ตร.เผยตรวจสอบกล้องวงจรปิด “รร.สารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์” พบการกระทำความรุนแรงต่อเด็กอนุบาล 1 รวม 36 ครั้ง ระดับเนอร์สเซอรี่อีก 16 ครั้ง พ่อเด็กหญิงอายุ 3 ขวบ แจ้งข้อหาเพิ่มหลังพบภาพลูกถูกถอดเสื้อกลางห้องเรียนต่อหน้าเพื่อนกว่า 30 คน
จากกรณี ที่ “ครูจุ๋ม” โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ ราชพฤกษ์ ทำร้ายร่างกายนักเรียนชั้นอนุบาล ก่อนจะมีการสอบสวนแล้วพบว่า มีการกระทำความรุนแรงต่อเด็กนักเรียนภายในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศ ราชพฤกษ์ อีกหลายรายนั้น
วานนี้ (1 ต.ค. 63) พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในระดับอนุบาลทั้ง 10 ห้อง พบว่า ห้อง E พี่เลี้ยงจุ๋ม ทำความรุนแรงกับเด็ก 29 เหตุการณ์ มีเด็กเป็นผู้เสียหาย 10 คน, ห้อง C ของครูอิ้ว 3 ครั้ง, ห้องเรียนอนุบาลอาเซียน ABP ของครูแพร 3 ครั้ง และห้อง B จำนวน 1 ครั้ง รวมทั้งหมด 36 ครั้ง ส่วนระดับเนอร์เซอร์รี่ ห้องครูแพรวรวม 16 ครั้ง ล่าสุดมีครูที่ถูกผู้ปกครองเข้าแจ้งความแล้ว ทั้งหมด 6 คน คือ ครูเปิ้ล และพี่เลี้ยงจุ๋ม ถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น และทารุณกรรมเด็ก ซึ่งเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาและประกันตัวออกไปแล้ว ส่วนอีก 4 คน คือ ครูมาวิน, ครูนิ, ครูอิ๋ว และครูแพร อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน
ด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วย นายณรงค์ สีฟ้า อายุ 42 ปี บิดาของน้องเก้า เด็กหญิงวัย 3 ขวบครึ่ง ที่เรียนอยู่โรงเรียนอนุบาล 1 ห้อง kg1c โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ พร้อมมอบเอกสารหลักฐานและเทปวงจรปิด ขณะที่ครูลงโทษน้องเก้าที่ปัสสาวะรดกางเกง ด้วยการจับถอดเสื้อผ้ากลางห้องเรียนต่อหน้าครูคนอื่นๆ และเพื่อนๆในชั้น
นายรณณรงค์ เปิดเผยว่า บิดาน้องเก้ามาแจ้งความเพิ่มชั้นอนุบาล 1 ผู้ปกครองเล่าว่า ลูกสาวของเขาได้ปัสสาวะราดชุดนักเรียน ครูได้จับแก้ผ้าเปลี่ยนชุดต่อหน้าครูผู้ชาย และเด็กคนอื่นๆ ในห้อง โดยไม่พาไปห้องน้ำ โดยผู้ปกครองคิดว่าไม่สมควรทำอย่างยิ่ง อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาข้อหาอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ซึ่งข้อหานี้ร้ายแรงสุดที่มีการแจ้งความกันมา วันนี้เราได้นำหลักฐานคลิปวงจรปิดมาเพิ่ม ต้องให้พนักงานสอบสวนดูอีกที การที่ผู้ปกครองจ่ายค่าเทอมเป็นแสนต่อปี เปรียบเสมือนผู้บริโภคซื้อสินค้าหลักแสน ดังนั้น ถ้าผู้บริโภคซื้อบริการแล้วลูกจ้างมาทุบตีลูกค้า ผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่าการจ่ายแค่ 500-1,000 บาท หรือถ้าไม่ต้องการรับผิดชอบให้บอกมาตรงๆ
ส่วนครูที่ถอดชุดนักเรียนเป็นครูแพรวหรือไม่นั้น นายรณณรงค์ กล่าวว่า ต้องให้ผู้ปกครองยืนยัน ให้ตำรวจค่อยๆ แกะเทปยืนยันว่าเป็นครูคนไหน เพราะครูมีหลายคน การเรียกค่าเสียหายศาล ท่านจะมองว่าสำคัญกว่าผู้ใหญ่ ค่าเสียหายก็ต้องได้มากกว่าด้วยซ้ำ คดีนี้เด็กที่เกี่ยวข้องเสียหายมีเยอะมาก ปัจจุบันอัยการต้องทำงานหนักสอบเด็กเสียหายหลายคน ต้องใช้อัยการท่านถึงสองคน กรณีครูแพรวที่เอาหัวเด็กไปกระแทกพื้นผนัง เด็กเกือบทั้งห้องก็หันมาดู ความรุนแรงที่มันซ่อนอยู่ในใจเด็กมันต้องใช้เวลาเท่าไรถึงจะลบได้ ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง
ทางด้าน นายณรงค์ บิดาน้องเก้า กล่าวว่า เรื่องที่ครูแพรวทำร้ายลูกสาวแล้วส่งไลน์มาขอโทษ เพราะอารมณ์แปรปรวน เนื่องจากกำลังตั้งท้องนั้น ตนว่ามันไม่ใช่ ลูกผมหรือลูกทุกคนในห้องนั้นไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของเขา เด็กอายุแค่ 3 ขวบ ตนไม่ให้อภัย และผมก็เชื่อว่าผู้ปกครองในห้องนั้นทุกคนก็คงไม่ให้อภัย
อีกกรณี น.ส.รจนา แก้วคำ อายุ 48 ปี เดินทางมายัง สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี เพื่อติดตามคดีลูกสาว อายุ 12 ปี ซึ่งขณะนั้นกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6 ซึ่งในวันเกิดเหตุประมาณเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ครูชื่อแจ็คกี้ ตรงเข้าไปตบที่ใบหน้าพร้อมกับด่าทอด้วยคำหยาบคายต่างๆ นานา จากนั้นก็ถูกจิกผมลากออกไปตบที่นอกห้อง ทำให้ลูกสาวต้องวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากครูอีกคน แต่ก็ยังครูคนนี้วิ่งไล่ตามเข้ามาตบอีกหลายที หลังเกิดเหตุจึงได้พาลูกสาวไปตรวจร่างกาย และเดินทางเข้าแจ้งความในวันถัดมา ซึ่งมีผู้อำนวยการโรงเรียนในตอนนั้น เดินทางมาไกล่เกลี่ยกับตนที่โรงพัก โดยรับปากว่าทางโรงเรียนจะเร่งดำเนินการให้ ซึ่งหลังจากเข้าแจ้วความไว้แล้ว ก็ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากทางโรงเรียนเลย มีแต่ฝ่ายตนที่ต้องโทรไปถาม ผอ.ว่าทางโรงเรียนจะดำเนินการช่วยเหลืออะไรบ้าง ทาง ผอ.ก็อ้างว่าได้ไล่ครูคนดังกล่าวออกจากโรงเรียนไปแล้ว ให้รอติดต่อกับครูคนดังกล่าวให้ได้ก่อน จะแจ้งความคืบหน้ากลับไป
“หลังจากทราบข่าวว่าโรงเรียนแห่งนี้ มีคลิปเหตุการณ์ที่ครูใช้ความรุนแรงและทำร้ายเด็กปรากฏออกมาจนเป็นข่าวใหญ่ จึงตัดสินใจเดินทางมาโรงพักเพื่อติดตามคดีที่บุตรสาวตนถูกทำร้ายแล้วเรื่องเงียบหายไปนานหลายเดือน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” น.ส.รจนา กล่าว
วันเดียวกัน นายพิบูลย์ ยงค์กมล ประธานผู้อำนวยการในเครือโรงเรียนสารสาสน์ ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ออกอากาศทางช่อง 3 ถึงข้อเรียกร้องให้ปิดโรงเรียนว่า “คนที่คิดแบบนี้ พูดแบบนี้ พูดแต่เอามัน เด็ก 3,800 คน จะไปเรียนที่ไหน ความดีที่เราทำไว้มีทั้งหมด มีรูนิดเดียวที่บกพร่อง เอามาตี จะมาล้มล้างความดีทั้งหมด มันคิดเป็นไหม ปิดผมก็ไม่กลัว ผมขายที่กำไรดีกว่าทำโรงเรียนอีก ผมไม่ใช่ไม่พอใจ เป็นสิทธิของเขาที่จะไป แต่ไปแบบอารยชนหน่อย”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการเยียวยาเด็กนักเรียน นายพิบูลย์ กล่าวว่า “เรื่องเงิน โรงเรียนก็ทำให้ได้ แต่ต้องเป็นความจริง ไม่ใช่อยู่ๆฉันกระทบกระเทือนจิตใจ เรียก 2 ล้านบาท ไม่ใช่ลูกคุณนอนละเมอ แล้วเอามาเป็นเรื่องใหญ่เลย ขอฝากไปที่ผู้ปกครอง ที่ออกมาเรียกร้องนู่นนี่ ทำไมก่อนจะเข้าเรียน ไม่ถามดูว่ามีอะไรถูกใจไหม ถ้าไม่ถูกใจแล้วมาเรียนทำไม ก็ไปเรียนที่อื่น มีตัวให้เลือกตั้งเยอะ รู้ว่าแพงจะมาเรียนทำไม ไม่ไปเรียนโรงเรียนถูกๆ”
