วิกฤตศรัทธา ความน่าเชื่อถือ

"โสภณ องค์การณ์"

บอกแล้วว่าคดี “ขับรถชนตำรวจตายแล้วหนี” มีทายาทอภิมหาเศรษฐีเป็นผู้ต้องหา ที่ยื้อมาหลายปีนั้น จะเป็นตัวประเมินความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ของนายกฯ ลุงตู่ ของกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และของประเทศไทย มาถึงวันนี้...แล้วไง?

ไม่เหนือความคาดหมาย ว่างานนี้จะไม่สรุปจบได้ง่ายๆ ถ้าต้องถูกส่งต่อไปผ่านมือเจ้าของฉายา “เนติบริกร” ผู้มีมันสมองปราดเปรื่องเรื่องช่องทางกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ลุงตู่ผู้นำห้าวเป้งประกาศว่า เงื่อนงำที่ผ่านมานั้น “ผมไม่ OK นะ”
มาบัดนี้หลักฐานการสอบสวนโดยคณะของ คุณวิชา มหาคุณ เสร็จภายใน 1 เดือนได้ชี้ชัดว่าใครเป็นใครที่เกี่ยวโยง เป็นต้นเหตุและตัวเดินเรื่องภารกิจสมคบคิดช่วยเหลือทายาทเศรษฐีให้หลุดคดี ถ้าเอากันจริง สาวให้หมด ต้องติดคุกเป็นร้อย

ความหวังเช่นนั้นเริ่มรางเลือน เพราะผลการสอบที่ว่านั้นส่งต่อไปยัง ป.ป.ท. ซึ่งเป็นองค์อิสระสำหรับสอบข้าราชการทุจริต ประพฤติมิชอบ จากนั้นเรื่องก็แยกแยะส่งไปยังหน่วยต้นสังกัดต่างๆ ของผู้เกี่ยวข้องเรื่องนี้ที่ถูกระบุว่ามีอยู่รวม 8 กลุ่ม

การสอบสวนกลายเป็นเบี้ยหัวแตก ไม่มีกำหนดว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ลีลาแบบนี้ชาวบ้านที่รู้เล่ห์พวกศรีธนญชัยซึ้งว่าเป็นการยื้อ โยกโย้ ถ่วง หน่วงเหนี่ยว ลากยาว ซึ่งผลสุดท้ายก็ไม่มีอะไร เหมือนกับการลากอวนยาวมีรูโหว่ จับปลาหรืออะไรก็ไม่ได้
ไม่ต้องหวังเพราะกลุ่มคนรู้ทัน ย่อมรู้ล่วงหน้าแล้วว่าลุงและพวกจะไม่มีวันยอมให้คนในคณะกรรมาธิการของ สนช. ที่เปิดช่องกระบวนการสอบใหม่จนนำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องโดยรองอัยการสูงสุด ถูกดำเนินคดีจนถึงขั้นติดคุก หรือมีโทษอาญา
โธ่! ดูรายชื่อคณะกรรมาธิการล้วนเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่สามัคคีร่วมเสพสุขสโมสรทั้งนั้น มีนายพลทหาร ตำรวจ อัยการ ตุลาการ ทนายความ ข้าราชการ ตัวเป้งๆ ทั้งนั้น มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับกระบวนการฟอกโดยกลุ่มหน้าด้าน

พวกนี้จะมีคดีอาญาได้อย่างไร เพราะเป็นเครือข่ายของ deep state ซึ่งกุมอำนาจรัฐโดยกฎหมายและอิทธิพลสารพัด มีเครือข่ายพวกนอกกฎหมายพร้อมรับใช้ เพราะเชื่อมั่นว่าลุงผู้นำจะไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น จะตากหน้าสู้คำครหาที่จะมา

ณ บัดนี้สังคมเชื่อว่าลุงผู้นำจะยอมให้เกียรติภูมิ ความน่าเชื่อถือของประเทศเสื่อมโทรมในสายตาของชาวโลก เพราะไม่ใส่ใจเรื่องความน่าเชื่อถือของรัฐบาล เพราะไม่มีอะไรเหลือมากอยู่แล้ว ในสายตาของคนรู้ทัน เว้นแต่ชาวติ่งนักดูโลกสวย

อย่างที่ได้ว่าไว้ คดีบ่อนพระราม 3 และ คดี “บอส” จะเป็นตัววัดความเอาจริงของลุง เพราะคำประกาศอย่างห้าวหาญ ดูแล้วรู้สึกดี เว้นแต่พวกคนรู้ทัน เพราะลีลาอย่างนี้มักจะเป็นบ้องไม้ไผ่ซึ่งกลายเป็นบ้องกัญชาในขั้นสุดท้าย ไม่เป็นอื่นเด็ดขาด

ลุงหรือจะยอมให้เพื่อนพ้องน้องพี่คนรู้จักกัน ลูบหน้าก็ปะจมูก หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อได้ถูกดำเนินคดี เครือข่ายพวกนี้สะท้อนให้เห็นความเสื่อมโทรมของระบบประเทศที่ถูกขบวนการชั่วร้ายกัดกินจนกร่อนถึงแก่นแกน รอโครงสร้างพังพาบลง

