“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“การเป็นคนกับการเป็นมนุษย์นั้น ต่างกันไกลลิบ การเป็นคน พอสักว่าได้เกิดมาเป็นคนได้แล้ว ส่วนการเป็นมนุษย์นั้น หมายเฉพาะผู้มีใจสูง ใจสูงชนิดที่น้ำ กล่าวคือ ความชั่วและความทุกข์ท่วมไม่ถึง”
นั่นเป็นนิยามความเป็น “มนุษย์” ต้องเหนือความเป็น “คน” ของ “ท่านพุทธทาสภิกขุ”
หลัง “จารย์โต้ง-ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” ได้เข้าไปเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วน หลังการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550
บทบาทในสภาครั้งนั้น “จารย์โต้ง”ได้เป็น “ประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน” ของสภาผู้แทนราษฎร และ “จารย์โต้ง” ยังเป็น“ประธานกลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อเมียนมา (AIPMC)” ซึ่งต่อมาในปี 2556 องค์กรนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Asean Parliamentarians for Human Rights (APHR) ปรับบทบาทและภารกิจ ให้ครอบคลุมประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนทั่วภูมิภาคอาเซียน ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในเมียนมา โดย“จารย์โต้ง”เป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง APHR
นอกจาก “จารย์โต้ง” จะเป็น “ประธานมูลนิธิ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ”แล้ว ยังเป็น “ประธานมูลนิธิฟรีแลนด์(Freeland)” ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานด้านการต่อต้านการลักลอบค้าสัตว์ป่าและค้ามนุษย์ และยังเป็น“ประธานเครือข่ายแม่น้ำนานาชาติ (International River Network)”ด้วย
อีกทั้ง“จารย์โต้ง”ยังเป็น “กรรมการบริหารมูลนิธิศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร” ที่บริหาร“หอศิลปะกรุงเทพมหานคร”ที่สี่แยกปทุมวัน โดย“จารย์โต้ง” เป็นทั้งผู้ริเริ่มและกำลังสำคัญ ร่วมกับเพื่อนพ้องน้องพี่มากมาย ผลักดันให้เกิดโครงการนี้ ในยุค “พิจิตต รัตตกุล” เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก่อนจะสร้างเสร็จในยุคของ“อภิรักษ์ โกษะโยธิน” เป็นผู้ว่ากทม.
งานเขียน 19 ตอนจบของผมชุดนี้ เป็นผลงานแค่เพียงเศษเสี้ยวของ“จารย์โต้ง-ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ”เท่านั้น
ด้วยชีวิต 72 ปี 8 เดือน ของ“จารย์โต้ง-ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายหลายหลาก มีทั้งน้ำตาคละเคล้าเสียงหัวเราะ ต้องเผชิญทุกข์ระทมผสมสุขสมอารมณ์หมาย โดย “จารย์โต้ง”ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับกิจกรรมมากมาย ทั้งทางการเมือง-สิ่งแวดล้อม-การศึกษา-ศิลปะวัฒนธรรม ฯลฯ
“จารย์โต้ง” รักการอ่านหนังสือและเขียนบทความ ซึ่งชี้ให้เห็นถึง “ผู้มีอำนาจ” ที่เป็นผู้สร้างปัญหาอันเลวร้ายในด้านต่างๆ ในชาติไทยและอาเซียน รวมทั้ง “ชาติมหาอำนาจโลก” ที่เอาเปรียบชาติอ่อนแอกว่า ฯลฯ
“จารย์โต้ง”มักชื่นชอบการถกแถลง กับนักวิชาการและ“คอการเมือง” ถึงปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับประชาธิปไตยเลือกตั้งของชาติไทย ที่การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมที่ผ่านพ้นร่วม 90 ปี เพราะนักการเมืองมากมายที่ “จารย์โต้ง”รู้จักนั้น มิได้ทำให้การเมืองไทยพัฒนาดีขึ้นเท่าที่ควรเลย
