xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวดี...จากโบลิเวีย!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


Luis Arce ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของโบลิเวีย
พักไป 1 วัน...เพราะ “เครื่องรวน” ซึ่งคงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรายการแฟลชแดนซ์ แฟลชม็อบของพวกเด็กๆ เขา แต่เป็นเพราะความแก่ ความชรา นั่นแหละทั่น!!! ดังนั้น...เมื่อกลับมาในวันนี้ เลยคงต้องขออนุญาตไปนำเอา “ข่าวดี” หรือข่าวแบบที่พอสร้างความสบายอก สบายใจ มาพูดจาว่ากล่าวกันเอาไว้มั่ง อย่างน้อย...ก็อาจพอช่วยลดความ “บวดหัว” ที่แม้แต่ยา “บวดหาย” ก็ยังเอาไม่อยู่ อันเนื่องมาจากความสับสนวุ่นวาย ความระส่ำระสายในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ลงไปได้บ้างแม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี...

คือ “ข่าวดี” ที่ว่า...ก็คือข่าวคราวการเลือกตั้งประธานาธิบดี หรือผู้นำรัฐบาลในประเทศละตินอเมริกา อย่าง “โบลิเวีย” ที่แม้จะอยู่ห่างไปจากบ้านเราไม่รู้กี่หมื่น กี่แสนโยชน์ แต่ภายใต้โลก “โลกาภิวัตน์” ยุคนี้ อะไรต่อมิอะไรมันคงต้องเชื่อมต่อ เชื่อมโยง ซึ่งกันและกันอย่างมิอาจปฏิเสธได้ โดยจาก “ผลการเลือกตั้ง” เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (18 ต.ค.) ที่ผ่านมา ค่อนข้างจะชัดแจ้งแดงแจ๋ แม้ว่ายังไม่ได้ถือเป็นผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ หรือเป็นแค่ผลจาก “เอ็กซิต โพล” อะไรประมาณนั้น แต่ค่อนข้างแน่ซะยิ่งกว่าแน่ ว่าพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับ “รัฐบาลชั่วคราว” ในปัจจุบัน หรือพรรค “ขบวนการสังคมนิยม-MAS” (The Movement Towards Socialism) ภายใต้การนำของ “นายLuis Arce” อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจในยุครัฐบาลอดีตประธานาธิบดี “Evo Morales” ต่อเนื่องมานับเป็นทศวรรษๆ และ “นายDavid Choquehuanca” สามารถกวาดคะแนนนิยมในการเลือกตั้งคราวนี้ได้แบบ “ถล่มทลาย” หรือ “แลนด์สไลด์” อะไรประมาณนั้น...

พูดง่ายๆ ว่า...อาจไม่จำเป็นต้องจัดให้มีการ “เลือกตั้งรอบ 2” อีกต่อไป เพราะคะแนนเสียงที่พรรค “MAS” ได้มาในคราวนี้ น่าจะเกินไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ว่าต้องชนะเกินกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปและต้องทิ้งห่างคู่แข่งไม่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ถึงจะไม่ต้องจัดเลือกตั้งรอบใหม่ให้เสียเวล่ำเวลากันไปซะอีก ซึ่งพรรค “MAS” ของ “นายLuis Arce” ทายาททางการเมืองคนสำคัญของ “นายMorales” ก็น่าจะทำได้ตามนั้น หรือเกินกว่านั้น คือสามารถทิ้งห่างพรรคคู่แข่งขวาจัดของ “นายCarlos Mesa” ที่ได้คะแนนนิยมแค่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ หรือทิ้งห่าง ทิ้งขาดถึง 20 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น...

ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้...เลยย่อมต้องส่งผลให้ “รัฐบาลชั่วคราว” หรือ “รัฐบาลหุ่น” ของคุณพ่ออเมริกา ที่ผงาดขึ้นมาควบคุมอำนาจ ภายใต้การนำ “นางJeanine Anez” ในลักษณะไม่ต่างไปจากผู้นำพรรคฝ่ายค้านแห่งประเทศเวเนซุเอลา อย่าง “นายJuan Guaido” ที่จะออกเสียงว่า “ฮวน กวยโด” หรือ “ฮวน ฆวยโต” ก็แล้วแต่รสนิยมของใคร-ของมัน คืออาศัยจังหวะที่อดีตประธานาธิบดี “Morales” ถูก “องค์กรหุ่น” ของคุณพ่ออเมริกา อย่าง “OAS” (The Organization of American States) กล่าวหาว่า “โกงการเลือกตั้ง” ในช่วงกลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 4 จนก่อให้เกิดการจุดชนวนลุกฮือ จุดไฟในนาคร เกิดการประท้วงแผ่ซ่านไปทั่วโบลิเวีย ชนิดตัว “นายMorales” ต้องประกาศลาออก แล้วเผ่นไปตั้งหลักอยู่แถวๆ ประเทศเม็กซิโก ก่อนวกมาพำนักปักหลักอยู่ในประเทศอาร์เจนตินาจนบัดนี้ รองประธานรัฐสภาอย่าง “นางAnez” ที่เคยมีคะแนนเสียง คะแนนนิยมเพียงแค่ 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง จึงถูกจับมาปั่น จับมาใส่ตะกร้าล้างน้ำให้ผงาดขึ้นเป็นประธานาธิบดีชั่วคราว ตลอดช่วงระยะเวลา 11 เดือน แห่งความสับสน วุ่นวายในประเทศโบลิเวีย หรือก่อนการเลือกตั้งคราวนี้จะเสร็จสิ้นเรียบร้อย...

และด้วย “ชัยชนะ” แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แบบ “ขาวสะอาด” และ “ถล่มทลาย” ของทายาททางการเมือง “นายMorales” แห่งพรรค “MAS” นั่นเอง โอกาสที่องค์กรหุ่นอเมริกาอย่าง “OAS” จะไปตั้งข้อกล่าวหา ใส่ร้ายป้ายสีต่อการเลือกตั้งคราวนี้ อย่างที่เคยทำกับ “นายMorales” คงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะครั้งที่แล้วก็ต้องออกมายอมรับว่าเป็นการกล่าวหาโดยแทบไม่มี “หลักฐาน” ใดๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ อีกทั้งไม่ว่าผู้นำพรรคขวาจัดอย่าง “นายCarlos Mesa” รวมไปถึงประธานาธิบดีชั่วคราว อย่าง “นางAnez” เอง ก็ดูจะพร้อมยอมรับสภาพ หรือยอม “สารภาพ” ต่อความพ่ายแพ้ในคราวนี้ อย่างค่อนข้างที่จะชัดเจน ในการให้สัมภาษณ์ หรือการแถลงข่าวเมื่อช่วงวันอาทิตย์ (18 ต.ค.) ที่ผ่านมา...

ดังนั้น...ไม่เพียงชัยชนะของพรรค “MAS” คราวนี้ จะถือเป็นการเปิดโอกาสให้ “นายMorales” ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพ “สัมภเวสี” ต้องร่อนไป-ร่อนมาอยู่นอกประเทศ เหมือนกับ “สัมภเวสี” บางรายในบ้านเรา ที่ยังแทบไม่มีโอกาสกลับบ้าน กลับช่อง กลับบ้านเกิด-เมืองนอนจนบัดนี้ สิ่งที่น่าสนใจเอามากๆ ก็คือ...ยังอาจถือเป็นโอกาสที่จะทำให้การ “ขับเคลื่อน” ประเทศ ไปสู่ทิศทางการพัฒนาทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ไปตามแนวที่ “นายMorales” ได้ให้สัมภาษณ์ขณะที่ยังอยู่ในอาร์เจนตินา เพราะสิ่งที่เรียกว่า “การพัฒนา” ตามทิศทาง แนวทางของอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ หรือตาม “แผนพัฒนาเศรษฐกิจ” ของโบลิเวียยุคที่ตัวเองยังเป็นประธานาธิบดี และผู้นำพรรค “MAS” คนปัจจุบันอย่าง “นายLuis Arce” ยังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจต่อเนื่องมาเป็นสิบๆ ปี ก็คือแผนที่วางน้ำหนักเอาไว้ในการผลิต “แร่ลิเทียม” (Lithium) ให้กลายเป็นตัวทำรายได้ให้กับประเทศ ให้สมกับฉายานามที่ใครต่อใครเคยเรียกๆ ประเทศโบลิเวีย ว่าถือเป็น “ซาอุดีอาระเบียแห่งลิเทียม” เอาเลยถึงขั้นนั้น...

