xs
xsm
sm
md
lg

ฝันครองทำเนียบขาว ‘ไบเดน’ ใกล้เป็นจริง แต่ ‘ทรัมป์’ โวยถูกโกง ม็อบ 2 ฝ่ายเริ่มรวมตัว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านทรัมป์ เดินขบวนเรียกร้องให้ต้องนับคะแนนเสียงทุกๆ คะแนน เมื่อคืนวันพุธ (4 พ.ย.) ที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์  ขณะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามให้ยุติการนับบัตรลงคะแนนจำนวนมากในหลายรัฐที่เป็นสมรภูมิสำคัญ
เอเจนซีส์ - ไบเดนเข้าใกล้ทำเนียบขาวเข้าไปทุกขณะ หลังคว้าชัยในมิชิแกนและวิสคอนซิน ทำให้มีคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งล่าสุด 264 คะแนน ขาดอีกแค่ 6 คะแนนเพื่อเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกจากนั้น ยังมีคะแนนป็อปปูลาร์โหวตจากทั่วประเทศนำอยู่กว่า 3 ล้านคะแนน ด้านทรัมป์โวยถูกโกงทั้งที่ไม่มีหลักฐาน และยื่นฟ้องศาลขอให้ยุติการนับคะแนนหรือนับคะแนนใหม่ในหลายรัฐ ขณะที่สถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น หลังกลุ่มผู้สนับสนุนและกลุ่มต่อต้านทรัมป์เริ่มชุมนุมในหลายเมือง

การนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไปตลอดคืนที่ 2 เมื่อวันพุธ (4 พ.ย.) ในพวกรัฐสมรภูมิที่มีผู้ใช้สิทธิ์ล่วงหน้าและผู้ที่ส่งบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์จำนวนมาก เนื่องจากต้องการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้การนับคะแนนยากขึ้นและต้องใช้เวลานานขึ้น

ผู้สมัครทั้งสองคนยังต้องลุ้นกันต่อ จนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะรวบรวมคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งได้ถึง 270 เสียง ซึ่งหมายถึงได้ครองตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไปของอเมริกา

ฝ่ายที่ได้เปรียบขณะนี้ คือ โจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต ซึ่งได้กล่าวปราศรัยถ่ายทอดทางทีวีจากเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ อันเป็นที่พำนักปัจจุบัน โดยแสดงความมั่นใจว่า หลังการนับคะแนนเสร็จสิ้น ตนจะได้เป็นผู้ชนะ พร้อมเปิดเว็บไซต์เริ่มเตรียมการถ่ายโอนอำนาจปูทางสู่การเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า

ทั้งนี้ หลังจากชนะในรัฐสมรภูมิสำคัญทางเหนือ 2 รัฐติดต่อกัน คือ มิชิแกนและวิสคอนซิน รวมทั้งยังได้แอริโซนา ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างเคยสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อปี 2016 ทำให้ไบเดนได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 264 คะแนน ทิ้งห่างทรัมป์ที่ได้แค่ 214 คะแนน

นอกจากนั้น เมื่อการนับคะแนนมาถึงวันพุธ ไบเดนยังมีคะแนนป็อปปูลาร์โหวต นั่นคือเสียงของผู้ลงคะแนนจากทั่วประเทศมากกว่าทรัมป์เป็นจำนวน 3.6 ล้านเสียง อย่างไรก็ดี ตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ สิ่งที่เป็นตัวตัดสินการเลือกตั้งประธานาธิบดีคือ เสียงของคณะผู้เลือกตั้งเท่านั้น โดยที่ในปี 2016 ทรัมป์ยังคงชนะฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ที่ได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวตทั่วประเทศมากกว่าตัวเขาราว 3 ล้านเสียง

