เป็นวรรคทองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เขาไล่ออก ผู้ชมทางบ้านที่เข้ามาแข่งขันในรายการทีวีเรียลิตี้โชว์ของเขา (ที่ออกฉายนานถึง 10 ปีก่อนมาเป็นปธน.) เมื่อผู้เข้าแข่งขันเสนอคำตอบหรือทางออกทางธุรกิจที่ทรัมป์มองว่าสอบตก
แต่ในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่ 5 หลังการลงคะแนนเลือกตั้ง ได้มีประชาชนจำนวนมากออกมาเฉลิมฉลองที่นายโจ ไบเดน ได้คะแนน Electoral Votes จากรัฐสมรภูมิสุดท้าย 4 รัฐถึง 270 เสียง และไบเดนจะได้เป็นปธน.คนที่ 46 ค่อนข้างแน่นอน
ที่หน้าทำเนียบขาว ชาวอเมริกันที่ดีใจกับชัยชนะของโจ ไบเดน และกมลา แฮร์ริส มายืนชุมนุมโลดเต้นแสดงความดีใจเต็มไปหมด และมีป้ายใหญ่ที่เขียนด้วยลายมือชูตระหง่านอยู่เพียงป้ายเดียวว่า “You’re Fired!” เพื่อมอบให้แก่ผู้ครอบครองทำเนียบขาวคือ ทรัมป์
ป้ายนี้ยังปักอยู่โดดเด่นอีกหลายวัน จนเมื่อวันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน ที่ปธน. (เป็ดง่อย) ได้ออกคำสั่งผ่านทวิตเตอร์ว่า เขาได้ Terminate (ปลด) รมต.กลาโหม มาร์ค เอสเปอร์ ออกจากตำแหน่งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และได้แต่งตั้งคนใหม่เข้ามารักษาการแทน
มีข้อสังเกตของนักวิเคราะห์และนักประวัติศาสตร์ สำคัญของอเมริกาบางคนที่มองว่า ทรัมป์ไม่ใช่เป็นแค่เป็ดง่อย (lame duck) ช่วง 70 วันที่ยังเหลืออยู่ แต่เขาเป็นสัตว์ที่บาดเจ็บ (Wounded Animal) และจะออกมาฟาดงวงฟาดงาไล่กัดทำร้ายผู้คนอย่างบ้าคลั่ง
บางคนยกตัวอย่างในช่วงวันสุดท้ายๆ ของฮิตเลอร์ ที่เขาแอบซ่อนหลบอยู่ภายในกองบัญชาการ สุดท้ายของเขาที่ในบังเกอร์ที่เบอร์ลิน แต่ยังได้ออกคำสั่ง (กฤษฎีกา) ให้กองทัพนาซีทำลายโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ ที่ยังเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นให้ระเบิดสะพาน, ระเบิดเขื่อนให้พังทลายเพื่อให้น้ำในเขื่อนไหลทะลักออกมาท่วมเมืองทั้งเมือง, ระเบิดท่าอากาศยาน, ถนนหนทาง, รถไฟใต้ดิน ฯลฯ เพื่อให้เมืองทั้งเมืองพังทลายไปกับเขา และไม่ทิ้งอะไรให้เป็นประโยชน์แก่กองทัพสัมพันธมิตรที่กำลังรุกคืบเข้ามายึดเบอร์ลิน
การเผาบ้านเผาเมืองนี้เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นก็คือ สมัยของจักรพรรดิเนโร (โรคจิต) ที่มีความสุขเมื่อมีการเผาบางส่วนของเมือง (เพื่อขับไล่ที่-ของคนจนส่วนใหญ่) แล้วตัวเองมานั่งดีดพิณอย่างสุขใจ มองดูเปลวเพลิงที่กำลังเกิดขึ้น
สำหรับทรัมป์ ความเป็นโรคจิตที่บ้าลุ่มหลงตนเองว่าวิเศษสุด (เมื่อเข้ามารับหน้าที่ที่ทำเนียบขาวใหม่ๆ เขาได้พูดว่า เขารู้ดีกว่าเหล่าบรรดานายพลทั้งหมดในด้านความมั่นคงของชาติ!) คาดว่า เขาจะต้องฟาดงวงฟาดงาก็เพราะเขาโกรธจัดที่ต้องแพ้ให้แก่คนที่เขาดูถูกเยาะหยันว่า เชื่องช้าไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย เป็นคนอ่อนแอ นั่นคือ Sleepy Joe ตามฉายาที่เขาจะตั้งให้แก่บุคคลต่างๆ ที่เขาต้องการเหยียบย่ำ