ภายหลังจากการให้สัมภาษณ์ของนายพิบูลย์ได้มีการนำมาแชร์ต่อกันในสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลาย พร้อมกับถูกวิพากษ์วิจารณ์นายพิบูลย์ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง
จากกรณี ที่ “ครูจุ๋ม” โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ ราชพฤกษ์ ทำร้ายร่างกายนักเรียนชั้นอนุบาล ก่อนจะมีการสอบสวนแล้วพบว่า มีการกระทำความรุนแรงต่อเด็กนักเรียนภายในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศ ราชพฤกษ์ อีกหลายรายนั้น
วานนี้ (1 ต.ค. 63) พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในระดับอนุบาลทั้ง 10 ห้อง พบว่า ห้อง E พี่เลี้ยงจุ๋ม ทำความรุนแรงกับเด็ก 29 เหตุการณ์ มีเด็กเป็นผู้เสียหาย 10 คน, ห้อง C ของครูอิ้ว 3 ครั้ง, ห้องเรียนอนุบาลอาเซียน ABP ของครูแพร 3 ครั้ง และห้อง B จำนวน 1 ครั้ง รวมทั้งหมด 36 ครั้ง ส่วนระดับเนอร์เซอร์รี่ ห้องครูแพรวรวม 16 ครั้ง ล่าสุดมีครูที่ถูกผู้ปกครองเข้าแจ้งความแล้ว ทั้งหมด 6 คน คือ ครูเปิ้ล และพี่เลี้ยงจุ๋ม ถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น และทารุณกรรมเด็ก ซึ่งเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาและประกันตัวออกไปแล้ว ส่วนอีก 4 คน คือ ครูมาวิน, ครูนิ, ครูอิ๋ว และครูแพร อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน
ด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วย นายณรงค์ สีฟ้า อายุ 42 ปี บิดาของน้องเก้า เด็กหญิงวัย 3 ขวบครึ่ง ที่เรียนอยู่โรงเรียนอนุบาล 1 ห้อง kg1c โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ พร้อมมอบเอกสารหลักฐานและเทปวงจรปิด ขณะที่ครูลงโทษน้องเก้าที่ปัสสาวะรดกางเกง ด้วยการจับถอดเสื้อผ้ากลางห้องเรียนต่อหน้าครูคนอื่นๆ และเพื่อนๆในชั้น
นายรณณรงค์ เปิดเผยว่า บิดาน้องเก้ามาแจ้งความเพิ่มชั้นอนุบาล 1 ผู้ปกครองเล่าว่า ลูกสาวของเขาได้ปัสสาวะราดชุดนักเรียน ครูได้จับแก้ผ้าเปลี่ยนชุดต่อหน้าครูผู้ชาย และเด็กคนอื่นๆ ในห้อง โดยไม่พาไปห้องน้ำ โดยผู้ปกครองคิดว่าไม่สมควรทำอย่างยิ่ง อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาข้อหาอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ซึ่งข้อหานี้ร้ายแรงสุดที่มีการแจ้งความกันมา วันนี้เราได้นำหลักฐานคลิปวงจรปิดมาเพิ่ม ต้องให้พนักงานสอบสวนดูอีกที การที่ผู้ปกครองจ่ายค่าเทอมเป็นแสนต่อปี เปรียบเสมือนผู้บริโภคซื้อสินค้าหลักแสน ดังนั้น ถ้าผู้บริโภคซื้อบริการแล้วลูกจ้างมาทุบตีลูกค้า ผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่าการจ่ายแค่ 500-1,000 บาท หรือถ้าไม่ต้องการรับผิดชอบให้บอกมาตรงๆ
ส่วนครูที่ถอดชุดนักเรียนเป็นครูแพรวหรือไม่นั้น นายรณณรงค์ กล่าวว่า ต้องให้ผู้ปกครองยืนยัน ให้ตำรวจค่อยๆ แกะเทปยืนยันว่าเป็นครูคนไหน เพราะครูมีหลายคน การเรียกค่าเสียหายศาล ท่านจะมองว่าสำคัญกว่าผู้ใหญ่ ค่าเสียหายก็ต้องได้มากกว่าด้วยซ้ำ คดีนี้เด็กที่เกี่ยวข้องเสียหายมีเยอะมาก ปัจจุบันอัยการต้องทำงานหนักสอบเด็กเสียหายหลายคน ต้องใช้อัยการท่านถึงสองคน กรณีครูแพรวที่เอาหัวเด็กไปกระแทกพื้นผนัง เด็กเกือบทั้งห้องก็หันมาดู ความรุนแรงที่มันซ่อนอยู่ในใจเด็กมันต้องใช้เวลาเท่าไรถึงจะลบได้ ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง
ทางด้าน นายณรงค์ บิดาน้องเก้า กล่าวว่า เรื่องที่ครูแพรวทำร้ายลูกสาวแล้วส่งไลน์มาขอโทษ เพราะอารมณ์แปรปรวน เนื่องจากกำลังตั้งท้องนั้น ตนว่ามันไม่ใช่ ลูกผมหรือลูกทุกคนในห้องนั้นไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของเขา เด็กอายุแค่ 3 ขวบ ตนไม่ให้อภัย และผมก็เชื่อว่าผู้ปกครองในห้องนั้นทุกคนก็คงไม่ให้อภัย
อีกกรณี น.ส.รจนา แก้วคำ อายุ 48 ปี เดินทางมายัง สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี เพื่อติดตามคดีลูกสาว อายุ 12 ปี ซึ่งขณะนั้นกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6 ซึ่งในวันเกิดเหตุประมาณเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ครูชื่อแจ็คกี้ ตรงเข้าไปตบที่ใบหน้าพร้อมกับด่าทอด้วยคำหยาบคายต่างๆ นานา จากนั้นก็ถูกจิกผมลากออกไปตบที่นอกห้อง ทำให้ลูกสาวต้องวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากครูอีกคน แต่ก็ยังครูคนนี้วิ่งไล่ตามเข้ามาตบอีกหลายที หลังเกิดเหตุจึงได้พาลูกสาวไปตรวจร่างกาย และเดินทางเข้าแจ้งความในวันถัดมา ซึ่งมีผู้อำนวยการโรงเรียนในตอนนั้น เดินทางมาไกล่เกลี่ยกับตนที่โรงพัก โดยรับปากว่าทางโรงเรียนจะเร่งดำเนินการให้ ซึ่งหลังจากเข้าแจ้วความไว้แล้ว ก็ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากทางโรงเรียนเลย มีแต่ฝ่ายตนที่ต้องโทรไปถาม ผอ.ว่าทางโรงเรียนจะดำเนินการช่วยเหลืออะไรบ้าง ทาง ผอ.ก็อ้างว่าได้ไล่ครูคนดังกล่าวออกจากโรงเรียนไปแล้ว ให้รอติดต่อกับครูคนดังกล่าวให้ได้ก่อน จะแจ้งความคืบหน้ากลับไป
“หลังจากทราบข่าวว่าโรงเรียนแห่งนี้ มีคลิปเหตุการณ์ที่ครูใช้ความรุนแรงและทำร้ายเด็กปรากฏออกมาจนเป็นข่าวใหญ่ จึงตัดสินใจเดินทางมาโรงพักเพื่อติดตามคดีที่บุตรสาวตนถูกทำร้ายแล้วเรื่องเงียบหายไปนานหลายเดือน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” น.ส.รจนา กล่าว
วันเดียวกัน นายพิบูลย์ ยงค์กมล ประธานผู้อำนวยการในเครือโรงเรียนสารสาสน์ ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ออกอากาศทางช่อง 3 ถึงข้อเรียกร้องให้ปิดโรงเรียนว่า “คนที่คิดแบบนี้ พูดแบบนี้ พูดแต่เอามัน เด็ก 3,800 คน จะไปเรียนที่ไหน ความดีที่เราทำไว้มีทั้งหมด มีรูนิดเดียวที่บกพร่อง เอามาตี จะมาล้มล้างความดีทั้งหมด มันคิดเป็นไหม ปิดผมก็ไม่กลัว ผมขายที่กำไรดีกว่าทำโรงเรียนอีก ผมไม่ใช่ไม่พอใจ เป็นสิทธิของเขาที่จะไป แต่ไปแบบอารยชนหน่อย”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการเยียวยาเด็กนักเรียน นายพิบูลย์ กล่าวว่า “เรื่องเงิน โรงเรียนก็ทำให้ได้ แต่ต้องเป็นความจริง ไม่ใช่อยู่ๆฉันกระทบกระเทือนจิตใจ เรียก 2 ล้านบาท ไม่ใช่ลูกคุณนอนละเมอ แล้วเอามาเป็นเรื่องใหญ่เลย ขอฝากไปที่ผู้ปกครอง ที่ออกมาเรียกร้องนู่นนี่ ทำไมก่อนจะเข้าเรียน ไม่ถามดูว่ามีอะไรถูกใจไหม ถ้าไม่ถูกใจแล้วมาเรียนทำไม ก็ไปเรียนที่อื่น มีตัวให้เลือกตั้งเยอะ รู้ว่าแพงจะมาเรียนทำไม ไม่ไปเรียนโรงเรียนถูกๆ”
ภายหลังจากการให้สัมภาษณ์ของนายพิบูลย์ได้มีการนำมาแชร์ต่อกันในสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลาย พร้อมกับถูกวิพากษ์วิจารณ์นายพิบูลย์ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง
