ถึงแม้ยังไม่อาจรู้ได้ว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกัน จะออกหัว ออกก้อย กันในแบบไหน ลักษณะไหน แต่ยังไงๆ...วันนี้คงหนีไม่พ้นต้อง “ตามไปดู” บรรยากาศความเป็นไปของสังคมอเมริกัน ระหว่างที่ใครต่อใครในหมู่อเมริกันชนกำลังออกมา “เขย่าประชาธิปไตยในอุ้งมือของท่าน” กันอย่างเป็นระบบและกิจการ เพราะโดยแนวโน้ม โดยสีสันบรรยากาศ มันคงไม่น่าจะออกัสซั่มกันแบบพลั่กๆๆ ได้เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหน เผลอๆ...อาจหนักไปทางเลือดตกยางออก ซะล่ะมากกว่า หรือโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ระดับ “บิ๊กๆ เบิ้มๆ” ยิ่งกว่า “บิ๊กเซอร์ไพรซ์” ของพวกเด็กๆในบ้านเรา ที่หนักไปทาง “แห้วกระป๋อง” ซะเป็นส่วนใหญ่ ดูจะมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นไปทุกที!!!
เอาง่ายๆ...แค่ช่วงวันสุกๆ-ดิบๆ หรือช่วงระหว่างวันศุกร์ (30 ต.ค.) ที่ผ่านมา ขณะที่ขบวนรถหาเสียงของ “โจซึมเซา” และ “นางกมลา แฮร์ริส” แห่งพรรคเดโมแครต ที่ขับตามกันมาเป็นคาราวาน เพื่อหวังไปปักหลักรณรงค์หาเสียงแถวๆ ด้านเหนือของรัฐเท็กซัส จู่ๆ...ก็โดนขบวนรถบรรทุกสิบล้อ รถกระบะนับร้อยๆ คันของบรรดาผู้สนับสนุน “ทรัมป์บ้า” ขับตามแบบไล่เบียด ไล่บี้ ต่อเนื่องยาวนานกว่า 40 นาที ชนิดแทบต้องชิดซ้าย ตกคู ตกคลอง หรือถึงขั้นต้องยกเลิกกำหนดการรณรงค์หาเสียงในพื้นที่ดังกล่าวเอาดื้อๆ หรือก่อให้เกิดฉากเหตุการณ์แบบที่ผู้แทนพรรคเดโมแครต “นายRafael Anchia” ต้องใช้คำว่า “การก่อกวนคุกคามที่สุดแสนอันตราย” (Dangerous Harassment) แต่ทันทีที่ได้เห็นภาพถ่าย หรือคลิปวิดีโอการคุกคามดังกล่าว ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในระดับผู้นำประเทศ อย่าง “ทรัมป์บ้า” กลับออกมา “ทวีต” ข้อความแบบฉับพลัน-ทันทีว่า “I LOVE TEXAS” หรือหนักไปทางทั้งยุ ทั้งเชียร์ให้อะไรต่อมิอะไรที่ทำท่าว่าจะแรงๆ ยิ่งแดง-ไม่แดง...แต่ขอให้แรงเข้าว่าหนักขึ้นไปใหญ่...
คือแทนที่ “การเลือกตั้งอเมริกา” ตามแบบฉบับประชาธิปไตยของแท้แต่ดั้งเดิม หรือตามแบบสาธารณรัฐ...ที่บรรดาพวกเด็กๆ ในบ้านเราใฝ่หา ถวิลหา ซะเหลือเกิน จะนำมาซึ่งความปลาบปลื้ม ยินดี ชุ่มชื่น รื่นอุรา ให้กับบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ที่จะมีโอกาสได้ “เขย่าประชาธิปไตย” ประมาณ 4 วินาทีในคูหาเลือกตั้งแบบ 4 ปี/ครั้ง แต่ดูเหมือนว่าการเลือกตั้งผู้นำอเมริกาคราวนี้ กลับนำมาซึ่งความน่าเกลียด น่ากลัว น่าสยดสยอง น่าขนลุกขนพองให้กับบรรดาอเมริกันชนจำนวนไม่น้อย หรืออย่างที่ผลสำรวจความคิด ความเห็นของ “YouGov” โพลช่วงล่าสุด สรุปเอาไว้นั่นแหละว่า...บรรดาชาวอเมริกันถึง 56 เปอร์เซ็นต์รู้สึกถึง “ความรุนแรง” ที่กำลังจะตามมา จากชัยชนะและความพ่ายแพ้ของการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2020 หรือในวันนี้ วันพรุ่งนี้ ไม่ว่าใครจะผงาดขึ้นเป็นผู้นำประเทศอเมริกาก็ตาม...
