รอยเตอร์ - ชาวอเมริกันแห่แหนลงคะแนนล่วงหน้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 90 ล้านคน ขณะที่ทรัมป์และไบเดนตระเวนเดินสายทั่วประเทศเพื่อโน้มน้าวผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร
จำนวนผู้ไปใช้สิทธิล่วงหน้า 90 ล้านคน จนถึงวันเสาร์ (31 ต.ค.) หรือราว 65% ของผู้ออกไปใช้สิทธิทั้งหมดในการเลือกตั้งปี 2016 สะท้อนความสนใจที่ประชาชนมีต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันอังคาร (3 พ.ย.)
ความกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อโควิด-19 จากคูหาลงคะแนนที่คับคั่งในวันเลือกตั้งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนมากเลือกตั้งทางไปรษณีย์ หรือไปใช้สิทธิในคูหาเลือกตั้งที่จัดให้ลงคะแนนล่วงหน้าแทน
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน อ้างโดยปราศจากหลักฐานว่า การลงคะแนนทางไปรษณีย์เปิดโอกาสให้มีการโกงการเลือกตั้ง และเมื่อเร็วๆ นี้ ยังระบุว่า ควรนับบัตรลงคะแนนที่มาถึงทันคืนเลือกตั้งเท่านั้น
ด้านอดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ประกาศระหว่างหาเสียงที่มิชิแกนที่มีอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ร่วมอยู่ด้วยว่า ไม่ว่าทรัมป์จะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่อาจหยุดยั้งคนอเมริกันที่ใช้สิทธิกันอย่างเนืองแน่นเพื่อทวงคืนประชาธิปไตย
ทรัมป์ใช้เวลาช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงวิจารณ์เจ้าหน้าที่รัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่พยายามต่อสู้กับวิกฤตไวรัสที่มีผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นทั่วอเมริกาขณะนี้
วันเสาร์ ทรัมป์แวะหาเสียง 4 จุดในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามเลือกตั้งสำคัญ และเป็นหนึ่งในหลายรัฐที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า อาจต้องใช้เวลานับคะแนนบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ทั้งหมดนานหลายวัน ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในช่วงเวลาดังกล่าวหากผลการเลือกตั้งอิงกับคะแนนจากรัฐเหล่านั้น
วันจันทร์ (2 พ.ย.) ศาลของรัฐบาลกลางในรัฐเทกซัสจะนัดไต่สวนฉุกเฉิน ว่า การที่เจ้าหน้าที่ฮิวสตันอนุญาตให้ผู้มีสิทธิออกเสียงขับรถเข้าไปลงคะแนน (ไดรฟ์-ทรู) ผิดกฎหมายและควรให้บัตรลงคะแนนกว่า 100,000 ใบ ในเทศมณฑลแฮร์ริสซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครตเป็นโมฆะหรือไม่
ผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า ทรัมป์เป็นรองไบเดน ยกเว้นในรัฐสำคัญที่ชี้ขาดการเลือกตั้งที่ทั้งคู่มีคะแนนสูสี โดยผู้มีสิทธิออกเสียงระบุว่า ไวรัสโคโรนาเป็นเรื่องที่กังวลมากที่สุด
ที่รัฐไอโอวา ผลสำรวจใหม่ของเดอ มอยส์/มีเดียคอม ไอโอวาที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันเสาร์ระบุว่า ทรัมป์นำไบเดน 48% ต่อ 41% โดยสำรวจจากผู้มีสิทธิ์ออกเสียง 814 คนในรัฐนี้ บ่งชี้ว่า ไบเดนเสียการสนับสนุนในหมู่ผู้มีสิทธิออกเสียงอิสระในไอโอวา
ระหว่างหาเสียงที่เมืองนิวทาวน์ รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์เยาะเย้ยไบเดนว่า เอาแต่พูดถึงโควิด และคุยว่า อเมริกากำลังจะแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิดจำนวนมากให้ประชาชนในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดสนับสนุนคำกล่าวอ้างนี้แต่อย่างใด
ปัจจุบัน อเมริกาเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รุนแรงที่สุดในโลก แต่ละวันมีผู้เสียชีวิตถึง 1,000 คน รวมเป็นเกือบ 229,000 คน
ไบเดนกล่าวหาทรัมป์ขาดกลยุทธ์ควบคุมการระบาด พยายามยกเลิกกฎหมายโครงการประกันสุขภาพโอบามาแคร์ และเพิกเฉยต่อข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ยังเสนอแพลตฟอร์มเศรษฐกิจเมด-อิน-อเมริกา ซึ่งตรงข้ามกับแนวทางอเมริกาต้องมาก่อนของทรัมป์ โดยไบเดนบอกว่า จะกำหนดให้คนรวยจ่ายภาษีอย่างเป็นธรรม และกระจายรายได้อย่างเท่าเทียมมากขึ้น
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นักเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้เปิดเผยรายงานการประเมินที่พบว่า การหาเสียงของทรัมป์ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายนทำให้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มกว่า 30,000 คน และเป็นไปได้ว่า ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 700 คน
งานศึกษานี้อิงกับโมเดลสถิติ ไม่ใช่การสอบสวนกรณีการติดเชื้อโควิด-19 จริง รวมทั้งไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อร่วมเขียนรายงานและไม่ได้รับการตรวจสอบจากคณะผู้เชี่ยวชาญ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเฝ้าย้ำเตือนว่า กิจกรรมการหาเสียงของทรัมป์อาจทำให้โควิดระบาดรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการหาเสียงในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทว่า การพิจารณาผลกระทบที่แท้จริงจากการหาเสียงทำได้ยากเนื่องจากหลายรัฐไม่มีระบบติดตามผู้สัมผัสเชื้อ
ทีมหาเสียงของไบเดนที่จำกัดจำนวนคนฟังปราศรัยหรือจำกัดให้ผู้สนับสนุนฟังการปราศรัยในรถของตนเอง ฉวยโอกาสนี้โจมตีทรัมป์ทันทีว่า ไม่สนใจความปลอดภัยของผู้สนับสนุน