xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์ ‘ลิ้นหลวม’ อีกแล้ว!

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ชาติมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก น่าจะได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้ประเทศ และคนอเมริกันได้จำไว้อีกนานว่าเป็นผู้นำที่ยังไม่เคยมีมาก่อน ถือว่าเป็นสุดยอดของความบ้าระห่ำ สร้างความเสียหายต่อเกียรติภูมิของชาติ

จากพฤติกรรมต่างๆ ช่วงเกือบ 4 ปี เต็ม คนทั้งโลก ยกเว้นพวกติ่งที่หลงใหลทรัมป์อย่างหัวปักหัวปำ มองว่าผู้นำทำเนียบขาวคนนี้มีความบ้ากว่า 108 ชนิดในตัว สารพัดของความเลวร้าย ไร้ยางอาย ขาดศีลธรรม จิตสำนึกด้านดี มีหลายบุคลิกขัดแย้งกัน

อดีตทนายความประจำตัวของทรัมป์ นายไมเคิล โคเฮน ซึ่งต้องโทษจำคุกด้วยคดีให้การเท็จ สรุปบางส่วนตัวตนของอดีตเจ้านายว่า เป็นคนขี้โกง โกหก ฉ้อฉล ขู่คุกคามหรือบูลลี่ เหยียดสีผิว, นักไล่ล่าเหยื่อ และนักต้มตุ๋นชั้น 18 มงกุฎ นั่นเลย

โคเฮนเขียนหนังสือเล่มใหม่ บรรยายสรรพคุณของทรัมป์ เพราะเป็นคนใกล้ชิด ทำงานให้หลายปี รวมทั้งเป็นคนจ่ายเงินค่าตัวนางแบบและดาวหนังโป๊ที่ทรัมป์ถูกกล่าวหาโดย 2 สาวว่ามีความสัมพันธ์ทางเพศกันด้วย แต่ทรัมป์ปฏิเสธหัวชนฝา

เรื่องพรรค์นี้จะให้ยอมรับได้อย่างไร ถ้ารับก็เละ ต่อให้มีภาพชัดๆ ก็จะถูกอ้างว่าเป็นภาพตัดต่อก็ได้ และวิทยาการเทคโนโลยียุคนี้ ทำอะไรให้ทั้งนั้น ตัดต่อให้คนมีลำตัวเป็นสัตว์เลื้อยคลานก็ยังได้ ทรัมป์เป็นนักยืนกระต่ายขาเดียว ไม่ยอมรับว่าทำอะไรผิด

จับได้ไล่ทัน ก็อ้างนั่นนี่โน่น เฉไฉไขสือ อ้างว่าถูกใส่ร้าย เป็นข่าวปลอมของพวกจ้องทำลาย แต่เมื่อมีข้อกล่าวหาบ่อยครั้ง จากคนที่น่าเชื่อ ทรัมป์เลี่ยงลำบาก แต่ก็ทำ

ถ้าเป็นคนอื่น แล้วทำเรื่องฉาวมากอย่างนี้ คงรอดยาก แต่ทรัมป์หน้าด้านสู้

ทรัมป์ถูกสื่อไล่นับคำพูดโกหก หรือใช้หลักฐานข้อมูลเท็จ ความจริงครึ่งเดียว กว่า 2 หมื่นครั้ง ก็ยังไม่รู้สึกทุกข์ร้อน ยังเดินหน้าโกหกต่อไป และใครก็เอาไม่อยู่ เพราะทรัมป์มีตัวช่วยหลัก คือสื่อทีวีอนุรักษนิยมขวาจัด นิยมทรัมป์สุดโต่ง นั่นคือ ฟ็อกซ์ นิวส์

สื่อฟ็อกซ์ นิวส์นี่แหละ ที่ไม่ห่วงเรื่องข้อมูล ข้อเท็จจริง เอาข่าวปลอมมาปล่อยและถูกมองว่าเป็นกระบอกเสียงโฆษณาชวนเชื่อให้ทรัมป์ และกลุ่มอนุรักษนิยมขวาจัด

ล่าสุดทรัมป์มีปัญหา “โอษฐภัย” สาหัส ยังไม่แน่ว่าจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ ต้องใช้ลีลาแบบเหนือชั้นจริงๆ เพราะคราวนี้ ทรัมป์ปากเสีย ไปพูดร้ายต่อทหารว่า พวกที่เสียชีวิตในการรบนั้นเป็นพวก “ขี้แพ้” และ “บ้องตื้น” สร้างความไม่พอใจต่อประชาชน

ทหารในกองทัพนั้น คิดอย่างไร ไม่ต้องเดา ถึงอย่างไรก็ไม่แสดงอาการให้เห็น เพราะบรรดาแม่ทัพนายกองยืนยันว่าทหารไม่ยุ่งการเมือง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ถ้าเป็นเมืองไทย มีผู้นำพลเรือน ป่านนี้รวมตัวตบเท้า คำรามฮึ่มๆ ไปแล้ว

แต่ทหารอเมริกันเป็นทหารอาชีพ ต้องเชื่อฟังผู้บัญชาการสูงสุด นั่นคือประธานาธิบดี ได้ยินผู้นำกล่าวคำหมิ่นเหยียดหยามอย่างไร ก็ต้อง “นอกใส ในขุ่น” ไว้

แต่คราวนี้ทรัมป์ร้อนตัวหนัก กลัวจะเสียคะแนนในกลุ่มทหาร และเกรงว่าจะสร้างความเกลียดชัง เพราะทรัมป์เคยปากเสียกับคนอื่นๆ รวมทั้งอดีต ส.ว.จอห์น แมคเคน ที่เป็นเชลยสงครามในเวียดนาม ทรัมป์ยังไม่มองว่าเป็นวีรบุรุษสงคราม แต่เป็นคนแพ้รบ

ทรัมป์ไม่เคยเป็นทหาร ทั้งชีวิตเลี่ยงการเป็นทหารมาโดยตลอด การกล่าวหาทหารว่าเป็นพวก “ขี้แพ้” จึงทำให้ถูกมองว่าแกว่งปากหาเรื่อง คำกล่าวดูถูกทหารถูกตีพิมพ์ในนิตสาร “ดิ แอตแลนติก” ซึ่งเจ้าของเป็นภริยาของสตีฟ จอบส์ อดีตผู้ก่อตั้งแอปเปิลนั่นเอง

บรรณาธิการของนิตยสารยืนยันว่าทรัมป์ได้กล่าวเช่นนั้นจริง อ้างสื่อข่าวที่ไม่ระบุชื่อ อย่างน้อย 4 ราย แต่ทรัมป์เดือดเป็นฟืนเป็นไฟเพราะผู้สื่อข่าวสตรีของฟ็อกซ์ นิวส์รายหนึ่งได้รายงานยืนยันข่าวเช่นเดียวกับนิตยสาร “ดิ แอตแลนติก” ว่าทรัมป์ได้พูดเช่นนั้น

เมื่อข่าวสร้างความเสียหายอย่างมาก และอาจส่งผลกระทบหนักต่อคะแนนก่อนการเลือกตั้ง ที่ยังไม่รู้ว่าทรัมป์จะมีโอกาสได้อยู่อีกสมัยหรือไม่ ผู้นำทำเนียบขาวจึงเปิดปากเล่นงานอดีตเมียสตีฟ จอบส์ อย่างไร้มารยาท และความเป็นสุภาพบุรุษผู้นำประเทศ

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไม สตีฟ จอบส์ จึงทิ้งเงินมหาศาลให้เธอ แล้วเอามาผลาญกับสื่ออย่างนิตยสารดิ แอตแลนติก” การพูดแบบนี้ ถือว่าไปยุ่มย่ามกับเรื่องคนอื่น หรือจัดอยู่ในขั้น “เสือก” นั่นเอง เพราะเธอมีความมั่งคั่งประมาณ 20-30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

รวยกว่าทรัมป์เยอะ ว่างั้นเถอะ! ประเด็นนี้คงทำให้ทรัมป์ตาร้อนด้วย

เพียงแค่นิตยสารฉบับเดียวคงพอทำเนา แต่มาโดนสื่อฟ็อกซ์ นิวส์ เล่นข่าวด้วย ก็ทำให้ความเสียหายหนักกว่าที่ควรจะเป็น ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น ก็ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวของตนเองว่าพฤติกรรมของทรัมป์ด้วยการกล่าวหมิ่นทหารนั้น เป็นเรื่องจริง

ทรัมป์สั่งให้ฟ็อกซ์ นิวส์ไล่นักข่าวหญิงออกจากงาน แต่ยังไม่มีการตัดสินใจ นี่ถือว่าเป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ของทรัมป์ในการคุกคามสื่อ แต่ฟ็อกซ์ นิวส์ แทนที่จะปกป้องผู้สื่อข่าวของตัวเอง กลับหันมาเอาใจทรัมป์ ขณะที่สื่ออื่นๆ ยกย่องผู้สื่อข่าวสตรีคนนั้น

คำกล่าวเชิงดูหมิ่นทหารนั้น ทรัมป์ทำหลายครั้ง เมื่อไปเยือนสุสานทหารอเมริกันในฝรั่งเศสในปี 2018 ครบรอบ 100 ปีของสงครามโลกครั้งที่ 1 ทรัมป์ก็พูดถึงการตายอย่างไร้ค่าของทหารอเมริกัน และเคยพูดว่าทำไมคนอเมริกันต้องไปรบในสงครามเวียดนาม

ทรัมป์ยังบอกว่าทำไมทหารอเมริกันต้องไปรบในอิรักและอัฟกานิสถาน ทั้งก่อนหน้านี้ยังได้กล่าวดูถูกพลเอกจอห์น เคลลี ที่เคยเป็นหัวหน้าสำนักทำเนียบขาว ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง และปรามาสอดีตรัฐมนตรีกลาโหมคนอื่นๆ ที่มีประวัติดีเด่นด้วย

ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง ทรัมป์ยิ่งหาลูกเล่นเพื่อให้ตัวเองชนะให้ได้ แม้แต่การอ้างว่าคนอเมริกันน่าจะใช้สิทธิลงคะแนน 2 ครั้ง เพื่อทดสอบความแม่นยำ แต่ไม่มีใครยอมเอาด้วย

สุดท้ายแล้วคงดูว่า ถ้าทรัมป์ชนะ คงไม่เป็นไร ถ้าแพ้แล้วจะยอมแพ้ดีๆ หรือไม่!


กำลังโหลดความคิดเห็น