ด้วยเหตุเพราะการแบ่งขั้ว แบ่งข้างหรือแบ่งฝ่าย...ระหว่างผู้สนับสนุนผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้งสองฝ่าย ออกจะเป็นอะไรที่ไม่ใช่แค่ “ความแตกต่าง” ทางความคิด ความเห็น ทางมุมมองทัศนคติใดๆ อีกต่อไป แต่หนักไปทาง “ความแตกแยก” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน หรืออย่างที่นักคิด นักวิชาการ อย่าง “Danial L. Byman” และ “Colin P. Clarke” แห่งสถาบัน “Brooking Institution” สรุปเอาไว้นั่นแหละว่า... “มันเป็นการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งด้วยพื้นฐานความรู้สึกจงเกลียด จงชัง ไม่ใช่การลงคะแนนอันเนื่องมาจากความจงรักภักดีต่อพรรคใด พรรคหนึ่ง ผู้สมัครรายใด รายหนึ่งต่อไปอีกแล้ว...” หรือพูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าใครก็ตาม ที่หันไปเทคะแนนสนับสนุนให้กับผู้ที่ตัวเองไม่เห็นด้วย จะถูกมองเป็นพวกโง่ พวกเลวร้าย เป็นศัตรู หรือเป็นผู้ทรยศเอาเลยถึงขั้นนั้น อีกทั้งไม่ว่าฝ่ายใดแพ้ ฝ่ายใดชนะ โอกาสที่จะเกิดการยอมรับสภาพ ยอมรับกฎและกติกา ยิ่งอาจ “เป็ง-ปาย-ม่าย-ล่าย” เอาเลยก็ไม่แน่!!!
โดยเฉพาะเมื่อแนวโน้มของการชี้ขาดผลแพ้-ผลชนะ มันอาจต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร ยิ่งเมื่อเกิดการหันมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทางไปรษณีย์กันเยอะๆ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อ “COVID-19” โอกาสที่ต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ๆ เป็นเดือนๆ เหมือนอย่างครั้งเลือกตั้งประธานาธิบดีปี ค.ศ. 2000 ระหว่าง “จอร์จ ดับเบิลยู. บุช” ผู้สมัครพรรครีพับลิกัน กับ “อัล กอร์” แห่งพรรคเดโมแครต ที่สุดท้ายต้องหันไปพึ่งศาลสูง สั่งให้นับคะแนนเลือกตั้งในรัฐฟลอริดากันใหม่ แต่ครั้งนั้น...อาจด้วยเหตุเพราะ “อัล กอร์” ค่อนข้างเป็นลูกผู้ชายแบบทั้งแท่ง ทั้งด้าม เมื่อนับแล้วแพ้ ก็ยอมรับความพ่ายแพ้เอาง่ายๆ แต่สำหรับผู้ที่มีคะแนนไล่ตามแบบทิ้งห่างและทิ้งขาด คู่แข่ง คู่ชิง ของตัวเอง อย่าง “ทรัมป์บ้า” ที่มีคะแนนตามหลัง “โจซึมเซา” อยู่ 8 จุด 10 จุดนี่สิ!!! โอกาสที่จะยอมรับสภาพ ยอมรับความพ่ายแพ้แบบง่ายๆ แทบมองไม่เห็นทาง หรือมองไม่เห็นความเป็นไปได้เอาเลยก็ว่าได้...
