xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าทรัมป์ชนะ- โลกเตรียมโกลาหลอีก 4 ปี

เผยแพร่:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร



ค่ำวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน หลังปิดหีบเลือกตั้ง ได้มีการนับคะแนนเริ่มจากรัฐทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ และรัฐสมรภูมิแรกๆ และเป็นรัฐใหญ่อย่างฟลอริดาที่มีคะแนน Electoral ถึง 29 ก็ตกเป็นของทรัมป์อย่างชนิดขาดลอย คือ ชนะไบเดนไปถึงกว่า 3% เรียกว่า ไม่ต้องถกเถียงกันว่าจะต้องมานั่งนับใหม่หรือไม่

รัฐสมรภูมิใหญ่อีกแห่งที่มีการ Projected ให้ตกเป็นของทรัมป์ คือ รัฐโอไฮโอ ซึ่งก็มีคะแนน Electoral ถึง 18...และช่วงดึกนั้น ชาวเดโมแครตเริ่มใจเสียเอาทีเดียว เนื่องจากก่อนปิดหีบเลือกตั้ง จากผลสำรวจโพลส่วนใหญ่ แม้แต่ของฟ็อกซ์ก็ตาม ในระดับชาตินั้น ปรากฏว่าไบเดนได้คะแนนนำทรัมป์มาตลอด และบางโพลเช่น ของวอลล์สตรีทและ NBC คะแนนโพลของไบเดนนำทรัมป์ในระดับชาติ สูงเป็นเลข 2 หลักที่ 10% ทีเดียว...และในโพลของรัฐสมรภูมิหลายแห่งก็ให้ไบเดนนำทรัมป์ แม้จะค่อนข้างสูสี;แต่ก็ทำให้ชาวเดโมแครตดูค่อนข้างสบายใจว่า...ไบเดนน่าจะชนะทรัมป์เป็นส่วนใหญ่ในรัฐสมรภูมิด้วย

พอถึงเวลาตี 2 (ของทำเนียบขาว) สถานีโทรทัศน์ทุกแห่งก็ประกาศว่า ทรัมป์จะออกมาแถลงที่ทำเนียบขาว ซึ่งหลายคนก็ยังไม่แน่ใจว่า เขาจะกล้าออกมาชิงประกาศว่าเขาชนะ ดังเช่นที่มีข่าวรั่วออกมาก่อนหน้าจากคนใกล้ชิดเขาว่า เขาจะทำเช่นนั้น

กล้องของสถานีข่าวต่างๆ ได้แช่รอเพื่อถ่ายทอดสดทรัมป์ ซึ่งก็รออยู่ถึงครึ่งชั่วโมงทรัมป์ถึงออกมาแถลง และทำให้นักวิเคราะห์ต่างประหลาดใจว่า ทำไมทรัมป์จึงปล่อยให้นักข่าวรอนานขนาดนั้น น่าจะมีเหตุถกเถียงอะไรกันสักอย่างจึงทำให้ต้องรอ

ทรัมป์ได้ออกมาแถลงพร้อมครอบครัวว่า เขาชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยตีขลุมร่ายยาวถึงรัฐสมรภูมิต่างๆ ที่เขาชนะในหลายรัฐทั้งที่ยังนับคะแนนไม่เสร็จ เพราะมีใบลงคะแนนที่มาทางไปรษณีย์จำนวนมหาศาล ซึ่งมียอดรวมของใบลงคะแนนทางไปรษณีย์ และการลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งด้วยตนเอง รวมกันสูงถึง 100 ล้านใบ และในหลายรัฐสมรภูมิจะมีกฎของรัฐตนเอง ให้เริ่มแกะซองนับคะแนนได้หลังปิดหีบ หรือให้เริ่มนับได้ก็ต้องรอจนถึงเช้าวันที่ 3 พฤศจิกายน (ซึ่งต่างกับรัฐฟลอริดา ที่มีกฎให้เริ่มนับคะแนนที่ส่งมาทางไปรษณีย์ได้ ก่อนวันที่ 3 พฤศจิกายน ทำให้นับคะแนนได้เร็วมาก)

ทรัมป์ยังประกาศด้วยว่า รัฐต่างๆ ต้องหยุดนับคะแนนทางไปรษณีย์ได้แล้ว เพราะคะแนนทางไปรษณีย์จัดเป็นการโกงการเลือกตั้ง และเขาจะฟ้องศาลสูงให้สั่งให้หยุดแกะซองทางไปรษณีย์

ในห้องแถลงข่าวของทรัมป์ มีเสียงโห่ร้องกึกก้องชื่นชมต่อคำประกาศชัยชนะของทรัมป์

ขณะที่นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ทรัมป์ออกมาแถลงช้าถึงครึ่งชั่วโมง และมีคนเคยใกล้ชิดทรัมป์ คือ นายAnthony Scaramucci ได้บอกกับ BBC ว่า เขาได้พูดโทรศัพท์กับนายคริส คริสตี้ อดีตผู้ว่ารัฐนิวเจอร์ซี (และเกือบได้เป็น รมต.ในคณะของทรัมป์) และยังอยู่ในทีมฝึกซ้อมดีเบตของทรัมป์ (จนนายคริสติดเชื้อโควิดจากทรัมป์ด้วย) ซึ่งนายคริสบอกกับ นายAnthony Scaramucci ว่า ที่ทรัมป์ออกมาแถลงช้า เพราะมีการทัดทานไม่ให้ทรัมป์ออกมาประกาศชัยชนะ เนื่องจากการนับคะแนนทางไปรษณีย์ยังไม่เสร็จ ยังเหลือคะแนนที่ยังไม่ได้แกะซองอีกเป็นหลายล้าน...จนถึงมีการต้องเรียบเรียงคำแถลงกันทีเดียว ซึ่งทรัมป์บอกว่า ต้องเดินหน้ารีบชิงแถลงชัยชนะ และบอกถึงความไม่ชอบธรรมของคะแนนทางไปรษณีย์ด้วย

