เอพี/เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐฯ ไม่ต่ำกว่า 58 ล้านคนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ทำลายสถิติของเดิมในปี 2016 พบอเมริกันฝ่าโควิด-19 และลมหนาวยืนต่อแถวยาวโหวตเลือกตั้งล่วงหน้าที่คูหาอย่างคึกคัก
เอพีรายงานเมื่อวันนี้ (25 ต.ค.) เหมือนเช่นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา และสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ มิเชล โอบามา ได้ออกมาเรียกร้องให้อเมริกันชนต้องวางแผนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยชี้ว่าเป็นการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2020 เป็นการเลือกตั้งที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต
จำนวนผู้มีสิทธิใช้การเลือกตั้งล่วงหน้าส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นในรูปการใช้สิทธิออกเสียงทางไปรษณีย์และการต่อแถวเข้าคิวที่คูหาตามจุดต่างๆ ทั่วประเทศ
การเปิดคูหาเลือกตั้งล่วงหน้าตามจุดต่างๆ ในรัฐฟลอริดา รัฐเทกซัส รัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐอื่นๆ ได้ส่งผลทำให้มีผู้ใช้สิทธิออกมาเลือกตั้งเพื่อหย่อนบัตรในกล่องรับบัตรเลือกตั้งที่คูหาเลือกตั้งทำให้เกิดภาพผู้คนต่อแถวยาวเนื่องมาจากประชาชนต้องการหลีกเลี่ยงฝูงชนจำนวนมากในวันเลือกตั้งจริงวันอังคารที่ 3 พ.ย เนื่องมาจากการระบาดโรคโควิด-19
ส่งผลทำให้ภายในเช้าวันอาทิตย์ (25) มีจำนวนการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในปีนี้ไปแล้ว 58.6 ล้าน หรืออาจกล่าวได้ว่ามีผู้ออกไปใช้สิทธิการเลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้วไม่ต่ำกว่า 58 ล้านคน สูงกว่าตัวเลขของการเลือกตั้งล่าสุดปี 2016
เอพีชี้ว่า พรรคเดโมแครตได้ประโยชน์จากการเลือกตั้งล่วงหน้า และดูเหมือนว่าเดโมแครตยังเป็นผู้นำในการเลือกตั้งล่วงหน้า แต่ทางพรรครีพับลิกันพยายามทำให้การทิ้งห่างลดลง พบว่าผู้มีสิทธิพรรค GOP (พรรครีพับลิกัน) ได้เริ่มปรากฏตัวในการเลือกตั้งล่วงหน้าบ้างแล้ว
และมีรายงานว่าในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ กล่องรับบัตรเลือกตั้งข้างถนนถูกชายไม่ทราบชื่อจุดไฟเผา การเผากล่องรับบัตรเลือกตั้งล่วงหน้ายังเกิดขึ้นในรัฐอื่นเช่นกัน
ทั้งนี้ ที่ซานฟรานซิสโกพบว่ามีบริการให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าสามารถติดตามว่าบัตรเลือกตั้งของพวกเขาเดินทางไปถึงไหนแล้ว อ้างอิงจากฟ็อกซ์ KTVU สื่อซานฟรานซิสโก
เดอะการ์เดียนรายงานว่า กระแสที่การเลือกตั้งล่วงหน้าได้รับความนิยมครั้งประวัติศาสตร์โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต นักวิเคราะห์ออกมาชี้เหตุผลว่า เป็นเพราะมีข้อเดียวที่ทำให้คนเหล่านี้ต้องรีบออกมาใช้สิทธิคือ "ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์" และการจัดการวิกฤตโควิด-19 ที่ล้มเหลว ซึ่งมาถึงปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ไปแล้ว 8.5 ล้านคน และเสียชีวิต 224,000 คน ท่ามกลางการออกมาแสดงความคิดเห็นจาก ดร.แอนโธนี เฟาซี ว่าถึงเวลาแล้วที่อเมริกาต้องมีการประกาศบังคับสวมหน้ากากในที่สาธารณะ
“วิกฤตโรคระบาดเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะกับในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งสูงวัย” ดร. แลร์รี ซาบาโต (Dr. Larry Sabato) ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการศูนย์ด้านการเมืองประจำมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียกล่าว และเสริมต่อว่า “ผมกำลังเข้าใกล้ 70 ปี และนั่นต้องเป็นส่วนหนึ่งของการคำนวณของคุณ พวกเราอยู่ในกลุ่มที่ตกเป็นอันตรายได้ง่าย”