ด้วยยามใดที่ “นักการเมือง”ได้เป็นฝ่ายรัฐบาล ก็มักจะสมคบกันแสวงหาผลประโยชน์ ด้วยการเสนอโครงการน้อยใหญ่ต่างๆ ด้วยงบประมาณของรัฐเพื่อคอร์รัปชั่นโกงชาติเสมอ จนเป็นหนึ่งในต้นเหตุอันสำคัญยิ่ง ที่ทำให้การเมืองไทย “ถอยหลังลงคลอง” มาตลอด
อีกทั้งยังทำให้ “คณะนายทหาร” ใช้เป็นข้ออ้าง ก่อการรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่เคยปฏิรูปการเมืองชาติ เพื่อทำให้“นักการเมืองเลือกตั้ง” และการเมืองไทย พัฒนาขึ้นแม้แต่น้อย นอกจาก“นักการเมืองรัฐประหาร” จะไม่แก้ต้นเหตุปัญหาสำคัญๆ แล้ว “คณะรัฐประหารบางคน” ยังโกงชาติจนร่ำรวยอีกต่างหาก
โดย “จารย์โต้ง” เคยแลกเปลี่ยนเรื่องนี้กับผมอยู่บ่อยครั้ง ว่านักการเมืองทั้งสองรูปแบบที่ผ่านมานั้น ไม่อาจเป็นความหวังที่จะทำให้ชาติเจริญ และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้เท่าที่ควร แถมยังกลายเป็น“ต้น
"เหตุปัญหา” ที่เป็น “อันตรายร้ายแรง” ต่อความมั่นคงของชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-ประชาชนอีกด้วย
เหตุการณ์ “เลือกตั้งกับรัฐประหาร” ที่ผ่านมา ทำให้ “จารย์โต้ง”เคยพูดกับผมว่า
“..ชัช..เผด็จการทหารไม่มีใครจะตรวจสอบ และไม่ได้ทำให้ชาติดีขึ้นเท่าที่ควร ถึงแม้พวกนักการเมืองประชาธิปไตยเลือกตั้งจะขี้โกง ก็ยังมีสื่อกับฝ่ายค้านตรวจสอบเปิดโปงความชั่วและชุมนุมขับไล่ได้ ที่สำคัญผู้ด้อยโอกาสชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยได้ไม่มากก็น้อย..จริงไหม..ชัช?”
ยามมีโอกาสได้พักผ่อนหย่อนใจ “จารย์โต้ง” จะจมอยู่คนเดียวกับเสียงดนตรี ด้วยการร้องเพลงเล่นกีต้าร์ หรือเล่นดนตรีกับมิตรสหายอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในงานวันเกิดของ “จารย์โต้ง” จะมีการตั้งวงเล่นดนตรีกันอย่างสนุกสนานเสมอ “แขกคนสำคัญ” ของ “จารย์โต้ง” ที่จะขาดไม่ได้ นั่นคือ “ท่านผู้หญิงบุญเรือน” กับ “น้าชาติ”มาอวยพรวันเกิดลูกชาย
“น้าชาติ” พูดกับผมขณะ“จารย์โต้ง” กำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลง “อิมเมจิน” ของ “จอห์น เลนนอน”ว่า
“ตอนผมต้องไปอยู่ต่างประเทศ เจ้าโต้งชอบไปคลุกคลีตีโมงอยู่กับคนจน ส่วนใหญ่โต้งชอบไปเล่นดนตรีสไตล์เพลงบลูส์กับคนผิวดำ”
ใช่เลยใช่จริงๆ..นอกจาก “จารย์โต้ง”จะชอบเพลงร็อคและเพลงของ “เดอะบีทเทิ้ล” แล้ว แต่เพราะ“จารย์โต้ง” มีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเห็นอกเห็นใจผู้ด้อยโอกาส ทำให้ “ลูกชายน้าชาติ” ชื่นชอบ “เพลงบลูส์” เป็นพิเศษ ที่รากฐานเพลงเกิดจาก“คนผิวดำ”
ดังนั้น หากใครได้ไปเยือนห้องทำงาน “จารย์โต้ง”ในซอยราชครู นอกจากจะเห็นหนังสือมากมายแล้ว ยังจะเห็นแผ่นดีวีดีเพลงบลูส์เยอะแยะอีกด้วย โดยเฉพาะเพลงบลูส์ของนักร้องนักดนตรีระดับโลก อย่าง “บีบีคิงส์-จอห์น ลีฮุคเกอร์-อีริค แคลปตัน” ฯลฯ
ส่วนเพลงเพื่อชีวิตของนักร้องนักดนตรีไทยนั้น “จารย์โต้ง”ชื่นชอบเพลงของวงดนตรี “คาราวาน” โดยชอบเพลงของ“หงา-สุรชัย จันทิมาธร” เป็นพิเศษ เพราะ “จารย์โต้ง” ชอบเนื้อร้องและทำนองดนตรีของ “หงา”
“จารย์โต้ง ”เคยบอกกับผมเรื่อง “หงา”ว่า “..พี่ชอบเนื้อเพลงหงาเป็นกวี ลายดนตรีหงาก็ลื่นไหลด้วยคอร์ดกีต้าร์ง่ายๆ ผมว่าเพลงของหงาสะท้อนปัญหาได้อย่างตรงไปตรงมา มีเสน่ห์จริงๆ นะชัช..”
