"โสภณ องค์การณ์"
คุณปรีดี ดาวฉาย นักกฎหมาย นายธนาคาร โบกมืออำลารัฐมนตรีคณะ 3 ลุง แบบไม่สนใจใยดี หลังจากเข้ามาทำงานในตำแหน่งขุนคลังได้ 20 กว่าวัน ต้องเสียรายได้จากงานเดิมเงินเดือนสูง เสียโอกาสต้องว่างงานสายการเงิน การธนาคารอีก 2 ปี
เหตุผลง่ายๆ คือ “ป่วย” มีอาการเส้นโลหิตตีบในส่วนของศีรษะ ซึ่งน่าจะเกิดจากความเครียดต่อเนื่อง ส่วนสาเหตุอื่นๆ มีด้วยหรือไม่มีคนวิเคราะห์ไปเยอะแล้ว
คุณปรีดีไม่อยากทำงานในตำแหน่งที่นักเลือกตั้ง และพวกไม่ประมาณตัวเองอยากได้ วิ่งเต้นแย่งกันจนตัวสั่น เพราะมีผลประโยชน์มหาศาล การที่คุณปรีดีขอออกไป เป็นที่เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะเป็นการทำงานในสภาพแวดล้อมแปลกใหม่
ที่ผ่านมา เป็นการทำงานในบรรยากาศขององค์กรที่ต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต น่าเชื่อถือ มีหลักธรรมาภิบาล ในสถาบันการเงิน ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ แต่ละขั้นตอนมีคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ เอาเงินมาฝากปลอดภัย
หรือเข้าไปในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี เหลียวซ้ายแลขวาดูแล้ว เห็นแต่พวกมีโหงวเฮ้งโจรโดดเด่น คุณปรีดีอาจอุทานในใจ “เฮ้ย! นี่มันองค์กรอาชญากรรมหรือไงวะเนี่ย” รอยยิ้มแต่ละคนเหมือนแยกเขี้ยว สายตาจ้องมาเหมือนเสือหิวมองสมันน้อย
ก่อนหน้านี้คุณปรีดีต้องรู้อยู่แล้วว่าคณะกุมอำนาจนี้มีความเป็นมาอย่างไร ทำอะไรอยู่ และสร้างความเสียหายให้บ้านเมืองอย่างไร และเน้นการเล่นการเมืองจนไม่คำนึงถึงหลักการความถูกต้องดีงาม การทุจริต คอร์รัปชั่นชุกชุม แม้ก่อนการเลือกตั้ง
หลังจากเลือกตั้งแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ โอกาสที่บ้านเมืองจะดีขึ้นแทบไม่เห็น เพราะโครงสร้างของประเทศผุกร่อนด้วยพิษของระบบชั่วร้ายที่กัดกินหลายทศวรรษ สร้างเครือข่ายกลุ่มผลประโยชน์ เอื้อทุนใหญ่ ชาวบ้านทั่วไปลำบากกว่าเดิมทุกวัน
ในปี 2510 ประชาชน 85 เปอร์เซ็นต์เป็นเจ้าของที่ดิน 80 เปอร์เซ็นต์ทำอาชีพเกษตรกรรม ทุกวันนี้คนหนุ่มแทนที่จะเป็นอนาคตของประเทศ มาหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ไร้สวัสดิการ เสี่ยงภัยมีรายได้เพียงประทังชีพไปแต่ละวัน
ส่วนหนึ่งคงเป็นลูกหลานของคนขายที่ดินจากต่างจังหวัด ขาดโอกาสด้านการศึกษา ต้องเข้าเมืองมาสู่ภาคบริการ กำลังถูกซ้ำเติมด้วยโควิด-19 เหมือนที่อื่นๆ
ก่อนรับปากเข้ามา คุณปรีดีรับรู้สภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยู่แล้ว จากข้อมูลสาธารณะ เปิดเผยทั่วไป สถาบันการเงินก็มี แต่มาเห็นตัวเลขภาครัฐ ของแท้ น่าจะตาเหลือก และคงเป็นตัวเร่งให้ประเมินว่า สภาวะอย่างนี้ เทวดาก็เอาไม่อยู่
เงินงบประมาณ เงินกู้ ที่ใช้จ่ายเป็นเบี้ยหัวแตกในโครงการประชานิยมถมไม่เต็ม ผิดจากหลักการเงินการธนาคารที่ต้องมีผลตอบแทน ก็ทำให้หมดใจด้วย
ยิ่งเห็นพวกโหงวเฮ้งโจร น้ำลายไหลย้อย อยากขอโครงการนั่นนี่โน่น ก็คงรู้ชัดว่าทำไมคนอื่นๆ ที่มีหน่วยก้านดี อย่างเช่นอดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ และผู้ว่าคนปัจจุบันจึงไม่ขอเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะเห็นสภาพแวดล้อมเป็นพิษนั่นเอง
ระดับเสี่ยสมคิด และก๊วน 4 กุมารอ้วนพี มีประสบการณ์พอสมควร ยังอยู่ไม่ได้ แล้วอย่างคุณปรีดี ไม่มีพวก ไม่มี ส.ส. สนับสนุน ลุงหัวหน้าก็เป็นนักลอยตัว เอาตัวรอดด้วยลีลาการเมืองโดยตลอด เป็นสภาพการทำงานที่ไม่ดีต่อสุขภาพแน่ๆ
