เอเจนซีส์ – ทั้งทรัมป์และไบเดน ต่างเร่งหาเสียงครั้งสุดท้ายเพื่อแย่งชิงคะแนนโหวตในรัฐที่ถือเป็นสมรภูมิสำคัญ ขณะที่ทีมงานของทั้งสองฝ่ายต่างเตรียมนักกฎหมายพรักพร้อมรับมือข้อพิพาทหลังการเลือกตั้ง ที่อาจทำให้ผลการนับคะแนนชี้ขาดผู้ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ลากยาวไปอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์
อเมริกาในวันนี้ เต็มไปด้วยความแตกแยกและความกราดเกรี้ยวมากกว่าช่วงเวลาใดๆ นับจากสงครามเวียดนามในทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา นอกจากนั้นยังมีความกลัวกันว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจคัดค้านไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากปรากฏว่าเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นไปอีก
ทรัมป์ที่เป็นฝ่ายไล่ตามในโพลสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศแทบทุกสำนัก ยังคงโจมตีการเลือกตั้งทางไปรษณีย์โดยไม่มีหลักฐานระหว่างการหาเสียงในวันจันทร์ (2 พ.ย.) และพูดเป็นนัยว่า ได้จัดเตรียมทีมกฎหมายมาดำเนินการ หากมีรัฐซึ่งยังคงนับคะแนนต่อไปภายหลังวันอังคาร (3) ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ศาลสูงสุดรัฐเพนซิลเวเนียได้ตัดสินสั่งให้ยังต้องนับคะแนนบัตรเลือกตั้งส่งทางไปรษณีย์ ซึ่งประทับตราวันที่หน้าซองภายในวันเลือกตั้ง 3 พ.ย. แต่มาถึงเจ้าหน้าที่รับผิดชอบหลังวันเลือกตั้ง 3 วัน และเมื่อฝ่ายสนับสนุนทรัมป์ยื่นคัดค้านไปยังศาลสูงสุดสหรัฐฯ ปรากฏว่าศาลสูงสุดสหรัฐฯไม่ได้สั่งระงับคำสั่งของทางเพนซิลเวเนีย ทว่ามีบุคคลวงการยุติธรรมฝ่ายอนุรักษนิยมแสดงท่าทีว่า พวกเขาจะกลับมารื้อฟื้นเรื่องนี้อีกภายหลังการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว
ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์ (2) ว่า การกระทำของรัฐเพนซิลเวเนีย จะนำไปสู่การโกงการเลือกตั้งครั้งใหญ่โดยไม่ได้อธิบายว่า จะมีการโกงกันได้อย่างไร ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากระบุว่า เหตุการณ์โกงเลือกตั้งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นน้อยมากในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของสหรัฐฯ
ประมุขทำเนียบขาวคนปัจจุบันยังโพสต์บนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ว่า การตัดสินใจของศาลสูงสุดสหรัฐฯในการไม่คัดค้านเรื่องขยายเวลาการนับคะแนนจะกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงบนท้องถนน
แนวโน้มที่จะเกิดความไม่แน่นอนในการเลือกตั้ง กำลังทำให้ร้านค้ามากมายในเมืองต่างๆ ซึ่งรวมถึงกรุงวอชิงตัน นครนิวยอร์ก และกระทั่งนครลองแองเจลิส พากันนำไม้อัดขนาดใหญ่มาตอกปิดกระจกหน้าร้านเพื่อป้องกันเหตุการณ์รุนแรง
ด้านเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ต่างติดธงเตือนโพสต์โจมตีการโหวตทางไปรษณีย์ขององทรัมป์ โดยระบุว่า เนื้อหาดังกล่าวอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิด และยังระบุว่า การลงคะแนนทั้งด้วยตนเองและทางไปรษณีย์ในอดีตที่ผ่านมาล้วนน่าเชื่อถือ นอกจากนั้นสื่อสังคมชั้นนำทั้งสองรายนี้ยังสำทับว่า จะติดเครื่องหมายเตือนข้อความที่เป็นการกล่าวอ้างชัยชนะล่วงหน้าด้วย ยกเว้นแต่เป็นการคาดการณ์ของสื่อระดับชาติซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่น่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ ในอเมริกา ถือเป็นเรื่องไม่ปกติที่รัฐต่างๆ จะต้องใช้เวลานับคะแนนการเลือกตั้งยืดเยื้อหลายวันหรือกระทั่งหลายสัปดาห์ แม้จะเป็นสิ่งที่เคยมีตัวอย่างเกิดขึ้นในอดีตก็ตามที แต่สำหรับปีนี้เนื่องจากมีผู้เลือกตั้งเกือบ 100 ล้านคนพากันไปลงคะแนนล่วงหน้าทั้งทางไปรษณีย์และคูหาเลือกตั้งที่เปิดล่วงหน้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีแนวโน้มจะทำให้การนับคะแนนล่าช้ากว่าปกติ