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ “จารย์โต้ง” จะร่าเริงมีความสุขเป็นพิเศษทุกครั้ง ที่ได้เป็นแขกรับเชิญขึ้นเล่นกีต้าร์และร้องเพลงในคอนเสิร์ต ร่วมกับมิตรสหายอย่าง“หงา-คาราวาน”
“จารย์โต้ง” พูดได้หลายภาษา ดังนั้น งานวันเกิดปีหนึ่งของ “สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง” นักธุรกิจใหญ่ที่เป็นหนี้กว่า 2 แสนล้านบาทในยุค “วิกฤตค่าเงินบาท” เจ้าของคำพูด “ไม่มี-ไม่หนี-ไม่จ่าย”
“พี่สวัสดิ์” ใกล้ชิดสนิทกับ “น้าชาติ” และ“จารย์โต้ง” ผมจึงชวน “จารย์โต้ง” ไปงานซึ่งจัดที่โรงแรมแห่งหนึ่งด้วยกัน
ครั้งนั้น “จารย์โต้ง”ได้กระโดดขึ้นบนเวที คว้ากีต้าร์ไฟฟ้าออกไปเล่นและร้องเพลง “เบสซาเม” ซึ่งเป็นเพลงสเปนจนผู้คนในงานชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเพลงใหม่ดังขึ้น “พี่สวัสดิ์” กับ “จารย์โต้ง”ก็เต้นสไตล์ชาวลาตินบนเวทีอีกพักใหญ่
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตผม ที่ได้เห็น“จารย์โต้ง”ร้องเพลงเล่นดนตรี แถมยังเต้นยักย้ายส่ายสะโพกบนเวทีอย่างมีความสุขอีกด้วย เฮ้อ..งานเลี้ยงย่อมต้องเลิกรา..การลาจากย่อมมาถึง..
การเดินทางของ“มนุษย์ทุกคน” สิ้นสุดที่ “ความตาย”!
“ความตาย” เป็นบทสรุปการกระทำตลอดชีวิตว่า มนุษย์คนใด-เป็นแค่ “พลอย” หรือเป็น “เพชร” ล้ำค่า?
จะสูญหายไปอย่างไร้ค่าจากความทรงจำของ “มนุษย์ทุกคน”!
“มนุษย์เพชร”จะดำรงคงคุณค่าชั่วนิรันดรในความทรงจำของ “มนุษย์ทุกคน”!
“มนุษย์ทุกคน” มีทั้ง “ทำดี” เป็นหลัก หรือ “ทำชั่ว” เป็นหลัก!
มนุษย์-ที่ทำแต่ความดีเป็นหลัก! “ตัวตาย” แต่ “ความดีไม่มีวันตาย”!
มนุษย์-ที่ทำแต่ความชั่วเป็นหลัก! มัก “ตายก่อนตัวตาย” และ“ตายไปพร้อมตัวตาย”!
เมื่อลมหายใจสุดท้ายยุติการเดินทางลง! ชีวิตมนุษย์ทุกคนจะถูกตรวจตราอย่างครบถ้วน!
ชีวิตผมเดินทางผ่านฤดูกาลนาน 68 ปี ได้รู้จักในบางห้วงชีวิต 72 ปี 8 เดือนของ “จารย์โต้ง” จึงขอบอกไว้ ณ ที่นี้ว่า
“โต้ง-ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” คือ “เพชรแท้อันล้ำค่าเม็ดหนึ่ง” ของชาติและประชาชนไทย!
ขอร่วมส่ง “จารย์โต้ง-มนุษย์คุณภาพ” เดินทางสู่สรวงสวรรค์...ด้วยรักเสมอ
วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2563