วิธีแก้หน้าที่เขาแพ้การเลือกตั้งคือ กล่าวหาว่าที่แพ้ก็เพราะถูกโกงคะแนน และเขาออกมาชิงตีขลุมในเวลาตี 2 ครึ่งของคืนวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายนว่า เขาชนะอย่างเด็ดขาดและง่ายดาย ตามคะแนนที่ยังเพิ่งเริ่มนับ จากการนับคะแนนของผู้ที่ลงคะแนนด้วยตนเองในวันที่ 3 พฤศจิกายนก่อน และยังเพิ่งเริ่มเปิดซองนับคะแนนที่ส่งมาทางไปรษณีย์เป็นเกือบ 80 ล้านฉบับ ซึ่งในช่วงแรกจะเป็นคะแนนของทรัมป์ที่นำไบเดน แต่พอเริ่มเปิดซองปรากฏคะแนนของไบเดนก็เริ่มไล่หลังทรัมป์ และเริ่มนำทรัมป์ในหลายรัฐ
ขณะนี้ ทีมทรัมป์ (บางคน) กำลังเดินหน้าฟ้องในบางรัฐสมรภูมิ เพื่อให้มีการนับคะแนนใหม่ ทั้งๆ ที่คะแนนที่ไบเดนได้รับทิ้งห่างทรัมป์ เริ่มจากหมื่นคะแนนไปถึง 4-5 หมื่นคะแนน ไม่ใช่เหมือนปีที่ Gore แข่งกับ Bush (ปี 2000) ซึ่งคะแนนแพ้ชนะกันที่รัฐฟลอริดาแค่ 537 คะแนนเท่านั้น
การนับคะแนนใหม่ที่จะเกิดขึ้น ฝ่ายร้องขอคือทีมหาเสียงทรัมป์จะต้องเป็นฝ่ายจ่ายเงินค่านับคะแนนใหม่ ซึ่งทำให้น่าสงสัยว่า ทรัมป์น่าจะยังต้องการให้เงินบริจาคเลือกตั้งในบัญชีเขายังเดินหน้าต่อไป โดยเขาติดลบอยู่ในด้านเงินหาเสียงขณะนี้
และข่าวผ่านวงในคือ ทรัมป์ (หรือลูกชายของทรัมป์) อาจหวังลงเลือกตั้งเป็นปธน.อีกครั้งในปี 2024 ซึ่งเขาจะต้องเก็บเสียงสนับสนุน 71 ล้านเสียงขณะนี้เอาไว้ใช้ในอีก 4 ปีข้างหน้า ด้วยการปลุกปั่นว่า เขาถูกโกงเลือกตั้ง (ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันทั้งสิ้น) เพื่อเขาจะกลับมาแก้แค้นในครั้งหน้า
ก่อนหน้านี้ นายจาเร็ด คุชเนอร์ (ลูกเขยของทรัมป์) ได้ออกมาแย้มๆ ว่า เขาได้เริ่มติดต่อประสานงานเพื่อก่อตั้งสถานีข่าวของเขาเองทีเดียวเพื่อจะออกข่าวและป่วนการบริหารงานของไบเดนตลอด 4 ปีข้างหน้านี้ เพื่อปูทางให้ทรัมป์ (หรือลูกของเขา) ได้ชัยชนะในครั้งหน้า...รวมทั้งเขาจะยังเขียนทวิตเตอร์ป่วนการบริหารงานไบเดนทุกๆ วันด้วย
สำหรับการไล่ออกรมต.กลาโหม ที่เขาแค้นมาตั้งแต่มิถุนายนนี้ (เพราะมาร์ค เอสเปอร์ ออกแถลงการณ์ว่า ให้ประชาชนอเมริกันมั่นใจว่า กองทัพทหารอเมริกันจะไม่ทำร้ายประชาชนที่ชุมนุมอย่างสงบ-เพราะรมต.เอสเปอร์ ถูกกดดันจากเหล่านายพลว่า ทำตัวไม่เหมาะสมเมื่อไปยืนเป็นไม้ประดับกับปธน.ทรัมป์ที่กำลังหาเสียงทางการเมือง เมื่อทรัมป์ไปยืนชูคัมภีร์ไบเบิลหน้าโบสถ์เซนต์จอห์นหลังใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างสงบที่สวนลาฟาแยตต์ ก่อนไปจัดฉากถ่ายรูปชูไบเบิล
การไล่ออกน่าจะเล็งอีก 2-3 คน คือผอ.เอฟบีไอ-นายคริสโตเฟอร์ เรย์ และผอ.(หญิง)ซีไอเอ ซึ่งเคยไปให้การที่คณะกรรมาธิการสภาในลักษณะที่พูดตรงข้ามกับทรัมป์
เป็นการไล่ออกเพื่อแก้เกี้ยวกับการที่ตัวทรัมป์เองถูกประชาชนไล่ออก...พรรครีพับลิกันจำนวนมากที่ลงคะแนนให้ไบเดน แต่ยังคงลงคะแนนให้ ส.ส.และ ส.ว.จากรีพับลิกัน...แสดงว่า พวกเขาลงคะแนนไล่ทรัมป์ให้ออกจากทำเนียบขาวนั่นเอง
ขณะที่ฝ่ายอาวุโสของรีพับลิกันต้องออกมาถือหางทรัมป์ เช่น มิตช์ แมคคอนเนลล์, เท็ด ครูซ, มาร์โก รูบิโอ, ลินซีย์ แกรมม์ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะพวกเขามองเห็นกลุ่มฐานเสียงใหม่ของพรรคที่ทรัมป์ได้สร้างขึ้นมา คือ คนผิวขาว (ชาย) ระดับล่าง ที่เคยเป็นเดโมแครตมาตลอด ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นฐานให้รีพับลิกัน และจะมีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งในครั้งหน้านั่นเอง