xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’ดิ้นรักษาฐานเสียงในกองทัพ หลังถูกแฉเรียกทหารตายในหน้าที่ว่า‘ขี้แพ้’ และ ‘โง่เง่า’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้ประท้วงถือแผ่นป้ายเขียนข้อความประท้วงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถูกสื่อแฉว่ากล่าวดูถูกดูเหมือนทหารอเมริกันเสียชีวิตในการสู้รบ ขณะที่ทรัมป์ไปเล่นกอล์ฟที่สนามทรัมป์ เนชั่นแนล กอล์ฟ คลับ เมืองสเตอริง รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันเสาร์ (5 ก.ย.)
นิวยอร์กไทมส์/บีบีซี/เอเจนซีส์ – ทรัมป์กำลังเผชิญวิกฤตการเมืองที่อาจหมายถึงการสูญเสียความสนับสนุนจากประชาคมทางทหาร ซึ่งเป็นฐานเสียงที่เขาต้องการยิ่ง ขณะที่การเลือกตั้งกำลังจะเกิดขึ้นในเวลาอีกไม่ถึง 2 เดือน ทั้งนี้ภายหลังสื่อดังแฉว่า ผู้นำสหรัฐฯแอบเรียกทหารที่เสียชีวิตในสนามรบว่าเป็นพวก “ขี้แพ้” และ “โง่เง่า”

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มักสร้างภาพว่า เป็นผู้สนับสนุนกองทัพและอวดอ้างว่าเป็นผู้ยกเครื่องกองทัพที่อ่อนแรงจากการกรำศึกต่างแดนมาหลายปี กำลังถูกโจมตีอย่างหนักจากพรรคเดโมแครตและศัตรูอื่นๆ ที่ลงความเห็นว่า รายงานในนิตยสาร ดิ แอตแลนติก ที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ (4 ก.ย.) เปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของทรัมป์ซึ่งชอบดูถูกทหาร

เหล่าศัตรูของทรัมป์พากันจัดประชุม ออกคำแถลง ออกทีวี และโพสต์โฆษณาออนไลน์เพื่อดึงดูดความสนใจไปยังรายงานดังกล่าว

อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต เดือดมากโดยประกาศว่า โบ ไบเดน บุตรชายของเขาที่เสียชีวิตจากมะเร็งสมองเมื่อปี 2015 ไม่ได้ “โง่เง่า” ที่ร่วมรบในสงครามอิรัก และว่า คำพูดดังกล่าวของทรัมป์ “น่าขยะแขยงและน่าสาปแช่ง เลวทราม และไม่ใช่คนอเมริกัน” และสำทับว่า ไม่เคยผิดหวังกับผู้นำเท่านี้มาก่อน

นอกจากนี้ หลังจากรายงานดังกล่าวเผยแพร่ไม่ถึง 15 ชั่วโมง โหวตเว็ตส์ องค์กรทหารผ่านศึกเสรีนิยมที่วิจารณ์ทรัมป์เป็นประจำ ยังออกโฆษณาออนไลน์เป็นภาพพ่อแม่ของทหารที่พลีชีพในอิรักและอัฟกานิสถานที่ประกาศว่า ลูกของตนไม่ได้ “ขี้แพ้” หรือ “โง่เง่า”

ด้านทรัมป์ใช้เวลาตลอดวันศุกร์ปฏิเสธรายงานของดิ แอตแลนติกว่า เป็นข่าวปลอมและยืนยันว่า ตัวเองเคารพกองทัพและยกย่องทหารที่สละชีวิตในหน้าที่

เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นขณะที่ทรัมป์ ซึ่งโดยตำแหน่งคือผู้บัญชาการทหารสูงสุด กำลังขัดแย้งอย่างหนักกับเหล่าผู้นำในกองทัพเรื่องที่เขาสั่งให้ใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามผู้ประท้วงในประเทศ และไม่ยอมเปลี่ยนชื่อฐานทัพหลายแห่งในสหรัฐฯที่ตั้งตามชื่อนายพลฝ่ายสมาพันธรัฐอเมริกา (ฝ่ายใต้) ในศึกเลิกทาสทศวรรษ 1860