จากสถาบันการเงิน กระดูกยังไม่ติดเบอร์ คงทำให้คุณปรีดีบอกตัวเองว่าขืนอยู่ต่อไปชีวิตคงไม่เป็นสุข หลับตานึก คงเหมือนต้องว่ายน้ำในดงฉลาม ขึ้นฝั่งได้ต้องเดินฝ่าดงกับระเบิด รอดไปได้ เข้าป่า ต้องไปเสี่ยงกับฝูงหมาในหิวกระหายเป็นโขยง
โอกาสจะรอดไปได้ยากนัก เว้นแต่จะต้องทำตัวกลมกลืนไปสภาพแวดล้อม แต่สำหรับคนมีความเคารพตัวเอง มีเกียรติภูมิ และเป็นนักกฎหมาย ตัดสินใจได้ไม่ยาก มองรอบด้านแล้ว ล้วนเป็นกลุ่มคนที่ตัวเองไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่แรก
ที่เข้ามา ตามเสียงร่ำลือว่าท่านลุงผู้นำไปโอดครวญ พูดโอ้โลมปฏิโลมให้มาช่วยรัฐบาล เจ้านายเก่าก็ส่งเสริมให้มา ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่อยากเอาชื่อเสียงมาเสี่ยงกับนักเลือกตั้ง ซึ่งมุ่งเน้นแต่ผลประโยชน์ส่วนตน อยู่ร่วมกันก็จ้องแต่จะฟัดกัน
คุณปรีดีเจอสภาพที่เป็นหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่ได้เป็นเบอร์ 2 มีอำนาจคุมนโยบายเศรษฐกิจ แถมยังต้องไปอยู่ไต้ใครต่อใครที่หลังบ้านใครก็ไม่รู้ส่งมาคุม เพื่อดูแลผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจใหญ่ หัวหน้ารัฐบาลก็ไม่ปกป้องดูแลตามที่ควรเป็น
ตั้งแต่แรก มีข่าวว่าขอเงื่อนไขตั้งรัฐมนตรีช่วย และทีมงานเอง สุดท้ายไม่ได้อะไรนอกจากเก้าอี้ขุนคลัง ซึ่งโดนเบอร์ 2 ลองของแสดงพลังข่มตำแหน่งกลางที่ประชุม ครม. พวก 3 ลุงเล่นบทลอยตัว ขยิบตา เหยียบขากัน แบบนี้ใครก็ไม่เอาแล้ว
เล่นการเมือง มุ่งผลประโยชน์อย่างนี้ คุณปรีดีเผ่นก่อนที่จะมีอะไรผูกพัน ผูกมัดมากกว่านี้ ถือว่าเป็นจังหวะเหมาะที่สุด ได้เซ็นชื่อบนธนบัตรหรือยังก็ไม่รู้
บอกแล้วว่าไม่มีคนดีอยากร่วมรัฐบาลอย่างนี้หรอก นอกจากพวกกล้าได้กล้าเสีย หรือไม่มีอะไรจะเสีย ไม่ห่วงบ้านเมืองว่าจะเสียหาย มองดูแล้วไม่ใช่องค์กรหรือคณะผู้บริหารประเทศที่น่าไว้ใจได้ เพราะมีความเละเทะ ขาดความรู้ความสามารถ
มีอำนาจเต็มที่ แต่ไม่ใช้เพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง เช่นการปฏิรูปภาคต่างๆ
ว่าถ้าเก่งฉกาจ คิดดี มีฝีมือจริง บ้านเมืองคงไม่อยู่ในสภาวะน่าอนาถเช่นนี้ เศรษฐกิจตายซากก่อนการระบาดของโควิด-19 ด้วยซ้ำ ความยากจนกระจายทั่ว รวยกระจุก โกงกระจายทุกระดับ หนี้ครัวเรือน หนี้ประเทศ สูงขั้นอยู่ในระดับอันตราย
แต่ก็ยังตากหน้าอยู่ได้ แถมอ้างบุญคุณ ทวงบุญคุณแทบไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งๆ ที่ไม่มีใครขอร้องให้อยู่ต่อ เว้นแต่พวกติ่งตม จมเป็นบัวไต้น้ำเป็นอาหารเต่าปูปลา
ประเทศไทยจึงยังอยู่ในสภาพน่าสงสาร มีแต่กลุ่มโจรเสื้อนอกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามากอบโกยทรัพยากรแผ่นดิน สร้างหนี้สินให้ประชาชนต้องแบกรับ แต่ละวันมีแต่คำขอร้องให้ชาวบ้านรักชาติ เข้าใจผู้บริหารบ้านเมือง ให้อยู่ต่ออีกนานๆ
คุณปรีดีไป ใครจะเข้ามา อยากอนุมานไว้ก่อนเลยว่าใครที่จะมานั้นต้องดูว่าเป็นคนดีแท้หรือไม่ เห็นอย่างนี้คนดีคงรู้สึกสยอง ไม่อยากเอาชื่อเสียงมาเสี่ยง สภาพที่เป็นอยู่ ถ้าเข้ามา แม้แต่เจ๊าก็ยังไม่มี จะมีก็แต่เจ๊งมาก หรือเจ๊งน้อยเท่านั้น
วิกฤตที่เป็นอยู่ เหมือนยอดของภูเขาน้ำแข็ง คุณปรีดีอยู่ไม่กี่วัน เห็นแล้วยังเผ่น ถ้าอยู่อีกนาน เห็นที่อยู่ไต้น้ำแล้ว คงไม่มีเรี่ยวแรงเผ่น ไม่มีคำพูดหลุดจากปาก
พระสยามเทวาธิราชน่าจะเหนื่อยกว่าช่วงลดค่าเงินบาทอีกหลายเท่าตัว!