ทนายรณณรงค์พาผู้ปกครองเข้าแจ้งความเพิ่ม เอาผิด “ครูจุ๋ม” ทำร้ายเด็กนักเรียนอนุบาล เร่ง ตร.เอาผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ให้ดำเนินคดีทำร้ายร่างกาย โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกินสี่หมื่น ชี้เข้าข่ายเด็กบางรายรักษาตัวเกินกว่า 5 วัน จี้คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สอบมีใบอนุญาตสอนหรือไม่
วันนี้ (26 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ สภ.ชัยพฤกษ์ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมพ่อแม่เด็กนักเรียนอนุบาล 1 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอแจ้งความเพิ่มเติมและยื่นหนังสือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถึง พ.ต.อ.สถิตพร บุณยรัตนพันธ์ ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์ ขอให้ดำเนินการเอาผิดเพิ่มเติมกับ น.ส.อรอุมา หรือ ครูจุ๋ม ปลอดโปร่ง ที่ทำร้ายเด็กนักเรียนอนุบาล โดยรายละเอียดของหนังสือที่ยื่นมีข้อความดังนี้
จากกรณีที่ นางสาวอรอุมา ปลอดโปร่ง ซึ่งเป็นครูในสังกัดโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ได้ทำร้ายบุตร แต่พนักงานสอบสวนมีความเห็นทางกฎหมาย ว่า เป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 อันเป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งไม่เห็นด้วยและมีความเห็นแย้งว่า ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 239 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น 9 ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากการรักษาตัวของผู้เสียหายบางรายเกินกว่า 5 วัน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่ครูจุ๋ม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 และ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กมาตรา 26(1) ประกอบมาตรา 78
รวมทั้งให้ออกหมายเรียกพยานผู้เชี่ยวชาญทั้งนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ เพื่อสอบถามในประเด็นการทำร้ายดังกรณีที่เกิดขึ้น และขอให้ออกหมายเรียกคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน มาสอบถามว่าครูจุ๋มที่ทำร้ายเด็ก ทางสถานศึกษาจะมีบทลงโทษตามกฎหมายอื่นอีกหรือไม่ และตรวจสอบว่าครูจุ๋มมีใบอนุญาตดำเนินการในการเรียนการสอนหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา มาตรา 48 ประกอบมาตรา 79 จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการในส่วนนี้ทุกเรื่องที่ยื่นมาในหนังสือฉบับนี้
ทางด้านผู้ปกครองกล่าวว่า จากที่ดูกล้องวงจรปิด มีเด็กนักเรียนประมาณ 20 คน ที่ถูกกระทำซ้ำๆ ต่างเวลาต่างวัน อย่างเช่นเคสน้องเสือลูกชายของตน มีการดึงหูและกระชากหัวอย่างรุนแรง ตอนนี้รอผลทางการแพทย์อยู่ มีการเอกซเรย์ตรวจร่างกาย ทั้งภายนอกและภายใน หลังจากไล่ครูออกจากโรงเรียน มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว อยากให้เยียวยากับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างลูกชายของตนนอนละเมอร้องไห้ และมีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่กล้าเข้าห้องน้ำ เวลาพูดดังๆ จะมีอาการผวา ต้องใช้เวลารักษาเยียวยาจิตใจ ซึ่งมันเอาคืนไม่ได้ ตนคิดว่าน่าจะโดนกระทำตั้งแต่เปิดเทอมหลังจากโควิด-19 อยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ส่วนผู้ปกครองอีกราย กล่าวว่า ลูกของตนและเพื่อนๆ ที่โดนทำร้ายบอกเหมือนกันว่า ทีชเชอร์ บอกว่า เล่นกันในห้องเรียนแล้วเกิดบาดแผล แต่ตนสังเกตเห็นลูกของตนมีอาการผวาและเกร็ง ตัวสั่น พอสอบถามลูกของตนบอกว่าทีชเชอร์ไม่ให้พูด ตอนนี้ต้องพยายามดูกล้องวงจรปิด ตอนนี้ลูกของตนสารภาพมาแล้วว่าถูกกระทำในห้องน้ำ ทุกวันนี้ตนไม่ทราบว่า ลูกเจ็บต้นขาเพราะอะไร สภาพจิตใจตนกับลูกแย่มาก ตนรับไม่ได้ เรียนโรงเรียนค่าเทอมขนาดนี้แล้วมาโดนทำร้ายแบบนี้ อยากให้สื่อช่วยให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย ส่วนเรื่องวงจรปิดทางโรงเรียนพยายามไม่ให้คลิปกับทางผู้ปกครอง ตนต้องอาละวาดถึงจะได้คลิปมา ซึ่งคลิปที่ได้มาใหม่นี้ เป็นคลิปที่ครูจุ๋มทำร้ายเด็กด้วยการกดหัวเด็กลงกับโต๊ะเรียนที่มีแป้งจนเลอะเต็มหน้า แถมยังมีครูอีกคนเข้ามาซ้ำเติมกดหัวต่อ พร้อมยกขาเตะจนเด็กกลัวร้องไห้ลุกหนี เหตุการณ์แบบนี้ตนรับไม่ได้จริงๆ
ขณะที่ ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาพบ ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม 2 ประเด็น ประเด็นแรก การรักษาพยาบาลของน้องที่ถูกทำร้ายน่าจะรักษาเกิน 5 วัน ไม่น่าจะใช่ความผิดลหุโทษ น่าจะเป็นไปตามกฎหมายอาญามาตรา 295 ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท ไม่ใช่แค่ปรับ 500 แล้วกลับบ้าน ประเด็นที่ 2 ขอให้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก มาตรา 26 อนุที่ 1 กรณีของการทารุณกรรมเด็ก ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตามกฎหมายด้วย ประเด็นที่ 3 ให้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา มาตรา 46 เกี่ยวกับใบอนุญาต การประกอบวิชาชีพ โดยขอให้ทาง ผกก.ทำหนังสือเชิญคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนที่กำกับดูแลสถานศึกษาแห่งนี้มาให้ปากคำว่ากรณีแบบนี้มีความผิดทางกฎหมายตามใบอนุญาตหรือไม่ ต้องดูตามคลิปว่าเด็กถูกทำร้ายในแต่ละวันกี่ครั้ง เนื่องจากต่างกรรมต่างวาระ จะปรับ 500 แล้ว จบเรื่องมันง่ายไป ตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการในการลงโทษเด็กไม่ให้มีการทำร้ายร่างกายอยู่แล้ว เมื่อมีวงจรปิดโรงเรียนดังกล่าว เป็นโรงเรียนเอกชนผู้บริหารไม่เคยดูวงจรปิดเลยหรือ แล้วห้องอื่นจะมีเหตุการณ์แบบนี้ไหม วันนี้ที่มาอยากได้คำตอบว่า ทางคณะกรรมการการศึกษาเอกชน เขาเห็นกรณีแบบนี้จะมีส่วนกลางเข้ามาสอบสวนเรื่องนี้หรือไม่