นครปฐม - โผล่อีก!! พ่อโพสต์ลงโซเชียล ลูกชายถูกครูพี่เลี้ยงเนอร์สเซอรีโรงเรียนเอกชน ฝ่ามือมีรอยเล็บจิกเป็นแผล ส่งตรวจร่างกายนาน 1 เดือนแล้วคดีไม่คืบ โดยทางโรงเรียนได้สั่งการให้ครูออกไปแล้ว ขณะที่ยายฉุนบอกขอดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุด
วันนี้ (30 ก.ย.) จากกรณีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ที่ใช้ชื่อว่า K'a Pom Yidlai ได้มีการโพสต์ภาพและคลิปโดยได้ลงข้อความว่า “ขออนุญาตพื้นที่สื่อแชร์โพสต์นี้ด้วยค่ะ มีอยู่ว่าเหตุการณ์เกิดวันที่ 28/8/63 ลูกชายกลับมาจากโรงเรียน ประมาณ 4 ทุ่ม ลูกชายก็ร้องเจ็บๆ ที่มือ แม่ก็เลยดูว่าพบรอยหยิกที่มือเป็นรอย แบบเลือดซิบๆ เลยได้ติดต่อไปทางโรงเรียน สอบถามว่าลูกโดนเพื่อนทำร้ายรึป่าว แต่ได้คำตอบว่า ครูพี่เลี้ยง เป็นคนทำน้องค่ะ พอแม่ได้ยินก็ตกใจมาก เช้ามาวันที่ 29/8/63 ได้พาน้องไปตรวจร่างกายที่ รพ. และไปแจ้งความที่โรงพัก แต่คดีไม่คืบหน้า
ผ่านมา 1 เดือน แม่ก็ได้ติดตามเรื่องมาตลอด ได้รับคำตอบจากโรงพักว่า ยังไม้ได้รับเอกสารจากทาง รพ. ต้องรอก่อน พอไปติดต่อทาง รพ.บอกว่าออกมาให้แล้ว สอบถามผู้รู้ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะว่าจะทำอย่างไรได้บ้างคะกับเหตุการณ์นี้ ทุกวันนี้บาดแผลที่มือดีขึ้น แต่น้องยังนอนละเมอร้องเจ็บๆ อยู่เลย”
โดยในคลิปความยาว 20 กว่าวินาที ได้ปรากฏเป็นภาพในห้องเรียนมีนักเรียนเป็นเด็กเล็กอายุประมาณ 3-4 ขวบ นั่งอยู่ในห้องเรียน และมีครูพี่เลี้ยงเป็นหญิง สวมเสื้อสีชมพู เดินตรวจการบ้านและช่วงจังหวะในคลิปได้มีการปรากฏเป็นภาพครูพี่เลี้ยงได้เดินมาจับมือให้เด็กนักเรียนชายอายุประมาณ 3 ขวบ ให้มีการจับดินสอเพื่อเขียนหนังสือ แต่ช่วงที่มีการปล่อยมีออกได้ภาพเด็กชายคนดังกล่าว ได้ทำท่าร้องไห้ขึ้นมาทันที ก่อนที่คลิปจะตัดภาพออกไป ส่วนในภาพนิ่งปรากฏเป็นฝ่ามือของเด็กชายมีบาดแผลคล้ายรอยเล็บจิกอยู่บนฝ่ามือ จำนวน 5 รอย และมีภาพของกระดาษที่มีข้อความและรูปภาพของครูพี่เลี้ยงว่าทางโรงเรียนได้มีการดำเนินการให้ออกจากการทำงานไปแล้ว
ซึ่งวันนี้ นายมนูญ ยิดไล้ อายุ 33 ปี พร้อมด้วย น.ส.สุทธิดา สามงามดี อายุ 28 ปี และนางสุภาพร โพธิ์หวี อายุ 56 ปี พ่อ แม่ และยาย ของน้องพอท (นามสมมติ) อายุ 3 ขวบ ซึ่งเป็นเด็กที่ปรากฏในคลิปและภาพดังกล่าว ได้เดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม เพื่อติดตามเรื่องดังกล่าวเนื่องจากมีการลงบันทึกแจ้งความไว้แล้ว โดยมีสื่อมวลชนได้ติดตามเข้าสอบถามในประเด็นดังกล่าว ซึ่งเป็นช่วงที่โรงเรียนเอกชนในจังหวัดนนทบุรี มีกระแสเป็นข่าวดังไม่กี่วันก่อนหน้า โดยมีพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีออกมารับการประสานงานและชี้แจงให้ทราบถึงการติดตามคดีดังกล่าว
นางสุภาพร โพธิ์หวี อายุ 56 ปี ยายของน้องพอท เผยว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ครอบครัวของตนเองได้ประสบจริง ซึ่งลูกเขยและลูกสาวได้โพสต์ลงโซเชียลเป็นเพราะว่าเห็นกรณีของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดนนทบุรี นั้นกำลังมีประเด็นดังในเรื่องนี้ ซึ่งหลานชายของตนเองนั้นเจอกับเรื่องนี้มาก่อน แล้วราว 1 เดือน