เวลานี้ยังคงเหลือเพียง 4 รัฐ คือ เนวาดา (มีเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 6) จอร์เจีย (16) นอร์ทแคโรไลนา (15) และ เพนซิลเวเนีย (20) เท่านั้นซึ่งพวกสื่อใหญ่ของสหรัฐฯยังไม่ได้ประกาศคาดการณ์ว่าไบเดนหรือทรัมป์เป็นผู้ชนะ โดยที่บางรัฐยังมีบัตรเลือกตั้งซึ่งต้องนับอีกจำนวนมากโดยเฉพาะพวกที่ส่งทางไปรษณีย์

สำหรับไบเดนแล้ว หากสามารถคว้าชัยในรัฐเหล่านี้ได้แม้เพียงรัฐเดียว ก็จะทำให้ได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งถึง 270 เสียงในทันที ทั้งนี้คาดกันว่าไบเดนมีโอกาสสูงมากที่จะได้เนวาดา ซึ่งในการนับคะแนนช่วงท้ายๆ เขานำทรัมป์อยู่เล็กน้อย ไม่เช่นนั้นก็ต้องไปลุ้นกันที่เพนซิลเวเนีย ซึ่งตอนแรกๆ ทรัมป์นำ แต่แล้วคะแนนไบเดนกำลังตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเห็นกันว่าเสียงโหวตซึ่งนับกันทีหลังนั้น มาจากเขตที่นิยมเดโมแครต ตลอดจนเป็นบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ ที่ผู้ออกเสียงมีเปอร์เซนต์เป็นเดโมแครตมากกว่ารีพับลิกัน

รัฐนี้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของทีมนักกฎหมายของทีมหาเสียงของทรัมป์ ที่ก่อนหน้านี้ได้เคยยื่นคัดค้านคำตัดสินของศาลชั้นต้นซึ่งอนุญาตให้นับคะแนนบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ที่หน้าซองประทับวันที่อย่างช้าสุดวันเลือกตั้ง 3 พ.ย. ทว่าเจ้าหน้าที่เพิ่งได้รับหลังวันเลือกตั้ง ขณะที่ทอม วูล์ฟ ผู้ว่าการรัฐ ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต ยืนยันว่า ทุกคนต้องรอและสัญญาว่า จะนับคะแนนบัตรเลือกตั้งทุกใบ

นอกจากนั้น ขณะที่ทรัมป์เอาแต่โวยวายว่า ถูกโกง ไบเดนกลับเรียกร้องให้ประชาชนหยุดปฏิบัติต่อฝ่ายตรงข้ามราวกับเป็นศัตรู ท่ามกลางบรรยากาศการแบ่งขั้วอย่างรุนแรงตลอด 4 ปีที่ผ่านมาและวิกฤตโรคระบาดที่เมื่อวันพุธ อเมริกาทุบสถิติผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 1 แสนคน

ทว่า ทรัมป์ที่อวดอ้างชัยชนะฝ่ายเดียวและประกาศชัดเจนว่า จะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่สื่อรายงานออกมา ทวีตกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานว่า มีการโกงการเลือกตั้ง เช่น หาว่ามีบัตรเลือกตั้งปริศนาที่ไปโผล่ที่มิชิแกน

นอกจากนั้น ทีมหาเสียงของทรัมป์ยังประกาศฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้ระงับการนับคะแนนในมิชิแกน เพนซิลเวเนีย และจอร์เจีย รวมทั้งขอให้นับคะแนนใหม่ในวิสคอนซิน

โดยที่มิชิแกน ทีมหาเสียงของทรัมป์ฟ้องให้ระงับการนับคะแนนด้วยข้ออ้างว่า กลุ่มผู้สังเกตการณ์ของตนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปสังเกตการณ์ในระยะใกล้

การเลือกตั้งครั้งนี้เตือนความจำถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2000 ที่จอร์จ ดับเบิลยู. บุช จากพรรครีพับลิกัน ลงสมัครชิงทำเนียบขาวกับอัล กอร์ จากพรรคเดโมแครต ซึ่งผลการนับคะแนนในรัฐฟลอริดาเป็นตัวชี้ขาดและสุดท้ายไปจบลงที่ศาลสูงสุดที่สั่งระงับการนับคะแนนใหม่ ขณะที่บุชมีคะแนนนำ

อนึ่ง ยูเอส อิเล็กชันส์ โปรเจกต์ของมหาวิทยาลัยฟลอริดา ประเมินว่า ปีนี้มีผู้ใช้สิทธิ์ถึง 160 ล้านคน ซึ่งรวมถึงผู้ลงคะแนนล่วงหน้า 101.1 ล้านคน โดย 65.2 ล้านคนในจำนวนนี้เลือกลงคะแนนทางไปรษณีย์

ขณะเดียวกัน แม้ยังไม่มีรายงานเหตุการณ์รุนแรงที่บางคนกลัว แต่ความตึงเครียดเริ่มก่อตัวขึ้นในหลายเมือง เช่น ที่ดีทรอยต์ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครต และประชาชนส่วนใหญ่เป็นคนดำ กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ที่ส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาวราว 30 คน ตะโกนหน้าสำนักงานเลือกตั้งให้หยุดนับคะแนน และพยายามบุกเข้าไปแต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสกัดไว้

นอกจากนี้ มีกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ที่มีท่าทีก้าวร้าวประมาณ 200 คนรวมตัวกันหน้าสำนักงานเลือกตั้งในเมืองฟินิกซ์ รัฐแอริโซนา โดยมีเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายร่างกำยำตั้งแนวป้องกันด้านหน้าทางเข้า ขณะที่ผู้ประท้วงบางรายพกปืนอย่างเปิดเผย เนื่องจากรัฐนี้อนุญาตการพกพาอาวุธในสถานที่สาธารณะ

เวลาเดียวกัน กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านทรัมป์ในเมืองอื่นๆ เรียกร้องให้มีการนับคะแนนต่อไป รายงานระบุว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 11 คนและยึดอาวุธในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน หลังเกิดเหตุจลาจล นอกจากนั้นยังมีการจับกุมผู้ก่อเหตุในนิวยอร์ก เดนเวอร์ และมินนิอาโปลิส และมีข่าวว่า มีการวางแผนชุมนุมกว่า 100 จุดทั่วอเมริการะหว่างวันพุธถึงวันเสาร์ (7)

การเลือกตั้งของอเมริกาที่ปกติแล้วถือเป็นแบบอย่างสำหรับประเทศประชาธิปไตยหน้าใหม่ทั่วโลก มาปีนี้กลับสร้างความกังวลให้นานาชาติ

อันเนเกรต แครมป์-คาร์เรนบาวเออร์ รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี เตือนว่า สถานการณ์ในอเมริกาที่คุกรุ่นอย่างมากอาจนำไปสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ คณะเจ้าหน้าที่จากองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) ที่ติดตามตรวจสอบการเลือกตั้งในประเทศตะวันตกและประเทศอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียต เผยว่า ไม่พบหลักฐานการโกงการเลือกตั้งในอเมริกา และสำทับว่า ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลของทรัมป์บ่อนทำลายความไว้วางใจในระบอบประชาธิปไตย

พวกผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชุมนุมประท้วงกันที่ด้านนอกของสำนักงานทะเบียนเทศมณฑลมาริโคปา ในเมืองฟินิกส์ รัฐแอริโซนา โดยมีบางคนถืออาวุธปืน ขณะที่มีผู้ประท้วงต่อต้านพวกเขา 2 คนยืนอยู่ข้างหลังกลุ่มนี้

พวกผู้สนับสนุนทรัมป์ไปประท้วงการที่รัฐเนวาดายังคงนับคะแนนซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาโดยไม่ได้แสดงหลักฐานรองรับใดๆ ว่า เป็นคะแนนทุจริต  บริเวณด้านหน้าสำนักงานการเลือกตั้งของเทศมณฑลคลาร์ก ในเมืองลาสเวกัส  เมื่อวันพุธ (4 พ.ย.)
กำลังโหลดความคิดเห็น