xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อธนาคารโดนข้อหาฟอกเงิน...

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์



“เบื้องหลังของความมั่งคั่ง คืออาชญากรรม” Honore de Balzac คำพูดโดยนักประพันธ์รายนี้ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความจริงเสมอ โดยเฉพาะหน้าฉากของความโอ่อ่าของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ มีกิจกรรมข้ามชาติ มักมีกิจกรรมผิดกฎหมาย

การฟอกเงิน การย้ายเงินจำนวนมากผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถทำได้ง่าย และเป็นการยากสำหรับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการฟอกเงินจะตามล่าได้ในเร็ววัน เพราะการเคลื่อนย้ายทำได้เพียงใช้เวลาไม่กี่นาที ก็โอนถ่ายไปหลายแหล่ง

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 1 ของอังกฤษ HSBC ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมฟอกเงินให้กลุ่มผู้หลอกลวงโดยใช้รูปแบบแชร์ลูกโซ่ คือ Ponzi Scheme ซึ่งมีตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำในสหรัฐอเมริกาช่วงปี 1930 โน่น

เรื่องฉาวกรณีช่วยกลุ่มอาชญากรฟอกเงิน ไม่ใช่ข้อกล่าวหาใหม่สำหรับธนาคารแห่งนี้ ซึ่งเคยมีสำนักงานใหญ่บนเกาะฮ่องกง และถูกย้ายออกไปก่อนที่รัฐบาลอังกฤษจะส่งมอบเกาะฮ่องกงให้รัฐบาลจีนในปี 1997

ข้อกล่าวหาเรื่องฟอกเงินทำให้ราคาหุ้นของธนาคารดิ่งตกต่ำสุดตั้งแต่ปี 1995 หลังจากถูกสอบสวนและค้นพบว่าธนาคารได้ยอมให้กลุ่มนักฉ้อฉลทางการเงินถ่ายโอนเงินดอลลาร์สหรัฐจำนวนหลายล้านไปทั่วโลก แม้ว่าหลังจากรับรู้เรื่องการฉ้อฉล

รายงานจากแฟ้มลับเปิดเผยว่าธนาคารถูกกดดันอย่างหนักหลายด้านมีผลกระทบต่อผลประกอบการหลังจากความตึงเครียดทางการเมืองในฮ่องกงและการระบาดของโคโรนาไวรัส ทำให้ราคาหุ้นวันจันทร์ที่ผ่านมาตกมากกว่า 4 เปอร์เซ็นต์

ราคาซื้อขายต่ำกว่า 30 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น หรือ 3 ปอนด์ ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ในปีนี้การซื้อขายหุ้นของ HSBC บนตลาดหุ้นลอนดอน แสดงให้เห็นราคาตกต่อเนื่องถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นับว่าหนักหนาสาหัสมากด้านผลประกอบการ

แม้สำนักงานใหญ่ HSBC ถูกย้ายไปอังกฤษ ธนาคารต้องพึ่งการทำกำไรมากกว่าครึ่งจากการทำธุรกิจในฮ่องกงซึ่งเป็นศูนย์กลางตลาดเงินในเอเชีย

ในแฟ้มลับ FinCEN Files มีรายงานเรื่อง “กิจกรรมน่าสงสัย” ว่าธนาคาร HSBC ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวโยงกับการฟอกเงินจำนวน 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 62 ล้านปอนด์ และได้โอนเงินผ่านสหรัฐฯ ไปยังบัญชีต่างๆ ใน HSBC ในฮ่องกง

กิจกรรมที่ว่านั้นระบุช่วงเวลาการโอนถ่ายเงินมีที่มาน่าสงสัยในปี 2013-2014 แต่ธนาคารอ้างว่าได้ทำหน้าที่ทุกอย่างตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้

การโอนเงินภายใต้ Ponzi Scheme เริ่มขึ้นหลังจากธนาคารถูกปรับ 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐฯ โดยข้อหาฟอกเงิน หลังจากนั้นธนาคารให้คำมั่นว่าจะเฝ้าระวังพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายด้านการเงิน

