xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ปกครองเผย บุตรหลานมีพฤติกรรมเปลี่ยน ไม่กล้าเข้าห้องน้ำ นอนละเมอ หลังโดนครูทำร้าย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนจากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เปิดเผยว่า หลังจากบุตรหลานของตนเองโดนครูทำร้ายร่างกาย พบว่า บุตรหลานมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป มีความก้าวร้าว ไม่กล้าเข้าห้องน้ำ นอนละเมอร้องไห้ พูดดังๆ จะมีอาการผวา ต้องใช้เวลารักษาเยียวยาจิตใจ

จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการแชร์คลิปพฤติกรรมของครูประจำชั้นอนุบาล 1 ของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ถนน 345 ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทำร้ายเด็กนักเรียนในห้องเรียน ทั้งผลักเด็ก จับหัวดึงผม ใช้ไม้กวาดตีเด็ก โขกหัวเด็ก โดยคุณครูคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีใครห้าม ซึ่งเมื่อผู้ปกครองหลายคนเห็นคลิป ทำให้สร้างความสะเทือนใจ โดยทางผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวได้มีคำสั่งลงโทษคุณครูคนที่ก่อเหตุแล้ว โดยย้ายคุณครูสาวไปสอนนักเรียนชั้นอื่นแทน ต่อมาทางโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ออกหนังสือแถลงการณ์ เผยให้ นางสาวอรอุมา ปลอดโปร่ง หรือ ครูจุ๋ม พ้นสภาพบุคลากรทันที จากการทำร้ายเด็กนักเรียนในห้องเรียน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “ต้น ท่าทราย” หนึ่งในผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่โดนครูจากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ทำร้ายร่างกายเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ได้ออกมาระบุข้อความ เล่าเหตุการณ์ของลูกสาวตนเองที่โดนครูทำร้าย ซึ่งผ่านมา 4 ปี กลับยังมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งหมายความว่า โรงเรียนแห่งนี้ไม่เคยนำบทเรียนที่เกิดขึ้นไปแก้ไข ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า

“เคสนะดาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไม่เป็นบทเรียนให้กับโรงเรียนคุณเลยเหรอ สารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เคสลูกสาวผมถูกครูพี่เลี้ยงทำร้ายในห้องน้ำตอนเรียนเตรียมอนุบาลที่นี่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นยังไม่กล้องวงจรปิดเหมือนตอนนี้ จากการที่ลูกสาวผมไปโรงเรียนแค่ไม่กี่วันก็ถูกทำร้าย มีอยู่วันลูกสาวกลับจากโรงเรียน แฟนพาอาบน้ำเมื่อถึงบ้านก็พบว่าลูกมีรอยหยิก บิด ที่ใต้ต้นแขน รักแร้ เป็นรอยช้ำเลือด ตอนนอนกลางคืนลูกนอนผวาตื่นตอนกลางคืนทั้งคืน ไม่ยอมให้ปิดไฟนอน ไม่ยอมอยู่ในห้องแคบๆ จนผมผิดสังเกตและถามลูกว่าใครทำ แต่ลูกสาวก็ไม่พูด จนผมต้องไปสอบถามทางโรงเรียนแต่ไม่มีใครยอมรับ จนผมต้องไปแจ้งความ และขอไต่สวนปากคำครูและพี่เลี้ยงร่วมกับ ผอ.และผู้บริหารทางโรงเรียนด้วยตนเอง

จนจับพิรุธและพบคนกระทำความผิดได้ ซึ่งเป็นครูพี่เลี้ยงผู้ช่วยที่กระทำความผิดที่ทำร้ายลูกสาวผมในห้องน้ำ ครูพี่เลี้ยงผู้ช่วยทั้งชุด จึงถูกทางโรงเรียนเชิญออกทั้งหมดทันที ยกเว้นครูประจำชั้นที่เป็นครูหลักที่ยังคงอยู่ (เพราะไม่มีส่วนร่วมกระทำความผิด)