และชี้ว่า “ผู้คนต่างเชื่อในความเข้าใจว่าหากว่านี่ไม่ใช่การเลือกตั้งที่สำคัญที่สุดเท่าที่พวกเราเคยมีมา มันเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่าง ผู้คนต่างมุ่งมั่นที่จะส่งเสียงออกมาและพวกเราต่างรู้ว่าทำไม (นั่นคือ) “โดนัลด์ ทรัมป์” ”
ทั้งนี้ มีไม่ต่ำกว่า 1 ใน 3 ของการใช้สิทธิทั้งหมดจาก 3 รัฐสำคัญที่มีประชากรอาศัยอย่างหนาแน่นได้แก่ รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐเทกซัส และรัฐฟลอริดา อ้างอิงตัวเลขการวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยรัฐฟลอริดา
ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในวันอาทิตย์ (25) ที่รัฐฟลอริดา โดยเขาเปิดเผยว่าเลือกตั้งเองในบัตรลงคะแนน
อ้างอิงจากมหาวิทยาลัยรัฐฟลอริดา พบว่าทั่วสหรัฐฯ ผู้มีสิทธิออกมาเลือกตั้งล่วงหน้ามากกว่า 42% ของจำนวนทั้งหมดในการเลือกตั้งปี 2016 และมีหลายจุดที่มีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าปี 2020 สูงกว่าปี 2016 เช่น ที่เฮยส์ เคาน์ตี (Hays county) รัฐเทกซัส มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าจำนวน 73,277 คน สูงกว่าจำนวนไม่กี่ร้อยคนของจำนวนในปี 2016
โดยในวันที่ 15 ต.ค พบว่าผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียนเป็นพรรคเดโมแครตได้หย่อนบัตรเลือกตั้ง 51% ของจำนวนทั้งหมดที่ถูกรายงาน เปรียบเทียบกับ 25% ของพรรครีพับลิกัน และในวันอาทิตย์ (25) พบว่าพรรคเดโมแครตขึ้นนำเล็กน้อยอยู่ที่ 51% ต่อ 31% (พรรครีพับลิกัน)
ซาบาโตยังชี้ว่า พรรครีพับลิกันต่างจากพรรคเดโมแครตที่ผู้สนับสนุนของพรรคจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันจริง และชี้ว่า “แน่นอนว่าทรัมป์จะชนะในบรรดารัฐสวิงสเตท” และเสริมต่อว่า “กลุ่มคนที่สนับสนุนทรัมป์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนหรือไม่ได้ใช้สิทธิในครั้งที่แล้ว พวกเขาใช้เวลา 4 ปีเพื่อระบุตัวคนเหล่านี้ นั่นเป็นยุทธวิธีการเลือกตั้งที่ผู้คนไม่ได้พูดถึง”
NBC News รายงานว่า เจรามี เคิร์กแลนด์ (Jeremy Kirkland) ถึงกับต้องซื้อตั๋วเครื่องบินจากเมืองชิคาโก ซึ่งกำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยที่วิทยาลัยโคลัมเบีย(Columbia College)ในระดับชั้นปี 2 เพื่อกลับบ้านไปยังรัฐเวอร์จิเนียสำหรับการหย่อนบัตรเลือกตั้งด้วยตัวเองเนื่องมาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปีนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก
“ผมต้องการทำให้มั่นใจว่าเสียงของผมจะต้องถูกนับในการเลือกตั้งปีนี้” เคิร์กแลนด์กล่าว
และกล่าวต่อว่า “หากเป็นการเลือกตั้งปีอื่น ผมคงเลือกที่จะเลือกทางไปรษณีย์มากกว่า” ทั้งนี้ เคิร์กแลนด์สามารถเลือกตั้งได้เป็นครั้งแรกในปีนี้ โดยเขากล่าวยอมรับว่า หลังจากได้ยินคำกล่าวอ้างอย่างผิดๆ จากประธานาธิบดีสหรัฐฯ เลือกการเลือกตั้งไปรษณีย์ที่จะนำมาสู่การโกงนั้นทำให้เขารู้สึกวิตกเป็นอย่างมาก และเป็นเหตุผลทำให้เขาจำเป็นต้องบินกลับไปเลือกตั้งด้วยตนเองที่บ้าน
ขณะที่ แจน โจเซฟ (Jan Joseph) วัย 65 ปี เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยตัวเองที่คูหาหลังจากได้ขอบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์แต่ไม่ได้รับ