โพลจากเดอะ มิลิทารี ไทมส์พบว่า ไบเดนมีคะแนนนำทรัมป์ 41% ต่อ 37% ในหมู่ทหารที่ประจำการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณอันตรายอย่างยิ่งสำหรับทรัมป์ เพราะปกติแล้วกองทัพให้การสนับสนุนพรรครีพับลิกันมาตลอด

ทรัมป์พยายามปรองดองกับกองทัพด้วยการกลับลำปุบปับเมื่อบ่ายวันศุกร์และประกาศว่า คณะบริหารจะไม่สั่งปิด “สตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส” หนังสือพิมพ์อิสระเก่าแก่ของกองทัพ ตามที่กำหนดไว้ปลายเดือนนี้

สำหรับรายงานที่กำลังสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองครั้งใหญ่นี้ เขียนโดย เจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก บรรณาธิการใหญ่ของดิ แอตแลนติก โดยระบุว่า ทรัมป์ยกเลิกการไปร่วมพิธีรำลึก 100 ปีการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่สุสานทหารอเมริกัน ไอน์-มาร์น บริเวณสมรภูมิรบโบโล วูดส์ นอกกรุงปารีส เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 ในระหว่างการเยือนฝรั่งเสสของเขา เนื่องจากฝนที่ตกหนักอาจทำให้ผมของตัวเขากระเซอะกระเซิง รวมทั้งเขาไม่เห็นความสำคัญของการให้เกียรติผู้เสียชีวิตจากสงครามเหล่านี้

รายงานนี้อ้าง “บุคคล 4 คนซึ่งรับรู้ด้วยตัวเองเกี่ยวกับการพูดจากันในวันนั้น” ทว่าไม่ได้ระบุชื่อคนเหล่านี้ออกมา แต่แจกแจงว่า ระหว่างที่ทรัมป์สนทนากับพวกเจ้าหน้าที่อาวุโสในวันนั้น ทรัมป์พูดว่า “ทำไมผมจึงควรไปที่สุสานนั่นล่ะ? มันเต็มไปด้วยพวกขั้แพ้ทั้งนั้น” นอกจากนั้นในทริปเดียวกันนี้ ทรัมปืยังพูดถึงนาวิกโยธินอเมริกัน 1,800 คนซึ่งเสียชีวิตในการสู้รบที่โบโล วูดส์ ว่า “โง่เง่า” ที่ถูกฆ่าตาย

ทางด้านสำนักข่าวเอพีก็รายงานในเวลาต่อมาว่า มีเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของกระทรวงกลาโหมที่อยู่ในเหตุการณ์ และเจ้าหน้าที่อาวุโสอีกคนของหน่วยนาวิกโยธินที่ได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับ “ความคิดเห็น” ของทรัมป์ ได้ยืนยันเรื่องนี้กับทางเอพี

ยังมี เจนนิเฟอร์ กริฟฟิน ผู้สื่อข่าวด้านความมั่นคงแห่งชาติของโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ ระบุอดีตเจ้าหน้าที่ในคณะบริหาร 2 คน ยืนยันกับเธอว่าประธานาธิบดี ไม่ต้องการเดินทางไปเพื่อเป็นเกียรติแก่อเมริกันชนผู้เสียชีวิตจากสงคราม ณ อนุสรณ์สถานอเมริกัน ไอน์-มาร์น โดยบ่งชี้เป็นนัยว่าปัจจัยสภาพอากาศไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

เจ้าหน้าที่รายหนึ่งบอกกับเธอว่าทรัมป์ถึงขั้นใช้คำพูดว่า “พวกขี้แพ้” ลบหลู่ทหาร แต่ในบริบทที่ต่างออกไปจากเมื่อครั้งที่พูดถึงสงครามเวียดนาม “ตอนที่ประธานาธิบดีพูดถึงสงครามเวียดนาม เขาบอกว่าสงครามโง่ๆ ทุกคนที่ไปที่นั่นเป็นพวกขี้แพ้” เธออ้างคำพูดเจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์เอ่ยนามระบุ

“มันเป็นลักษณะนิสัยบกพร่องของประธานาธิบดี เขาอาจไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นๆ ถึงยอมตายเพื่อประเทศของเขา มันไม่มีค่าพอ” แหล่งข่าวระบุ

