xs
xsm
sm
md
lg

การท่าเรือฯเซ็น“กลุ่มพริมา” ลุยงานทะเลแหลมฉบังเฟส3

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360-การท่าเรือแห่งประเทศไทยเซ็นสัญญากิจการร่วมค้าซีเอ็นเอ็นซี ของกลุ่มพริมา มารีน วงเงิน 2.13 หมื่นล้าน ลุยงานก่อสร้างทางทะเลแหลมฉบังเฟส 3 ส่วนงานสร้างท่าเรือและถนน 6.5 พันล้าน เตรียมประกาศทีโออาร์ใหม่เร็วๆ นี้ จ่อชงบอร์ดอีอีซีพิจารณาผลตอบแทนด้านการเงินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 มูลค่า 2.8 หมื่นล้าน หลังเจรจากลุ่ม GPC ที่มี “ปตท.-กัลฟ์” เสร็จแล้ว

รายงานข่าวจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา กทท.ได้ลงนามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล กับกิจการร่วมค้า ซีเอ็นเอ็นซี (CNNC) ประกอบด้วย บริษัท เอ็น.ที.แอล.มารีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ. พริมามารีน บริษัท นทลิน จำกัด และบริษัท จงก่าง คอนสตรั๊คชั่น กรุ๊ปจำกัด (ประเทศจีน) วงเงิน 21,320 ล้านบาทแล้ว ที่ท่าเรือแหลมฉบัง

ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กทท. กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ จะหารือกับบริษัทที่ปรึกษา และผู้รับเหมา เพื่อจัดทำแผนการส่งมอบพื้นที่ และออกหนังสือให้เริ่มงาน (Notice to Proceed : NTP) ต่อไป ซึ่งมีระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญา ราว 4 ปี

สำหรับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 นั้น กทท.จะดำเนินการเอง โดยมีงาน 4 ส่วน ได้แก่ 1.งานก่อสร้างทางทะเล กรอบวงเงิน 22,000 ล้านบาท ลงนามสัญญาแล้ว

2.งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนนและระบบสาธารณูปโภค วงเงิน 6,502 ล้านบาท ขณะนี้ กทท.อยู่ระหว่างเตรียมประกาศร่างทีโออาร์ใหม่ หลังจากที่ต้องยกเลิกประกาศก่อนหน้านี้ เนื่องจากเอกสารประกาศไม่ครบถ้วน ซึ่งจะมีการทำราคากลางใหม่ เพื่อให้เป็นปัจจุบัน โดยมีขอบเขตของงานก่อสร้าง ได้แก่ งานระบบถนน งานอาคาร งานท่าเรือชายฝั่ง และงานท่าเรือบริการ งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภควงเงิน 6,502 ล้านบาท

3.งานก่อสร้างระบบรถไฟ วงเงิน 600 ล้านบาท

4.งานจัดหา ประกอบ และติดตั้งเครื่องจักรและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ วงเงิน 2,200 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในปลายปี 2564.

สำหรับการดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F นั้น คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ ได้สรุปผลและการเจรจาผลประโยชน์ตอบแทนด้านการเงิน (ซองที่ 4) กับกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC (ประกอบด้วย บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ในกลุ่มบมจ.ปตท (PTT) , บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) , บริษัท China Harbour Engineering Company Limited) เสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ดอีอีซี พิจารณาแล้ว

ทั้งนี้ จากผลตอบแทนที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติอยู่ที่ 32,225 ล้านบาท (ผลตอบแทนตลอดอายุสัมปทาน 35 ปี) ขณะที่เอกชนยื่นเสนอผลตอบแทนที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท (NPV) ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้เจรจากับเอกชน เพื่อให้รัฐได้ประโยชน์สูงสุดราว 28,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ากรอบ ครม. อนุมัติ ซึ่งต้องขึ้นกับการพิจารณาของบอร์ดอีอีซี


กำลังโหลดความคิดเห็น