หลังจากเคลียร์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมยังคงให้ลูกสาวเรียนที่นี่ต่อ แต่ก็ใช้เวลาพอสมควรในการเยียวยาจิตใจจากทางครอบครัวและโรงเรียนช่วยกัน (พูดง่ายๆ คือเป็นเด็ก VIP ทั้งโรงเรียนไม่มีใครไม่รู้จักชื่อลูกสาวผมที่ถูกทำร้าย) ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องผมและแฟนได้ขอให้โรงเรียนนี้ติดกล้องวงจรปิดในห้องเรียนทันที และบริเวณโดยรอบห้องเรียน เพื่อที่จะได้ดูลูกสาวได้ถ้ามีอะไรผิดปกติ และผมขอให้ ผอ.ช่วยกำชับให้ครูประจำห้องและครูระดับชั้นอนุบาลทั้งหมด ช่วยดูแลลูกสาวผมเป็นอย่างดี เพื่อเป็นชดเชยกับการที่ลูกผมถูกทำร้ายและเสียขวัญกับการมาโรงเรียน และเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับผู้ปกครองท่านอื่นในภายภาคหน้าต่อไปได้มีโอกาสได้ดูกล้องวงจรปิด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับบุตรหลาน ส่วนผมและแฟนก็ต้องไปคอยเฝ้าดูลูกทุกวันภายในบริเวณใกล้ๆ ห้องเรียน จนเรียนจบเตรียมอนุบาลตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่เรียนอยู่ และทำการย้ายออกจากโรงเรียนเมื่อจบภาคการศึกษา

เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกครั้งกับเด็กอนุบาลโรงเรียนนี้ ทำให้ผมอดคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวเมื่อ 4 ปีที่แล้วว่ามันเจ็บปวดและคับแค้นใจแค่ไหนกับผู้ปกครองของเด็กที่ถูกทำร้าย ทารุณลูกเราเด็กตัวเล็กๆ อายุแค่ 2-3 ขวบ ถูกครูในโรงเรียนที่เราเลือกแล้วคิดว่าดีคงดูแลลูกเราได้ดีเหมาะสมกับค่าเทอมที่เรายอมจ่ายปีนึงหลายๆ หมื่นบาท แต่สิ่งที่ได้คือ “การถูกทารุณและใช้ความรุนแรงกับเด็กที่ยังไม่ประสีประสาและไร้หนทางสู้”

นอกจากเหตุการณ์ทำร้ายเด็กนักเรียนที่เกิดขึ้นในอดีตแล้ว ปัจจุบันกลุ่มผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่ถูกครูจ๋มทำร้ายร่างกาย ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า หลังจากที่บุตรหลานของตนเองถูกครูจุ๋มข่มขู่ ในเรื่องอั้นปัสสาวะ และอีกมากมาย ผลปรากฏว่า บุตรหลานของตนเองมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยผู้ปกครองรายหนึ่งได้เปิดเผยว่า

“เคสน้องเสือลูกชายของตน มีการดึงหูและกระชากหัวอย่างรุนแรง ตอนนี้รอผลทางการแพทย์อยู่ มีการเอกซเรย์ตรวจร่างกาย ทั้งภายนอกและภายใน หลังจากไล่ครูออกจากโรงเรียน มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว อยากให้เยียวยากับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างลูกชายของตนนอนละเมอร้องไห้ และมีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่กล้าเข้าห้องน้ำ เวลาพูดดังๆ จะมีอาการผวา ต้องใช้เวลารักษาเยียวยาจิตใจ ซึ่งมันเอาคืนไม่ได้ ตนคิดว่าน่าจะโดนกระทำตั้งแต่เปิดเทอมหลังจากโควิด-19 อยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด”

“ส่วนผู้ปกครองอีกราย กล่าวว่า ลูกของตนและเพื่อนๆ ที่โดนทำร้ายบอกเหมือนกันว่า ทีชเชอร์ บอกว่า เล่นกันในห้องเรียนแล้วเกิดบาดแผล แต่ตนสังเกตเห็นลูกของตนมีอาการผวาและเกร็ง ตัวสั่น พอสอบถามลูกของตนบอกว่าทีชเชอร์ไม่ให้พูด ตอนนี้ต้องพยายามดูกล้องวงจรปิด ตอนนี้ลูกของตนสารภาพมาแล้วว่าถูกกระทำในห้องน้ำ ทุกวันนี้ตนไม่ทราบว่า ลูกเจ็บต้นขาเพราะอะไร สภาพจิตใจตนกับลูกแย่มาก ตนรับไม่ได้ เรียนโรงเรียนค่าเทอมขนาดนี้แล้วมาโดนทำร้ายแบบนี้ อยากให้สื่อช่วยให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย ส่วนเรื่องวงจรปิดทางโรงเรียนพยายามไม่ให้คลิปกับทางผู้ปกครอง ตนต้องอาละวาดถึงจะได้คลิปมา ซึ่งคลิปที่ได้มาใหม่นี้ เป็นคลิปที่ครูจุ๋มทำร้ายเด็กด้วยการกดหัวเด็กลงกับโต๊ะเรียนที่มีแป้งจนเลอะเต็มหน้า แถมยังมีครูอีกคนเข้ามาซ้ำเติมกดหัวต่อ พร้อมยกขาเตะจนเด็กกลัวร้องไห้ลุกหนี เหตุการณ์แบบนี้ตนรับไม่ได้จริงๆ”


กำลังโหลดความคิดเห็น