรับรองกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นของอิสราเอล อันเป็นสิ่งที่ฝืนต่อกฎหมาย กฎระเบียบ ระหว่างประเทศ หรือต่อมติสหประชาชาติ อย่างเห็นได้โดยชัดเจน...
หรือเมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา...ในการประชุมประจำปีของกลุ่มประเทศ “G-77” หรือกลุ่มประเทศที่สืบต่อนโยบาย “ผู้ไม่ฝักฝ่ายใด” (Non-Aliment) เมื่อครั้งอดีต ที่ปัจจุบันได้ขยายจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 134 ประเทศ ณ ที่ประชุมสหประชาชาติในแถลงการณ์ของบรรดากลุ่มประเทศสมาชิก โดยมีคุณพี่จีน ซึ่งแม้ไม่ได้เป็นสมาชิกให้การรับรองอีกต่างหาก ได้ระบุเอาไว้ชัดเจนถึงความ “ไม่เห็นควรด้วย” ต่อการครอบครองยึดครองพื้นที่ประมาณ 1,200 ตารางกิโลเมตร ในอาณาบริเวณที่ราบสูงโกลันของซีเรีย โดยกองกำลังทหารอิสราเอลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967 และพยายามหันมาเรียกร้องอีกครั้ง ให้อิสราเอลถอนตัวออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว แม้ว่ารัฐบาลอเมริกันของ “ทรัมป์บ้า” เพิ่งจะประกาศรับรองให้อาณาบริเวณดังกล่าว ตกเป็นของอิสราเอลไปเมื่อช่วงปี ค.ศ. 2019 โดยได้เปลี่ยนชื่อเสียง เรียงนาม ให้กลายเป็น “ที่ราบสูงทรัมป์” ไปแล้วก็ตาม...
ดังนั้น...เมื่อ “ผู้เฒ่าโจ” ท่านผงาดขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีรายใหม่ และยังหวังตั้งใจที่จะนำพาประเทศอเมริกากลับคืนไปสู่การร่วมมือร่วมใจกับองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ไม่ว่า WTO, WHO ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ โอกาสที่ท่านจะเห็นควรด้วยกับ “ทรัมป์บ้า” ในเรื่องการผนวกที่ราบสูงโกลัน ไปจนถึงการผนวกดินแดนเวสต์แบงก์ ของชาวปาเลสไตน์ จึงออกจะเป็นอะไรที่ยากเย็นเต็มที และนั่นย่อมทำให้แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ที่ผู้นำอิสราเอลคนปัจจุบัน อย่าง “นายเบนจามิน เนทันยาฮู” ได้เคย “หาเสียง”เอาไว้ ตลอดช่วงการเลือกตั้งไม่รู้จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ผ่านมา อาจต้อง “แห้วกระป๋อง” ตามไปด้วย ในขณะที่ผู้นำรายนี้ กำลังอยู่ในระหว่างที่อาจต้อง “กลับไปเลือกตั้งกันใหม่” ในอีกไม่นาน-ไม่เช้า อันเนื่องมาจากความไม่ลงตัว การไม่อาจหาจุดประนีประนอมในการผ่านงบประมาณปี ค.ศ. 2021 ในรัฐสภาอิสราเอลลงไปให้จงได้...
อีกทั้งตลอดช่วงระยะไม่นานที่ผ่านมา...โอกาสที่จะไปงัดเอาสิ่งหนึ่ง สิ่งใด ขึ้นมา “หาเสียง” ก็ยังแทบไม่มี ไม่ว่านโยบายรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “COVID-19” ที่ต้องหันกลับไปล็อกดง ล็อกดาวน์ ประเทศอิสราเอลกันแบบชุลมุน ชุลเก ชนิดที่แม้แต่กลุ่มการเมืองฝ่ายขวา พวกคลั่งศาสนาที่เคยเป็นฐานเสียงให้กับพรรคการเมืองของตัวเองมาโดยตลอด ยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาประท้วง ออกมาชุมนุมต่อต้านมาตรการห้ามออกนอกบ้าน จนกลายเป็นเรื่อง เป็นราว ต้องไล่ทุบ ไล่กระทืบ ไม่ใช่แค่ฉีดน้ำเฉยๆ...
หรือแม้แต่การประสบความสำเร็จในการทำให้ “ชาติอาหรับ” ประมาณ 2-3 ชาติ เปลี่ยนใจหันมาญาติดีกับอิสราเอล หรือหันมาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตโดยปกติ อันเนื่องมาจากความริเริ่ม หรือจาก “ครีเอทีฟ ไอเดีย” ของ “ทรัมป์บ้า” และลูกเขยชาวยิวอีกนั่นแหละ ที่ไปลากเอาประเทศเล็กๆ อย่าง บาห์เรน สหพันธรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และประเทศที่อยากถอดตัวเองออกจากบัญชีรายชื่อ “ประเทศก่อการร้าย” เต็มแก่ อย่างซูดาน ให้หันมาฟื้นสัมพันธภาพกับอิสราเอลไปได้เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว แต่จะถึงขั้นลากเอาประเทศใหญ่ๆ หรือระดับพี่เบิ้มแห่งตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบีย ตามมาด้วยหรือไม่ อย่างไรนั้น ก็คงขึ้นอยู่กับชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของ “ทรัมป์บ้า” นั่นแหละเป็นสำคัญ...
ภายใต้สภาพเช่นนี้...มันจึงแทบไม่เหลืออะไรที่พอจะเอาไปใช้ “หาเสียง” ให้การ “เลือกตั้งครั้งใหม่” ของอิสราเอลได้เลย แม้ว่าเป็นสิ่งที่ “นายกรัฐมนตรีทางเลือก” หรือผู้ที่เตรียมจ่อคิวเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคตเบื้องหน้า อย่าง “นายพลเบนนี แกนตซ์” แห่งพรรค “ฟ้า-ขาว” (Blue and White) เริ่มเปรยๆ ออกมาบ้างแล้วว่า ถ้าหากการประนีประนอมในเรื่องงบประมาณปีหน้าของอิสราเอลไม่ลงตัว โอกาสที่จะต้องกลับเลือกตั้งกันใหม่ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ “Jerusalem Post” อย่าง “นายYaakov Katz” จึงอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาตั้งสังเกต ข้อสมมติฐาน หรืออาจถือเป็น “คำเตือน” ไว้ล่วงหน้าเอาเลยก็ได้ว่า สิ่งที่อาจถูกนำมาใช้ “หาเสียง” สำหรับผู้นำอิสราเอลอย่าง “นายเนทันยาฮู” โดยมีผู้นำอเมริกาที่กำลังจะถูก “สิริยากร พุกกะเวส” (อุ้ม) ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า อย่าง “ทรัมป์บ้า” นั้น อาจหมายถึงการเปิดฉาก “สงครามกับอิหร่าน” ไม่ว่าทางใด ทางหนึ่ง เอาเลยก็ไม่แน่!!!
แม้ว่า “นายYaakov Katz” ยังไม่ถึงกับมั่นใจ แน่ใจ แต่บรรดา “ความเคลื่อนไหว” ที่ถูกหยิบยกมาอ้างถึง พูดถึง ภายใต้กระแสการเมืองที่ชุลมุน ชุลเก ไม่ว่าในอเมริกาหรือในอิสราเอลก็แล้วแต่ ออกจะเป็นอะไรที่ต้อง “เปิดใจรับฟัง” อยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวของพวก “ขวาใหม่” อย่าง “นายElliot Abrams” ผู้แทนระดับสูงของรัฐบาล “ทรัมป์บ้า” โดยเฉพาะต่อการไล่บด ไล่บี้ อิหร่านมาโดยตลอด ที่ได้เดินทางไปเยือนประเทศอิสราเอล ไปพบปะกับนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาความมั่นคงเมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตามด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ “นายไมค์ ปอมเปโอ” ที่จะเดินทางไปเยือนอิสราเอล 3 วันช่วงสัปดาห์หน้าการต่อสายวิดีโอคอล ระหว่างประธานเสนาธิการกองทัพอิสราเอล (IDF) “พลโทAviv Kochavi” กับประธานเสนาธิการกองทัพสหรัฐฯ “พลเอกMark Milley” รวมไปถึงการสั่งปลด สั่งถอดถอน รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา “นายMark Esper” เอาดื้อๆ!!! ทั้งที่เหลือเวลาอยู่ในตำแหน่ง แค่ไม่กี่วัน กี่เดือนเท่านั้นเอง...
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ...ที่หัวหน้ากองบก.เยรูซาเล็ม โพสต์ แกเห็นว่าออกจะ “แหม่งๆ” อยู่ไม่น้อย แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศส ด้านตะวันออกกลางแห่งสำนักข่าว “Sputnik” อย่าง “Ilya Tsukanov” จะไม่เห็นควรด้วยมากมายสักเท่าไหร่ หรือเห็นว่าผู้ที่ถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมรายใหม่ของอเมริกา อย่าง “นายChristopher Miller” นั้น ออกจะมีแนวหนักไปทางพวก “ต่อต้านสงคราม” แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าเพียงแค่อเมริกายอม “เปิดไฟเขียว” ให้กับอิสราเอลเท่านั้นเอง ความกระเหี้ยนกระหือรือ ในแบบคิดจะ “ชิงโจมตีก่อน” หรือ Preemptive War, Preemptive Strike ที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล “นายเบนจามิน เนทันยาฮู” เคยประกาศต่อประเทศอิหร่านเอาไว้ก่อนหน้านั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรเก็บมาคิดๆ ไว้บ้างเลย...