นอกจากนั้น สื่อต่างๆ ยังขุดคุ้ยว่ามีหลายคนที่เคยพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับทรัมป์ต่างยืนยันว่า อดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พันล้านผู้นี้มักดูถูกว่า พวกที่ไปรบที่เวียดนามโง่เง่า และยังคงตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมอเมริกาจึงใส่ใจตามหาทหารที่ถูกจับเป็นเชลยสงคราม

รายงานยังระบุว่า ทรัมป์คัดค้านการจัดพิธีศพอย่างเป็นทางการและลดธงลงครึ่งเสาเพื่อแสดงความเคารพและไว้อาลัยต่อการจากไปของวุฒิสมาชิกจอห์น แมคเคน อดีตทหารผ่านศึกในสงครามเวียดนามที่ถูกจับเป็นเชลยศึกอยู่หลายปี โดยที่ทรัมป์เรียกแมคเคนว่า “ขี้แพ้” เมื่อเดือนสิงหาคม 2018

อย่างไรก็ดี เมื่อวันศุกร์ ทรัมป์ยืนยันว่า ไม่เคยเรียกแมคเคนว่า “ขี้แพ้” ทว่ากลับถูกสื่อพากันถูกจับโกหกด้วยวิดีโอและทวิตเตอร์คำพูดดังกล่าวของเขาในปี 2015 แถมเจ้าหน้าที่ทั้งในอดีตและปัจจุบันยังยืนยันว่า ทรัมป์แค้นฝังหุ่นจริงแม้เมื่อแมคเคนเสียชีวิตแล้วก็ตาม

ทรัมป์เป็นเดือดเป็นแค้นรายงานชิ้นนี้มาก โดยเมื่อเช้ามืดวันเสาร์ (5) เขาทวิตโดยไม่เอ่ยชื่อโกลด์เบิร์ก ระบุว่า นักข่าวที่น่าสะอิดสะเอียนและเชื่อถือไม่ได้ที่อาจสมคบกับพวกที่ไม่พอใจตน สร้างข้อกล่าวหาร้ายกาจขึ้นมา และสำทับว่า พวกซ้ายสุดโต่งเป็นพวกชั่วร้ายที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองชนะ แต่ไม่มีทางที่คนเหล่านั้นจะได้ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้

นอกจากนั้น เขายังทวิตระบุชื่อว่า ”เจนิเฟอร์ กริฟฟิน ควรถูกไล่ออกจากการรายงานข่าวลักษณะนี้ ไม่เคยติดต่อขอความเห็นจากเราเลย @FoxNews ตายแล้ว!” ทั้งนี้ ทรัมป์แสดงท่าทีเรื่อยมาว่า ฟ็อกซ์นิวส์ซึ่งแสดงตัวเป็นปากเสียงของพวกอนุรักษนิยมนั้น เป็นพวกเดียวกับเขา

อย่างไรก็ตาม เพื่อนร่วมงานหลายคนของ กริฟฟิน ที่ฟ็อกซ์นิวส์ ออกมาปกป้องเธออย่างเปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ เช่นเดียวกับ อดัม คินซินเกอร์ สมาชิกรัฐสภาจากรีพับลิกัน ที่เรียกร้องขอให้ปฏิบัติกับเธออย่างยุติธรรม และขอจงอย่าหวั่นกลัว

ขณะเดียวกัน บรรดาผู้ช่วยทั้งในอดีตและปัจจุบันต่างทวิตรับประกันว่า ทรัมป์ไม่ได้มีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา หนึ่งในนั้นคือ จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติที่ตอนหลังแตกกับทรัมป์และถูกปลดออก ที่ยืนยันว่า ตัวเองอยู่ในทริปรำลึก 100 ปีการสิ้นสุดสงครามโลกที่ฝรั่งเศส และไม่ได้ยินทรัมป์พูดจาดูถูกกองทัพ

แต่โบลตันสำทับว่า ทรัมป์ก็ไม่ได้คัดค้านคำแนะนำให้งดเดินทางไปร่วมพิธีเนื่องจากไม่สามารถใช้เฮลิคอปเตอร์ได้และการเดินทางด้วยรถยนต์ไม่เหมาะสมด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ทั้งนี้ในปัจจุบันตัวทรัมป์เองกลับออกมาพูดเขาไม่ได้เห็นด้วยกับการตัดสินใจดังกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น