“รุ้ง” ชกข้ามรุ่น หยาบคายกับ “ชวน” “อดีตบิ๊ก ศรภ.” ให้นึกถึงครอบครัวบ้าง ไม่มีใครสอน ก็น่าสอนตัวเอง “อดีตรองอธิการ มธ.” เศร้า! ยกคุณูปการ “ชวน” ประวัติไม่ด่างพร้อย “เจี๊ยบ” ก็ไม่เบา “หมอวรงค์” ทันเกม “สาธารณรัฐไทย” โผล่
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (25 ก.ย. 63) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟกบุ๊กหัวข้อ “ว่าด้วยเรื่อง..สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล”
โดยระบุว่า “การที่ “รุ้ง” ออกมาเขียนคำนั้น ฝากไปถึง อดีตนายกฯชวน (หลีกภัย) นั้น ถือว่าเป็นความสำเร็จที่มหาวิทยาลัยไม่มีสอน และเชื่อว่า “ครอบครัว” ของรุ้ง ก็คงไม่สอนเหมือนกัน
รุ้งไม่เกรงใจคุณชวน หรือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั้นนับว่า แย่อยู่แล้ว
แต่ควรเกรงใจคนในครอบครัวบ้าง เมื่อเวลาท่ี่พวกเขาต้องไปเจอคนอื่น
ซึ่งจะทำให้พวกเขาต้องทนต่อสายตาท่ีไม่เป็นมิตร ดูถูก เหยียดหยามแทนรุ้ง
พูดถึงเรื่องรัฐธรรมนูณนั้น ขอถามจริงๆ ว่า รุ้งเคยอ่านจนจบไหม
รู้ไหมว่า มีกฎหมายลูกที่ซับซ้อนกี่ฉบับ แต่ละฉบับมันมีที่มาอย่างไร และของทุกอย่างมันต้องมีทั้งดีและไม่ดี รู้ไหมว่า รัฐธรรมนูณฉบับนี้ดี หรือไม่ดีตรงไหน และทำไมจึงต้องออกมาเน้นไปที่การต่อต้านคนโกง
สุดท้ายที่ว่ารัฐบาลนี้เป็นเผด็จการ ลองหันไปดูประเทศอื่น ซิว่า มีประเทศไหนที่ปล่อยให้มีการ “ละเมิด” สิทธิของคนอื่นแบบนี้บ้าง หรือลองไปด่าทอผู้นำประเทศอื่นแบบนี้ ในประเทศเค้าดูซิ รับรองว่าได้ไปนั่งทบทวนความประพฤติในคุกนานแล้ว
ถึงไม่มีใครอบรมเรา คนที่มีวุฒิภาวะพอก็สามารถเรียนรู้อบรมตัวเองได้ เพราะเราเกิดเป็นคน ถ้าจิตใจไม่ต่ำตมจนเกินไปนัก ก็ไม่ยากที่จะพัฒนา
ดูอย่างวัวควายซิครับ หมั่นฝึกฝน มันยังพูดรู้เรื่องเลยครับ”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“กำลังรู้สึกหายเหนื่อย ที่ต้องใช้เวลา เรียบเรียงความคิด เพื่อเขียนโพสต์เมื่อวานให้เข้าใจง่าย เพราะมีคนกด like กว่า 2 พันคน และมีคนกด share กว่า 1 พันคน
แต่แล้วก็ต้องรู้สึกอึ้ง และหดหู่ เมื่อเห็นโพสต์ของ คุณรุ้ง ปนัสยา (ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม) เช้านี้
โพสต์ของคุณรุ้ง เป็นโพสต์ถึง คุณชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และ ส.ว.ทั้งหมด
เกี่ยวกับผลการลงมติของรัฐสภา เรื่องญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า
“ถึงชวน หลีกภัย และ ส.ว.ทุกคนนะคะ
.......... ค่ะ”
คำที่เว้นว่างไว้เพราะเป็นคำหยาบ ไม่สามารถลงได้นะครับ ถ้ายังไม่เห็นแล้วอยากเห็น ก็ไปหาดูจากที่อื่นแล้วกัน
โพสต์ของคุณรุ้ง มีคนกด like ถึงกว่า 5 พัน มีคนแชร์กว่า 1 พัน
คุณชวน หลีกภัย เป็นนักการเมือง และเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีประวัติการทำงานที่ใสสะอาด ปราศจากความด่างพร้อยทั้งปวง ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป และเป็นศิษย์เก่าอาวุโสของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ประธานรัฐสภา ของคุณชวน ได้รับการยอมรับว่า ทำได้อย่างดีเยี่ยม ทันเกม แม่นกฎ แม่นระเบียบ ควบคุมการประชุมได้อย่างแทบไม่มีที่ติ อีกทั้งยังมีมุกที่เฉียบคม ทำให้ที่ประชุมที่กำลังตึงเครียด ผ่อนคลายลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ที่สำคัญคือ คุณชวน มีความเป็นกลางสูงมาก
เช้านี้ น่าเศร้า ที่มีนักศึกษาธรรมศาสตร์รุ่นหลานคนหนึ่ง โพสต์ข้อความถึงคุณชวนด้วยคำหยาบคายเช่นนี้ เพียงเพราะมติที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของสภา ออกมาไม่ถูกใจพวกเขา
หวังว่า ผู้ที่กด like กด share จำนวนมาก จะไม่ใช่คนจริงทั้งหมด เพราะหากคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่เห็นดีเห็นงามกับพฤติกรรมของคุณรุ้งครั้งนี้ เราจะฝากบ้านเมืองให้อยู่ในมือพวกเขาในอนาคตได้หรือ
อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่า ยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้ติดตาม ยิ่งไม่ได้ศึกษา เรื่องการขอแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ จึงอาจไม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้
โพสต์ของผมครั้งต่อไป จึงจะเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เพื่อให้ท่านที่ติดตาม ได้เข้าใจได้ชัดเจนขึ้น
คอยติดตามนะครับ.”
อย่างไรก็ตาม เมื่อหันมาดู เฟซบุ๊กของฝ่ายที่สนับสนุนม็อบ และ ส.ส.พรรคก้าวไกล อย่าง เฟซบุ๊ก Amarat Chokepamitkul ของ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือที่รู้จักกันในหมู่คนเสื้อแดง ว่า “เจี๊ยบ นครปฐม” ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ว่า
“เสียงกู่ตะโกนนอกสภานั่นคือเสียงเจ้าของประเทศ
ฝีพายเรือโจรอย่างนายชวนสมควรตรวจสอบจริยธรรมตัวเองด้วย
#ประธานฮซ
https://www.facebook.com/435721019966430/posts/1464393583765830/
พร้อมแชร์ เฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา โพสต์ว่า
“เราทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว อย่าหวั่นไหวกับเสียงภายนอก”
นายชวน หลีกภัย
ประธานรัฐสภา
บอกได้คำเดียวว่า #ปลื้มพ่อมึงเป็นเห..อะไร”
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากที่ประชุมรัฐสภา วานนี้ (24 ก.ย.) มีมติเสียงข้างมาก 432 เสียง ต่อ 255 เสียง เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 121 (3) เพื่อมาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ญัตติ ในกรอบเวลา 30 วัน ก่อนที่จะนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับมาให้ที่ประชุมรัฐสภา ลงมติใหม่ในสมัยประชุมหน้า เดือนพฤศจิกายน
สำหรับกรรมาธิการที่ตั้งขึ้น ประกอบด้วย ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้าน รวมไปถึงวุฒิสภา จำนวน 45 คน แต่ 6 พรรคการเมืองฝ่ายค้าน รวมไปถึงพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เห็นด้วย และไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม เนื่องจากเห็นว่า รัฐบาลไม่จริงใจต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ...