ทนายความของลูกค้าที่ถูกโกงโดยวงแชร์ลูกโซ่ ระบุว่าธนาคารควรรับรู้ถึงปัญหาด้านนี้ และปิดบัญชีกลุ่มนักฟอกเงิน และพวกฉ้อฉลตั้งแต่เนิ่นๆ

แฟ้มลับดังกล่าวยังระบุด้วยว่าธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ก็ถูกสงสัยว่ามีส่วนในการฟอกเงินของกลุ่มอาชญากรมาเฟียชั้นนำ วงเงินสูงมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

แฟ้มลับยังมีเอกสารที่ถูกเปิดเผยมากถึง 2,657 รายการ และมีกิจกรรมน่าสงสัยเกี่ยวกับการเงินมากกว่า 2,100 ราย ซึ่งเป็นพฤติกรรมน่าสงสัยว่ามีการกระทำผิดกฎหมายการเงิน เป็นข้อมูลที่ธนาคารส่งให้ทางการกรณีมีลูกค้าน่าสงสัยว่าทุจริต

การฟอกเงินส่วนใหญ่กระทำผ่านบัญชีของธนาคารขนาดใหญ่ มีชื่อเสียง และใช้บริษัทในอังกฤษซึ่งไม่เปิดเผยชื่อเป็นทางผ่านเงินสดจำนวนมาก

ก่อนหน้าเรื่องนี้จะโดนปูดในแฟ้มลับนี้ ธนาคารได้เผชิญแรงกดดันจากหลายด้าน ทำให้มีผลกระทบต่อราคาหุ้น จนอ่อนตัวลงตามลำดับ ทำให้ธนาคารต้องเตรียมสำรองเงินเผื่อหนี้เสียเป็นจำนวนระหว่าง 8-13 พันล้านดอลลาร์ ในปีนี้

และยังคาดหวังว่าจะมีหนี้เสียและหนี้สูญอีกมากเพราะธุรกิจล้มเหลว และลูกค้าส่วนบุคคลไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด เนื่องจากผลกระทบโดยโคโรนาไวรัส

ในเดือนสิงหาคม ธนาคารรายงานการลดต่ำของกำไรก่อนหักภาษีสำหรับผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกมากถึง 65 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 4.3 พันล้านปอนด์ ถือว่าเป็นการลดลงอย่างมากกว่าการคาดการณ์โดยนักวิเคราะห์

ซ้ำร้าย ธนาคารยังได้มีบทบาทเกี่ยวข้องในปัญหาการเมืองของฮ่องกง เมื่อแสดงท่าทีสนับสนุนกฎหมายความมั่นคงที่รัฐบาลจีนได้ประกาศใช้บังคับในฮ่องกง ธนาคารจึงโดนตำหนิอย่างหนักโดยรัฐบาลสหรัฐฯ และอังกฤษ

HSBC จึงพยายามเดินหน้าโดยการปรับโครงสร้างการบริหารในกิจการทั่วโลกเพื่อลดผลกระทบทางผลประกอบการในธุรกิจธนาคารโดยตรง โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ โนเอล ควินน์ ซึ่งเพิ่งได้รับหน้าที่ในเดือนมีนาคมปีนี้

ควินน์ประกาศว่าจะเน้นการทำธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย หลังจากผลประกอบการในยุโรปขาดทุนหนัก การปรับโครงสร้างครั้งนี้จะเกี่ยวโยงกับการลดจำนวนพนักงานมากถึง 35,000 คน จากสาขาทั่วโลก

แฟ้มลับยังระบุชื่อธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด อีกด้วย แต่ไม่ชี้ชัดเรื่องข้อกล่าวหา ทำให้ราคาหุ้นในตลาดฮ่องกงตกในการซื้อขายวันจันทร์ที่ผ่านมา

จากผลกระทบเรื่องฮ่องกง และแรงกดดันจากจีน HSBC อาจต้องตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจในซีกโลกตะวันตกหรือในเอเชีย ซึ่งมีศักยภาพในการทำรายได้มากกว่า


กำลังโหลดความคิดเห็น