คืออย่างที่เคยนำมาบอกเล่า เก้าสิบ เอาไว้นานแล้วนั่นแหละว่า...ทรัพยากรธรรมชาติที่เรียกๆ กันว่า “ลิเทียม” นั้น นับวันจะเป็นอะไรที่มีบทบาทต่อความเป็นไปของโลก โดยเฉพาะในทาง “เศรษฐกิจ” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หรืออย่างที่รองประธานาธิบดีโบลิเวียยุค “นายMorales” เคยสรุปไว้นั่นแหละว่า “ลิเทียมคือพลังงานแห่งโลกอนาคต” เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญที่จะนำมาใช้ในการผลิต “แบตเตอรี่” แบบที่เรียกว่า “Lithium ion battery” เอาไว้ใช้กับ “รถไฟฟ้า” ที่กำลังมาแรงแซงโค้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในโลกยุคที่กำลังแสวงหา “พลังงานสะอาด” แบบอุตลุด ชนิดเคยมีตัวเลขสถิติ คาดการณ์ขององค์กรอย่าง “International Energy Agency” ว่าโอกาสที่โลกทั้งโลก จะหันไปใช้ “รถไฟฟ้า” ภายในปี ค.ศ. 2030 ไม่ต่ำกว่า 125-220 ล้านคันเป็นอย่างน้อย ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ การแสวงหาแหล่งแร่ลิเทียม เพื่อนำมาใช้กับรถชนิดนี้ จึงเป็นอะไรที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง...

แต่ขณะที่ออสเตรเลีย สามารถส่งออกลิเทียมได้เป็นอันดับ 1 คือประมาณ 51,000 ตัน ชิลีเป็นอันดับ 2 ส่งออก 16,000 ตัน จีนเป็นอันดับ 3 ส่งออก 8,000 ตัน และอาร์เจนตินาอันดับ 4 ส่งออก 6,200 ตัน ประเทศโบลิเวียที่มีอาณาเขตพื้นที่อยู่ภายในแนว “สามเหลี่ยมลิเทียม” ร่วมกับชิลีและอาร์เจนตินา กลับส่งออกได้แค่ 20 ตันเท่านั้นเอง ด้วยเหตุเพราะสภาพทางภูมิศาสตร์หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ความพยายามพัฒนาการผลิตแร่ลิเทียม ระดับถือเป็นแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจโบลิเวีย ชนิดถึงขั้นต้องจัดตั้งวิสาหกิจอย่าง “YLB” (Yacimientos de Litio Bolivianos) ขึ้นมารองรับ โดยแทนที่จะหันไปตอบสนองความต้องการของบริษัทฝรั่งเศส เยอรมนี เกาหลีใต้ และอเมริกา ฯลฯ โดยเฉพาะบริษัท “Tesla” ของ “นายElon Musk” ที่ได้ชื่อเป็นผู้นำการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม ไอออน อันดับต้นๆ รวมทั้ง “ไม่เคยปฏิเสธ” ถึงการเข้าไปยุ่งเกี่ยว ยุ่งเหยิงกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในละตินอเมริกา แต่กลับพยายามหันมาร่วมมือกับ “บริษัทจีน” อย่างบริษัท “TBEA” (Tianqi Lithium Corp.) ด้วยการถือหุ้น ร่วมทุนประมาณ 49 เปอร์เซ็นต์นั้น ย่อมทำให้ชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรค “MAS” คราวนี้ อาจถือเป็นชัยชนะของ “บริษัทจีน” ควบคู่ไปด้วยเอาเลยก็ไม่แน่!!!

หรือทำให้ความต้องการปริมาณแร่ลิเทียมไม่น้อยกว่าปีละ 800,000 ตันของจีน เพื่อที่จะนำมาผลิตรถไฟฟ้าให้ตอบสนองต่อปริมาณความต้องการในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี แบบที่เรียกๆ กันว่า “Made in China 2025” ย่อมเป็นอะไรที่น่าจะระเบิดเถิดเทิงตามไปด้วยอย่างมิอาจปฏิเสธ แม้ว่าจะโดนคุณพ่ออเมริกาพยายาม “เตะตัดขา” กันในรูปไหน แบบไหน ก็ตามที...




กำลังโหลดความคิดเห็น