นางสุภาพร บอกอีกว่า เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองนครปฐม โดยหลังเลิกเรียนหลานชายได้กลับมาที่บ้านตามปกติ แต่ได้บอกกับแม่ว่า เจ็บมือ เมื่อมาดูก็พบว่ามีแผลขึ้นที่ฝ่ามือขวาจริงๆ จากนั้นได้สอบถามไปยังครูพี่เลี้ยง และได้บอกว่าเพื่อนแกล้งกันหรือไม่ แต่เมื่อส่งภาพไปให้ดูก็ได้รับคำตอบว่า ครูพี่เลี้ยง ชื่อ น. เป็นคนทำเพราะน้องไม่ยอมทำการบ้าน และบอกว่าเล็บไปเกี่ยวกับมือเด็กเท่านั้น
จากนั้นในวันที่ 29 สิงหาคม ได้นำหลานไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครปฐม เพื่อเอาผิดเรื่องการทำร้ายร่างกาย และทางโรงเรียนได้แจ้งว่าได้ทำเรื่องให้ครูพี่เลี้ยงออกจากการทำงานไปแล้ว และส่งครูมาพูดคุยพร้อมนำกระเช้ามาให้ ซึ่งจากนั้นได้มีการติดตามในเรื่องของคดีว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร
โดยทางพนักงานสอบสวนบอกว่าต้องรอเอกสารหลักฐานจากทางโรงพยาบาลมาเพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาอีกครั้ง ซึ่งในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำเอกสารผลการตรวจมาจากทางโรงพยาบาลแล้ว ตั้งแต่วันที่มีการส่งปลดครูพี่เลี้ยงไปก็ยังไม่ได้มีการติดต่อกลับมาอีก และไม่ได้ให้หลานไปเรียน เพราะเด็กยังอยู่ในอาการหวาดผวา ซึ่งวันนี้เห็นว่าทางโรงเรียนจะได้ส่งทนายมาพบกันต่อหน้าพนักงานสอบสวนแต่ก็ไม่มา โดยแจ้งว่าจะขอเลื่อนไปอีก
“ตนเห็นแผลหลานก็ตกใจว่าทำไมเป็นแผลเยอะขนาดนี้ ซึ่งเราเลี้ยงหลานเรามาไม่เคยตีเลยสักครั้ง แล้วมาเจอแบบนี้เรารับไม่ได้ อยากให้โรงเรียนติดกล้องทุกจุดทั้งทางเดินและที่ลับตา ถ้าเกิดมีใครโดนอีกจะได้มีหลักฐานให้ดู ซึ่งเรายืนยันว่าจะขอแจ้งความเอาความผิดกับครูคนนี้เรื่องการทำร้ายร่างกายแน่นอน” นางสุภาพร กล่าว
ส่วน น.ส.สุทธิดา ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว เพราะเกรงว่าพูดอะไรออกไปจะเสียรูปคดี แต่ให้ข้อมูลว่า หลังจากที่มีการโพสต์ภาพและคลิปดังกล่าว ครูพี่เลี้ยงได้โทร.มาหาตนเองเพื่อต้องการให้ลบโพสต์ออกไป แต่ทางสามียังไม่ลบเพราะกลัวว่าเรื่องดังกล่าวจะเงียบหาย และให้สังคมช่วยกันตรวจสอบเรื่องนี้ และตอนนี้ได้ให้ลูกชายออกจากโรงเรียนนี้แล้ว แต่ก็มีผู้ปกครองโทร.มาสอบถามตนเอง เพราะลูกหลานก็มีอาการหวาดกลัวโรงเรียน และพยายามไปขอภาพจากกล้องวงจรปิดมาดูแต่ก็ไม่ได้รับ ส่วนที่ได้มาคือเป็นคลิปสั้นๆ จากโรงเรียน ซึ่งถ้ามีคลิปยาวอาจจะเห็นเหตุการณ์ได้มากกว่านี้ ซึ่งตนเองไม่ได้เจตนาทำลายชื่อเสียงโรงเรียน แต่ต้องการให้มีการออกมารับผิดชอบและดำเนินคดีกับครูที่ก่อเหตุ และหวั่นจะเป็นแบบโรงเรียนที่เป็นกระแสดังในขณะนี้
ส่วนแนวทางในการดำเนินคดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำไปแล้วเบื้องต้นกับผู้เสียหาย และได้นำเอกสารทางการแพทย์มาแล้วโดยได้รับการประสานงานจากทนายความของโรงเรียนเอกชนชื่อดังในจังหวัดนครปฐมว่าจะเข้ามาพบกับครอบครัวผู้เสียหายในไม่กี่วันนี้เพื่อทำความเข้าใจ และตกลงร่วมกัน ส่วนทางคดีก็จะเอาหลักฐานต่างๆ มาประกอบในการรวบรวมข้อมูลโดยจะต้องดูว่าเหตุที่เกิดเป็นการทำร้ายร่างกาย หรือการลงโทษเด็ก หรือลงโทษแล้วเกินกว่าเหตุถ้าเกินกว่าเหตุแล้วผู้ปกครองประสงค์จะดำเนินคดีก็จะมีการเดินหน้าไปโดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย