ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ตกอยู่ในฐานะเป็นฝ่ายรับเมื่อวันอาทิตย์ (6 ก.ย.) กรณีสื่อพากันรายงานว่า เขาแสดงการดูถูกดูหมิ่นทหารซึ่งพลีชีพไปในสงคราม แล้วพวกวิพากษ์วิจารณ์สำทับว่า มันเป็น “แบบแผนการปฏิบัติ” ของเขาอยู่แล้วที่ไม่เคารพนับถือความเสียสละของทหารอเมริกัน ทั้งนี้ เห็นกันว่าการถูกโจมตีด้วยเรื่องนี้อาจสร้างความเสียหายให้แก่การรณรงค์หาเสียงของเขา เพื่อให้ได้รับเลือกตั้งอีกสมัยในวันที่ 3 พฤศจิกายน
จากรายงานข่าวช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งระบุว่า ทรัมป์ได้เรียกทหารสหรัฐฯที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และถูกฝังอยู่ในยุโรปว่า เป็น “พวกขี้แพ้” บรรดาผู้คัดค้านเป็นปฏิปักษ์ต่อทรัมป์ ทั้งในพรรคเดโมแครตฝ่ายค้าน และในพรรครีพับลิกันของเขาเอง ต่างอาศัยรายการสนทนาเรื่องข่าว ตลอดจนในโฆษณาทางการเมือง ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในการโจมตีเล่นงานประวัติผลงานของทรัมป์ในเรื่องเกี่ยวกับทหาร
อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ชัค เฮเกล ซึ่งเป็นชาวพรรครีพับลิกัน บอกในรายการสนทนาข่าว “ดิส วีค” ทางเครือข่ายโทรทัศน์เอบีซีว่า หากทรัมป์ได้พูดอย่างที่มีรายงานข่าวออกมาจริงๆ มันก็เป็น “เรื่องเลวทรามน่ารังเกียจที่สุด”
เฮเกลกล่าวอีกว่า รายงานข่าวเหล่านี้ดู “น่าเชื่อถือ” เพราะมันสอดคล้องกับสิ่งที่ทรัมป์เคยพูดเอาไว้ในที่สาธารณะครั้งก่อนๆ ซึ่งเป็นการใส่ร้ายป้ายสีบุคลากรทางทหาร เป็นต้นว่า อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เจมส์ แมตทิส และอดีตวุฒิสมาชิก จอห์น แมคเคน ผู้ล่วงลับ
เขาบอกด้วยว่า เรื่องนี้ “จะเกิดเสียงก้องเสียงสะท้อน” ขึ้นในกองทัพสหรัฐฯอย่างแน่นอน
ความโกรธเกรี้ยวสืบเนื่องจากรายงานข่าวซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่เป็นที่แรกในนิตยสาร ดิ แอตแลนติก ฉบับวันที่ 3 ก.ย. อาจจะส่งผลเป็นการทำลายคำขวัญทางการเมือง ซึ่งทรัมป์นำมาใช้เพื่อหาเสียงให้ตนเองได้รับเลือกตั้งอีกสมัย ที่ว่าเขาจะ “รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง” และเขาให้ความสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อบุคลากรทางทหารสหรัฐฯ และครอบครัวของพวกเขาเหล่านี้ โดยที่คนเหล่านี้เองถือเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรครีพับลิกันกลุ่มหนึ่ง และจำนวนมากได้โหวตให้ทรัมป์มาแล้วในปี 2016
คู่แข่งของทรัมป์ในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ คือ อดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน แม้จะเหมือนกับทรัมป์ที่ไม่เคยเข้ารับราชการทหาร ทว่า โบ บุตรชายผู้ล่วงลับของเขาได้เคยเข้าสมรภูมิในอิรักเป็นเวลา 1 ปี เมื่อตอนเป็นนายทหารยศร้อยเอกแห่งกองกำลังพิทักษ์ชาติ (เนชั่นแนล การ์ด)
ไบเดนได้แสวงหาประโยชน์จากกระแสความไม่พอใจคราวนี้เมื่อวันอาทิตย์ (6) ที่ผ่านมา ด้วยการไฮไลต์ประวัติผลงานของเขาเองในการหนุนหลังกองทัพ ในโฆษณาซึ่งมุ่งเผยแพร่ตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีบุคลากรทางทหารพำนักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ตามรัฐซึ่งกำลังเป็นสมรภูมิสำคัญสำหรับการเลือกตั้งคราวนี้
โฆษกผู้หนึ่งของทีมหาเสียงไบเดนแถลงว่า โฆษณานี้ซึ่งอันที่จริงได้เคยนำออกมาใช้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ในปีนี้ จะถูกนำมาเผยแพร่ใหม่ระดับทั่วประเทศตามรายการข่าวทีวีต่างๆ ในช่วงคืนวันอาทิตย์ (6) นอกจากนี้ ยังจะเผยแพร่ทางเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมตลอดสัปดาห์นี้ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการณรงค์หาเสียงที่จะใช้จ่ายกันทั้งสิ้น 47 ล้านดอลลาร์
ในอีกด้านหนึ่ง ลินคอล์น โปรเจกต์ ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญกลุ่มหนึ่งที่มีจุดยืนหนุนหลังรีพับลิกัน แต่คัดค้านไม่ต้องการให้ทรัมป์ได้รับเลือกอีกสมัย ก็ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเมื่อวันเสาร์ (5) ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีความเห็นต่างๆ ของทรัมป์ตลอดจนประวัติผลงานโดยรวมทางด้านทหารของเขา ทั้งนี้ ทรัมป์หลบเลี่ยงหมายเกณฑ์ให้เป็นทหารเข้าร่วมรบในสงครามเวียดนาม โดยขอผ่อนผันหลายครั้ง และในที่สุดก็ขอยกเว้นไม่ต้องเป็นทหารได้สำเร็จ ด้วยข้ออ้างว่าเกิดกระดูกงอกที่เท้าของเขา
“เขาเป็นประธานนักหลบเลี่ยงหมายเกณฑ์สูงสุด ซึ่งเหยียดหยามชายหญิงที่เขาพึงต้องเป็นคนนำ เขาดูหมิ่นการเสียชีวิตและการบาดเจ็บของคนเหล่านี้ด้วยคำพูดสบประมาทของเขา” คลิปวิดีโอนี้ระบุ
ทั้งนี้ ไบเดนก็ไม่ได้เป็นทหารเข้าร่วมสงครามเวียดนาม โดยได้รับการผ่อนผันหลายครั้ง เนื่องจากยังร่ำเรียนอยู่ และในที่สุดก็ถูกระบุว่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นทหารได้ สืบเนื่องจากป่วยเป็นโรคหืดตั้งแต่วัยรุ่น
นอกจากนั้น ยังมี เจฟฟ์ แมคคอสแลนด์ นายทหารยศพันเอกเกษียณอายุแห่งกองทัพบกสหรัฐฯ ได้เขียนลงในเซกชั่นความเห็นของ เอ็นบีซี นิวส์ วันอาทิตย์ว่า ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาทรัมป์ได้แสดงให้เห็นถึง “แบบแผนการปฏิบัติที่ชัดเจนในการไม่ให้ความเคารพนับถือทหาร”
ในรายงานของ ดิ แอตแลนติก ระบุว่า ทรัมป์ได้กล่าวถ้อยคำดูถูกดังกล่าว หลังยกเลิกไม่เดินทางไปคารวะสุสานทหารอเมริกันระหว่างทริปเดินทางไปฝรั่งเศสเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 โดยที่เรื่องนี้ประมุขสหรัฐฯปฏิเสธอย่างแข็งขันเมื่อวันพฤหัสบดี (3) และกล่าวสำทับในวันอาทิตย์ (6) ว่า เป็น “การจงใจบิดเบือนข้อมูล”
“พวกเขาจะเที่ยวพูดอะไรออกมาก็ได้ แบบเดียวกับที่พวกเขาเที่ยวโกหกเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับตัวผมและทางฝ่ายทหาร โดยหวังว่ามันจะมีคนเชื่อ” เขาทวีตเช่นนี้ขณะพาดพิงถึงสื่อและพรรคเดโมแครต
ทาง ดิ แอตแลนติก เองยังคงยืนยันตามรายงานข่าวที่ได้เสนอไป ซึ่งได้มีการอ้างอิงบุคคลผู้ไม่ระบุชื่อรวม 4 คน แต่ต่างเป็นผู้ที่ทราบเรื่องนี้ด้วยตนเอง แล้วในเวลาต่อมายังมีสื่ออื่นๆ อีกหลายรายอ้างแหล่งข่าวของตนเองยืนยันเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ในอดีตที่ผ่านมา พวกผู้ออกเสียงที่เป็นฐานเสียงแกนกลางของทรัมป์ ให้อภัยเขาเรื่อยมาสำหรับการแสดงความคิดเห็นเย้ยหยันแมคเคนและประเด็นอื่นๆ แต่มีสัญญาณแสดงให้เห็นว่าความสนับสนุนในหมู่บุคลากรทางทหารต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพวกเขาคนนี้อาจจะกำลังลดถอยลงไป
ผลโพลของ มิลิแทรี ไทมส์ (Military Times) ซึ่งสำรวจความเห็นของบุคลากรประจำการจำนวนกว่า 1,000 คน ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมจนถึงต้นเดือนสิงหาคม และนำออกมาเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่จะมีรายงานข่าวล่าสุดเหล่านี้ ได้แสดงให้เห็นว่าความสนับสนุนในตัวทรัมป์กำลังจืดยางลง ขณะที่ความสนับสนุนในตัวไบเดนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเจนซีส์)