คดีบ่อนพระราม 3 เงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกมือขนย้ายวัสดุ อุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์สำหรับเล่นการพนัน เอาไปซ่อนไว้ ยังไม่มีใครถูกเรียกตัวมาสอบ ทั้งๆ ที่มีหลักฐาน ภาพถ่ายชัด จะเป่ากันอย่างหน้าด้านๆ ไม่ต้องอายอะไรกันแล้ว


อย่างนี้จะไม่เป็น failed state ได้อย่างไร ในเมื่อกฎหมายยังเอื้อมไปแตะเด็กช่วยงานบ่อนการพนันไม่ได้ จะมีคำพูดสวยหรูมาแก้ตัวอย่างไร เมื่อมีหลักฐานชัด
ยิ่งคดี “บอส” เห็นกันอยู่ว่าตัวช่วยทุกระดับล้วนเป็นไอ้ตัวร้ายตำแหน่งใหญ่โต มีเครือข่าย เส้นสาย ขนาดที่หัวหน้ารัฐบาลยังไม่กล้าทำอะไร ทั้งๆ ที่คำประกาศ “ผมไม่ OK” เหมือนสัญญาประชาคม รับประกันว่าทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง
แล้วอย่างไร เกียรติภูมิ ความน่าเชื่อถือของประเทศไม่เหลือ เมื่อกระบวนการยุติธรรมไม่มีความน่าเชื่อถือ ช่างรัฐบาลเถอะ ถ้าห่วงใยความน่าเชื่อถือ ภาพลักษณ์ และความเป็นอยู่ของประชาชนว่าต้องอยู่ดีกินดี บ้านเมืองจะต้องไม่เป็นอย่างนี้

อยู่มานานกว่า 6 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้นในด้านเศรษฐกิจ ซ้ำร้ายการระบาดของโคโรนาไวรัสถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างความเสียหาย และข้ออ้างว่าจะต้องอยู่ต่อเพื่อแก้ปัญหา ใช้ประกาศภาวะฉุกเฉินชนิดสวมรอย อ้างว่าต้องป้องกันการระบาดใหม่

ไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่น่าไว้วางใจ ภาพลักษณ์มอมแมมขมุกขมัว พวกคนในก๊วนลุงดูแล้วสังคมสงสัยในความรู้ความสามารถว่าจะถึงขั้นทำให้บ้านเมืองต้องเสี่ยงกับหายนะเร็วหรือช้า ดูองคาพยพและโหงวเฮ้งหลายคนแล้ว ต้องแอบไปอ้วก


สภาพเศรษฐกิจอยู่ในขั้นวิกฤต แม้จะมีภาษาโลกสวยจากข้าราชการและพวกติ่งลุง คำว่า “ถังแตก” ไม่จำเป็นต้องให้ใครรีบออกมาปฏิเสธอีกแล้ว คนรู้กันทั่ว มองไปข้างหน้าจะมีแต่กู้ กู้ และกู้ สักวันหนึ่งก็ต้องถึงจุดที่เราจะกู้ไม่ได้อีกต่อไป

พวกกุมอำนาจยังไม่ยอมปรับทิศทางบริหารประเทศ ห่วงแต่ความมั่งคั่ง ผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ช่วงนี้ยังหาทางลงไม่ได้ ก็ต้องอยู่ต่อเล่นบทแหกตาชาวบ้านไปแต่ละวัน หาสาระไม่ได้ เพราะสิ้นหนทางจัดการวิกฤต

เสนาบดีกระทรวงการคลังคงหาคนดีมาร่วมไม่ได้ เมื่อเห็นสภาพของเรือแป๊ะผุ ลอยเท้งเต้งในมหาสมุทร คงต้องเอาพวกเกรดต่ำมารักษาการแล้วว่ากันไปแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอดอยู่ไปแต่ละวัน ชาวบ้านไร้หนทางช่วยตัวเอง รอชะตากรรม

สารพัดปัญหาและวิกฤต อีกไม่กี่วันจากนี้ จะมีกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและชาวบ้านออกมาถามเรื่องอนาคตบ้านเมือง คงไม่มีคำตอบน่าเชื่อถือหรอก จะรับมืออย่างไรถ้ามีคนออกมามืดฟ้ามัวดิน คงได้แต่โทษตัวเองว่าสิ้นวาสนาแล้ว

เว้นแต่ว่าจะกระทำการอันใดที่จะซ้ำเติมความทุกข์ของบ้านเมือง มุ่งแก้ปัญหาของตัวเอง มากกว่าความต้องการจะแก้ปัญหาของประเทศ ก่อนจะทำอย่างนั้น ต้องหยุดการทุจริตเสียก่อน! คงไปไม่ได้เช่นเคย ทำความดียุคนี้ใช่ว่าจะทำได้ง่าย


เพราะกระทบเครือข่าย deep state และกลุ่มผลประโยชน์นั่นเอง!

วิกฤตที่ก่อตัว จะพลิกผันเลวร้ายกว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ เมื่อ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สั่งห้ามนักศึกษาใช้สถานที่เพื่อการชุมนุม อ้างว่าผิดเงื่อนไข
หรือต้องออกไปชุมนุมบนถนน เพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก!