เอเจนซีส์ - โพลสำรวจก่อนเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในวันอังคาร (3 พ.ย.) นี้ โจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครตมีคะแนนนำประธานาธิบดีทรัมป์ 52% ต่อ 42% ทั่วประเทศ ท่ามกลางกระแสประเทศมาผิดทาง อดีตผู้นำผิวสีคนแรก บารัค โอบามา โดดขึ้นเวทีหาเสียงวันเสาร์ (31 ต.ค.) จุดประเด็นชี้ทรัมป์สนใจแต่ตัวเอง ไบเดนสนใจให้ครอบครัวชาวอเมริกันปลอดภัย
NBC News รายงานเมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) ว่า โพล NBC News/วอลล์สตรีทเจอร์นัลที่ออกมารอบสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่จะเริ่มขึ้นวันอังคาร (3) พบว่าตัวแทนจากพรรคเดโมแครต โจ ไบเดน มีคะแนนนำประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ 10 จุดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ พบว่า ไบเดนนำอยู่ 52% และทรัมป์ 42% ในกลุ่มผู้มีสิทธิที่ยื่นขอลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิเลือกตั้ง
ด้าน ปีเตอร์ ฮาร์ต( Peter Hart) นักทำโพลพรรคเดโมแครตที่ทำการสำรวจร่วมกับ บิล แม็คคินเทิร์ฟ (Bill McInturff) นักทำโพลพรรครีพับลิกันแสดงความเห็นว่า “นี่เป็นการทำโพลครั้งที่ 11 ของพวกเราในปี 2020 และพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย”
แต่อย่างไรก็ตาม แม็คคินเทิร์ฟ เตือนว่า ทรัมป์มีความสามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้ในวันเลือกตั้ง
ทั้งนี้ พบว่า จาก 68% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เปิดเผยว่าได้ใช้สิทธิเรียบร้อยแล้ว หรือวางแผนจะใช้สิทธิล่วงหน้า พบว่า ไบเดนนำอยู่ 61% และทรัมป์ 35%
แต่ในกลุ่ม 28% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่กล่าวว่า มีแผนจะออกไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้งจริงนั้นพบว่า ทรัมป์นำอยู่ที่ 61% ต่อไบเดนที่ 32%
แม็คคินเทิร์ฟ กล่าวอีกว่า “นี่เป็นการเลือกตั้งที่เป็นการแข่งขันมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาหากว่าคุณต่ำกว่า 10 จุดทั่วประเทศ”
ซึ่งจากชาร์ตที่แสดงโดย NBC News เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้วมาจนถึงตุลาคมล่าสุด พบว่า ไบเดนนำทรัมป์อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
สื่อสหรัฐฯชี้ว่า ไบเดนมีฐานเสียงสนับสนุนใหญ่ในกลุ่มแอฟริกันอเมริกัน 87% ต่อ 5% กลุ่มคนรุ่นใหม่ 60% ต่อ 32% กลุ่มคนสูงวัย 58% ต่อ 35% กลุ่มผู้หญิง 57% ต่อ 37% กลุ่มอเมริกันผิวขาวที่สำเร็จระดับปริญญาตรี 56% ต่อ 41% และกลุ่มอิสระ 51% ต่อ 36%
ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯคนปัจจุบันมีฐานเสียงสนับสนุนใหญ่ในกลุ่มอเมริกันผิวขาว 51% ต่อ 45% และอเมริกันผิวขาวที่มีการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรี 58% ต่อ 31% รวมไปถึงยังขึ้นนำในกลุ่มผู้ชายที่ 1% โดยทรัมป์ได้ไป 48% และ ไบเดน 47%
และในรัฐแบทเทิลกราวด์สเตท 12 รัฐ คือ รัฐแอริโซนา รัฐฟลอริดา รัฐจอร์เจีย รัฐไอโอวา รัฐเมน รัฐมิชิแกน รัฐมินนีโซตา รัฐนอร์ท แคโรไลนา รัฐนิวแฮมป์เชียร์ รัฐเนวาดา รัฐเพนซิลเวเนีย และรัฐวิสคอนซิน พบว่า ไบเดนนำอยู่ 6 จุด โดยเขาได้ 51% ส่วนทรัมป์ได้ 45%
โพลครั้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งของ NBC News/วอลล์สตรีทเจอร์นัลยังพบว่า มีชาวอเมริกัน 52% ไม่ให้ผ่านในการทำงานของทรัมป์ ส่วนอีก 45% เห็นด้วย
ปัญหาด้านการจัดการวิกฤตโควิด-19 ของประธานาธิบดีทรัมป์ พบว่า มีชาวอเมริกัน 57% เห็นว่า ทรัมป์สอบไม่ผ่านในการจัดการโควิด-19 ส่วนอีก 40% เห็นว่าผู้นำสหรัฐฯจัดการวิกฤตโรคระบาดได้ดี
ขณะที่ด้านเศรษฐกิจโพลสำรวจพบว่า มีชาวอเมริกันที่มีสิทธิ 55% ให้ผู้นำสหรัฐฯผ่านด้านเศรษฐกิจ
โพลยังชี้ว่า มีชาวอเมริกันแค่ 43% เท่านั้นที่ชื่นชอบประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะที่อีก 52% ไม่เห็นด้วย ส่วนไบเดนพบว่ามีชาวอเมริกันจำนวน 45% ที่ชื่นชอบ และอีก 42% ที่เห็นต่าง
ทั้งนี้ พบว่า มีชาวอเมริกันร่วม 60% ชี้ว่า สหรัฐฯกำลังมาผิดทาง แต่อีก 31% เห็นแย้ง
CNN รายงานว่า ในวันเสาร์ (31 ต.ค) อดีตผู้นำสหรัฐฯ บารัค โอบามา ขึ้นเวทีหาเวทีหาเสียงที่รัฐมิชิแกนช่วยไบเดน ชี้ไปถึงปัญหาใหญ่ด้านบุคลิกลักษณะของทรัมป์ที่ต่างจากไบเดน โดยชี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯคนปัจจุบันหมกมุ่นสนใจอยู่แต่ตัวเอง ท่ามกลางวิกฤตสภาวะโรคโควิด-19 ระบาด ต่างจากไบเดนที่เป็นคนดีและมีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น
“โจ ไบเดน เป็นพี่ชายของผม ผมรักโจ ไบเดน และเขาจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่วิเศษ” โอบามาประกาศในเมืองฟลินต์ (Flint) และยอมรับว่า ตัวเขาไม่รู้จักไบเดนมากนักเมื่อครั้งเลือกให้ร่วมลงชิงตำแหน่งคู่ในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐฯในเวลานั้น และโอบามาชี้ว่า เขาเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า ไบเดนปฏิบัติต่อทุกคนอย่างให้ความเคารพและมีเกียรติ
“ซึ่งนี่เป็นคุณสมบัติของความเป็นผู้ที่ดีและมีความเห็นอกเห็นใจ เชื่อในการทำงานหนัก ครอบครัว และความศรัทธา เป็นความเชื่อที่ทุกคนต้องการ นี่คือ โจในสิ่งที่เขาเป็นและจะเป็นในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ” โอบามาย้ำ