เจนนิเฟอร์ โอมัลลีย์ ดิลลอน ผู้จัดการทีมแคมเปญหาเสียงของโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต บอกว่า ไม่ว่าในสถานการณ์ใด ทรัมป์หมดสิทธิ์ประกาศชัยชนะในคืนเลือกตั้งเด็ดขาด
ด้านไบเดนกล่าวในวันจันทร์โดยคาดว่า ตนเองจะได้ชัยชนะอย่างรวดเร็ว แต่สำทับว่า อยากเห็นการเลือกตั้งที่ตรงไปตรงมาและราบรื่นที่ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์กันอย่างคับคั่ง
เท่าที่ผ่านมา การเลือกตั้งครั้งนี้ได้กระตุ้นให้เกิดการฟ้องร้องมากมายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนว่า ควรปรับกฎการลงคะแนนให้สอดคล้องกับวิกฤตโรคระบาดหรือไม่ และเวลานี้ผู้สมัครทั้งสองพรรคต่างระดมทีมนักกฎหมายเตรียมพร้อมเอาไว้สำหรับการต่อสู้ในศาลหลังการเลือกตั้งอีกด้วย
เมื่อวันจันทร์ ศาลชั้นต้นสหรัฐฯที่ตั้งอยู่ในรัฐเทกซัส ตัดสินปฏิเสธคำร้องของพรรครีพับลิกันที่จะให้ทิ้งบัตรลงคะแนนราว 127,000 ใบจากคูหาเลือกตั้งล่วงหน้าแบบไดรฟ์-ทรูในพื้นที่ที่มีแนวโน้มให้การสนับสนุนพรรคเดโมแครต อย่างไรก็ดี จากความไม่แน่นอนทางกฎหมาย ทำให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบตัดสินใจปิดคูหาเลือกตั้งแบบไดรฟ์-ทรูส่วนใหญ่ในวันอังคารที่เป็นวันเลือกตั้ง
ทรัมป์ วัย 74 ปี พยายามไม่ให้ตัวเองกลายเป็นประธานาธิบดีในตำแหน่งคนแรกที่ประสบความปราชัยในการเลือกตั้ง นับจากความพ่ายแพ้ในปี 1992 ของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช ซึ่งมาจากพรรครีพับลิกันเช่นเดียวกัน
สำหรับไบเดน วัย 77 ปีนั้น แม้มีคะแนนนำในโพลทั่วประเทศ แต่ในรัฐที่เป็นสมรภูมิสำคัญนั้น คะแนนของทั้งคู่ยังใกล้กันมาก และยังคงมีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์อาจสามารถชนะได้เสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง (อีเล็กโทรัล คอลเลจ) เกินกึ่งหนึ่ง นั่นคือ 270 เสียงขึ้นไป และคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัยอย่างเดียวกับในสมัยแรก ซึ่งเขาเคยพ่ายแพ้เรื่องเสียงโหวตที่ได้จากผู้ลงคะแนนโดยตรง (ป็อปปูลาร์ โหวต) แก่ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านเสียง
ทรัมป์ประกาศบนเวทีหาเสียงในเมืองแกรนด์ ราปิดส์ รัฐมิชิแกน ซึ่งก็เคยเป็นเวทีหาเสียงสุดท้ายเมื่อปี 2016 ของเขาเช่นกันว่า วันอังคารจะเป็นอีกหนึ่งวันแห่งชัยชนะยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง
ขณะเดียวกัน ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตจำนวนมากยอมรับว่า ยังกังวลกับผลการเลือกตั้ง หลังจากศึกชิงทำเนียบขาวปี 2016 ทรัมป์เป็นฝ่ายพลิกล็อกชนะทั้งที่โพลแทบทุกสำนัก ยก ฮิลลารี คลินตัน จะเป็นผู้คว้าชัย
ทางด้านอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งเลือกไบเดนเป็นรองประธานาธิบดีทั้ง 2 สมัย และเข้าร่วมการหาเสียงกับไบเดนอย่างเข้มแข็ง วิพากษ์วิจารณ์ว่า การที่ทรัมป์ผลักดันให้หยุดนับคะแนนหลังคืนเลือกตั้งเป็นการกระทำที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
อนึ่ง หลังจากแวะหาเสียงในนอร์ทแคโรไลนาและเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ยังมุ่งหน้าต่อไปยังวิสคอนซินและมิชิแกน ซึ่งเป็น 4 รัฐที่เขาได้ชัยชนะหวุดหวิดเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และโพลขณะนี้ชี้ว่า ไบเดนกำลังเป็นต่อ
ทรัมป์ปราศรัยกับฝูงชนจำนวนมากที่หลายคนไม่สวมหน้ากากและไม่เว้นระยะห่างทางสังคม แม้ยอดผู้ติดเชื้อในอเมริกาพุ่งไม่หยุดก็ตาม ตรงข้ามกับไบเดนที่พุ่งเป้าโจมตีความล้มเหลวของทรัมป์ในการจัดการวิกฤตไวรัสโคโรนา และจำกัดจำนวนผู้เข้าฟังปราศรัยเพื่อหลีกเลี่ยงโรคระบาด
อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ย้ำว่า อเมริกาต้องฟื้น “จิตวิญญาณ” และได้ผู้นำใหม่ท่ามกลางวิกฤตไวรัสที่คร่าชีวิตประชาชนกว่า 231,000 คนทั่วประเทศ
โพลของรอยเตอร์/อิปซอสในฟลอริดา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรัฐสมรภูมิสำคัญ ชี้ว่า ไบเดนมีคะแนนนำ 50% ต่อ 46%