เหมือนอย่างที่เคยไปพูดจาปราศรัยระหว่างการหาเสียงที่รัฐเนวาดา เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรายนี้ได้ออกมา “ตั้งข้อกล่าวหา” ฝ่ายตรงข้ามซะตั้งแต่เนิ่นๆ ว่ากำลังคิด “โกงเลือกตั้ง” ด้วยเหตุผลข้ออ้างว่า “เพราะเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะได้มาซึ่งชัยชนะ” และตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็ยิ่งเติมเชื้อ เติมฟืน เติมไฟ ให้กับข้อกล่าวหา หรือข้อสมมติฐานของตัวเอง จนส่งผลให้บรรดาผู้สนับสนุน “ทรัมป์บ้า” ทั้งหลาย กลายเป็นพวกที่ “แพ้ไม่ได้” หรือเป็นประเภท “บอลแพ้-แต่คนไม่แพ้” ไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ และอันนี้นี่เอง...ที่จะทำให้โอกาสเกิดฉากสถานการณ์แห่ง “ความรุนแรง” ระเบิดขึ้นมาในสังคมอเมริกัน หลังการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรือทำให้หน่วยงานความมั่นคงอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น FBI หรือ DHS (The Department of Homeland Security) ต้องสั่งเพิ่มกำลังขึ้นเป็น 2 เท่า เพื่อป้องกันเหตุร้าย ที่อาจอุบัติขึ้นมาหลังการเลือกตั้ง แบบไหน อย่างไร ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้ แถมยังเป็นเหตุร้ายที่ควบคุมและป้องกันได้ค่อนข้างยากเอามากๆ เช่นที่เคยมีตัวอย่าง แบบอย่าง อย่างการคิดจะ “ลักพาตัว” ผู้ว่าฯ รัฐมิชิแกน “นางGretchen Whitmer” หรือผู้ว่าฯ รัฐเวอร์จิเนีย “นายRalph Northam” ฯลฯ เป็นต้น...
พูดง่ายๆ ว่า...กระทั่งองค์กรเอกชนของอเมริกันเอง อย่าง “The International Crisis Group” หรือ “ICG” ที่ไม่เคยคิดจะหยิบเอาประเทศอเมริกา ไปไว้ในข่ายประเทศที่ต้องเผชิญกับ “วิกฤตความรุนแรง” ใดๆ มาก่อนเลย แต่เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา หรือก่อนหน้าการเลือกตั้งแค่ไม่กี่เดือน “ICG” ก็อดไม่ได้ที่ต้องออกมาเตือนถึง “วิกฤตความรุนแรง” ที่อาจกำลังอุบัติขึ้นมาในประเทศอเมริกา ประเทศที่ไม่ว่าฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหน ไม่ว่ารีพับลิกันหรือเดโมแครตก็ตาม ต่างหันไปสั่งซื้อ “อาวุธปืน” ติดไม้ ติดมือ คนละกระบอก สองกระบอก จนตัวเลขการขายอาวุธปืนในอเมริกาปีนี้ สูงกว่าปีที่แล้วถึง 75 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น หรือถึงขั้นที่ผู้บริหารร้านปืน อย่าง “Nate Gerheim” ต้องออกมาระบุว่า ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายอาวุธปืนหาสินค้าบริการแทบไม่ทัน แม้ว่าปีนี้จะขายอาวุธปืนให้ชาวอเมริกันไปแล้วไม่ต่ำกว่า 18 ล้านกระบอก!!!
หรือกระทั่งองค์กรอย่าง “The Armed Conflict Location & Event Data Project” ที่เป็นผู้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของขบวนการนิยมความรุนแรงในอเมริกา ไม่ต่ำกว่า 80 กลุ่มด้วยกัน ยังต้องออกมาเตือนถึง “พื้นที่เสี่ยง” ต่อการใช้อาวุธ ใช้ความรุนแรง หลังการเลือกตั้งคราวนี้ ไม่ว่าจะในรัฐมิชิแกน เพนซิลเวเนีย วิสคอนซิน โอเรกอน ฯลฯ ว่าอาจอุบัติขึ้นมาในแบบไหน อย่างไร ได้ทุกเมื่อ ดังนั้น...ไม่ว่าผู้ชนะเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็น “โจซึมเซา” หรือ “ทรัมป์บ้า” ก็ตามที โอกาสที่ประเทศประชาธิปไตยของแท้และดั้งเดิม อย่างสหรัฐอเมริกา หรือสาธารณรัฐอเมริกา จะ “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” หรือ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...