ที่น่าสนใจ ไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี โพสต์หัวข้อ “#ต่อต้าน Republic of Thailand #Kingdom of Thailand”
เนื้อหาระบุว่า “หลังจากที่สภา ยังไม่ลงมติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ คนเหล่านี้ก็เปิดโพยเป้าหมายตามคาด นั่นคือ การปั่นกระแส #Republic of Thailand
จึงไม่แปลกที่กลุ่มไทยภักดี พยายามค้านหัวชนฝา เพราะมองเกมคนเหล่านี้ออก ตั้งแต่พยายามล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่มาอ้างเพื่อการปฏิรูป
หวังใช้ ส.ส.ร.เป็นเครื่องมือ ในการเดินเกมแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายสาธารณรัฐ และใฝ่ฝันอยากเป็นประธานาธิบดี แต่ก็ใจร้อนเองที่มาปั่นกระแส #Republic of Thailand เท่ากับว่า เปิดหน้ากากตนเอง ให้ประชาชนรับรู้
ผมคิดว่า คนพวกนี้กำลังสมคบกับต่างชาติ เพื่อครอบงำประเทศไทย ที่สำคัญคือ มีรายงานทางวิชาการยืนยันชัดเจนว่า การปั่นกระแส # มากกว่า 90% นั้น มาจากต่างประเทศ ซึ่งแสดงว่า นักการเมืองไทยบางกลุ่ม กำลังสมคบกับต่างชาติ ปั่นกระแส #Republic of Thailand เพื่อครอบงำประเทศไทย และเปลี่ยนให้เป็นสาธารณรัฐ
ขอให้พี่น้องคนไทยทุกท่าน เชื่อมั่นความเป็นราชอาณาจักรไทย ร่วมกันคัดค้านการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปเป็นสาธารณรัฐ เพื่อตามก้นตะวันตก และตอบสนองนักการเมืองบางคน สิ่งที่ดีที่สุดคือ ต้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ถึงที่สุด
#ต่อต้าน Republic of Thailand
#ราชอาณาจักรไทย”
แน่นอน, นี่คือ ผลพวงจากการที่รัฐสภา ไม่ลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมเยาวชนปลดแอก และกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม เรียกร้องเอาไว้ และประกาศกร้าวที่จะกดดันอย่างถึงที่สุด แต่ก็ทำได้แค่แสดงพลังปิดล้อมรัฐสภา
แต่ถึงกระนั้น การที่ “รุ้ง-ปนัสยา” ด่า “ชวน” และ ส.ว.อย่างหยาบคาย เกินกว่าที่หลายคนจะรับได้นั้น ดูเหมือนนี่คือ “จริต” อีกอย่างของคนรุ่นใหม่ ที่มักพูดจา ไม่มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ หรือผู้คนที่มีอาวุโสกว่า หรือแม้แต่กับพ่อแม่ บางคนก็พูดจาไม่ให้ความเคารพอยู่แล้ว
ยิ่งมีคนมาปั่นกระแส “ปลดแอก” เสรีภาพ มอบเมาความเชื่อเสรีภาพแบบไร้ขอบเขต ไม่ต้องยึดติดอะไรทั้งสิ้น (แม้แต่กฎหมาย นับประสาอะไรคำพูด...) นอกจากสิ่งที่ตัวเอง “ต่อสู้” เพื่อให้ได้ตามต้องการ แม้หลายคนยังไม่ชัดเจนด้วยซ้ำว่า สู้กับอะไร เพื่อประโยชน์สูงสุดของใคร ประชาชนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง หรือ บุคคลคนที่ยุยงอยู่เบื้องหลัง
ใครที่คิดแก้ปัญหาประเทศ โดยเฉพาะนักการเมือง นี่คือ โจทย์ใหญ่ของอนาคต ว่า ลูกหลานจะต้องอยู่กับสภาพการเมือง และสภาพแวดล้อมทางสังคมอย่างไร มีสิ่งยึดเหนี่ยวหรือไม่
แล้วก็มาถึงประเด็นของ “หมอวรงค์” ก่อนหน้านี้ ก็ต้องบอกว่า แค่ "หางโผล่” คราวนี้ “หัวโผล่” ออกมาโจ่งแจ้ง เห็นแล้วรู้เลยว่าตัวอะไร
สุดท้าย ก็อยู่ที่คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ว่าจะเอาอย่างไรดี กับ ประเทศไทยในวันนี้และในอนาคต ฝากไว้กับกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้หรือไม่ ก็ลองคิดดู.