นายคริส คริสตี้ ไม่เห็นด้วยกับการออกมาชิงประกาศชัยชนะครั้งนี้

ในรัฐสมรภูมิบางรัฐ ก็ยังเดินหน้าแกะซองนับคะแนนต่อไป แต่บางรัฐก็เหลือนับล้าน เพราะได้ประกาศพักการนับคะแนน (จากความเหนื่อยล้า) เพื่อกลับมานับใหม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น

ที่รัฐมิชิแกน ที่มีคะแนน Electoral ถึง 16 คะแนน ได้มีการประกาศให้ไบเดนชนะ และทำให้คะแนนของไบเดนอยู่ที่ 264 และทรัมป์อยู่ที่ 214 (จากข้อมูลด่วนของบลูมเบิร์กเมื่อเวลา 6 โมงเย็นของวันที่ 4 พฤศจิกายนที่สหรัฐฯ)

ขณะนี้ ข่าวจากทรัมป์คือ เขาได้ยื่นเรื่องต่อศาลสูงแล้วเพื่อให้ระงับการนับคะแนนทางไปรษณีย์ทั้งหมด จะให้นับก็แต่ในวันลงคะแนน (ที่ 3 พฤศจิกายน) เท่านั้น

ซึ่งทางไบเดนก็ได้ออกมาย้ำว่า ทุกคะแนนจะต้องนับให้ได้ เพราะเป็นเสียงของคนอเมริกัน จะไปตัดออกไม่ได้...ซึ่งหลายรัฐยังนับไม่เสร็จ ก็ต้องรอคะแนนเหล่านี้ทุกๆ คะแนน

ขณะเดียวกัน ร้านค้าใหญ่ๆ ตามเมืองต่างๆ ได้มีการตระเตรียมป้องกันถ้าเกิดการจลาจล กรณีที่เกิดการถกเถียงไม่ยอมรับคะแนนเลือกตั้ง ถึงกับจะมีการจลาจลสู้กันบนท้องถนน และอาจจุดไฟเผารถหรือปล้นสะดมร้านค้าได้

ยิ่งสัญญาณที่ทรัมป์ได้เคยย้ำช่วงดีเบตให้พวกขาวขวาจัดติดอาวุธ (Proud Boys) ให้ยืนรอเตรียมพร้อมใช้กำลังเข้าจัดการ ก็เป็นการปลุกปั่นให้พวกบูชาผิวขาวให้ออกมาก่อจลาจลนั่นเอง...และนายทรัมป์ก็สามารถสั่งกองกำลังรักษาดินแดน (National Guard) ออกมาปราบปราม...จนบางคนมองว่า นี่ก็ใกล้ๆ กับการทำรัฐประหารของทรัมป์นั่นเอง

ถ้าทรัมป์ชนะ โลกจะโกลาหลน่าจะยิ่งกว่า 4 ปีที่เขาอยู่ในตำแหน่งในวาระแรก (ดังที่เราเห็นจากความร้อนระอุช่วงปั่นป่วนแทบทำสงครามระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ หรือกับอิหร่าน) ตลอดจนปรากฏการณ์แปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่จะยิ่งสุดขีดสุดขั้วมากขึ้น เพราะทรัมป์จะออกจากสัญญาโลกร้อนที่ปารีสต่อไปอีก 4 ปี ต่างกับไบเดนที่จะรีบกลับเข้าสู่สัญญาโลกร้อนนี้ในทันทีที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี

ถ้าทรัมป์ชนะ คนอเมริกันจะต้องตายจากโควิดอีกมหาศาล เพราะเขาไม่มีแผนรับมือใดๆ กับโควิด นอกจากรอวัคซีนเท่านั้น และยังสนับสนุนให้คนไม่ระวังตนด้วยการสวมหน้ากากหรือทิ้งระยะห่าง

และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็น่าจะช้ากว่าที่ควรจะเป็น จากการมีคนป่วยล้มตายจากโควิดมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ยิ่งความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนน่าจะเข้มข้นยิ่งขึ้น เพราะทรัมป์จะถือว่าได้ฉันทมติจากประชาชนให้บดขยี้จีนหนักยิ่งขึ้นในทุกๆ ด้าน และประเทศทั่วโลกก็จะได้รับผลพวงจากความตึงเครียดจากสองเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกทั่วหน้ากัน

Anthony Scaramucci อดีตผอ.ฝ่ายสื่อสารทำเนียบขาว

คริส คริสตี้ อดีตผู้ว่ารัฐนิวเจอร์ซีย์


กำลังโหลดความคิดเห็น