xs
xsm
sm
md
lg

In Clip: “ซัคเคอร์เบิร์ก” รับบอก “ทรัมป์” เป็นการส่วนตัว “คำพูดของผู้นำสหรัฐฯมีปัญหากับเฟซบุ๊ก”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์/mgrออนไลน์ – ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ยืนยันในปลายสัปดาห์ว่า เขาได้เคยเอ่ยปากเป็นการส่วนตัวกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าสีสันความคิดเห็นของผู้นำสหรัฐฯมีปัญหา เกิดขึ้นในการประกาศนโยบายล้างบ้านรับการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 3 พ.ยนี้ผู้นำสหรัฐฯโต้นิตยสารแอตแลนติก ไม่เคยกล่าวหยาบคายถึงอดีตทหารสหรัฐฯก่อนยกเลิกการเยือนสุสานทหารอเมริกัน แอน- มาร์น ในฝรั่งเศสเมื่อปี 2018 เพราะเป็นห่วงทรงผม

บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานวันศุกร์(4 ก.ย)ว่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กได้ให้สัมภาษณ์วันพฤหัสบดี

(3)ว่า เขายอมรับว่าเคยกล่าววิจารณ์การออกมาแสดงความเห็นกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า คำพูดของทรัมป์นั้นมีปัญหา

“ผมได้เคยหารือกับเขาในอดีตและผมได้บอกกับเขาว่า ผมคิดว่ามีความเห็นบางอย่างที่มีปัญหา” ซัคเคอร์เบิร์กกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ CBS News

แต่อย่างไรก็ตามคนทั้งคู่ยังไม่ได้พูดคุยถึงการโพสต์เมื่อไม่นานมานี้ของทรัมป์บนโซเชียลมีเดียที่ผู้นำสหรัฐฯออกมาพยายามเพื่อที่จะขัดขวางการโหวตทางไปรษณีย์ในการเลือกตั้งใหญ่ระหว่างที่สหรัฐฯยังคงมีการระบาดเกิดขึ้น โดยอ้างว่าอาจทำให้เกิดการโกงเลือกตั้งเกิดขึ้น

“หากว่าผมได้พูดคุยกับเขาคุณคงรู้ดีว่ามันจะต้องชัดเจนถึงความสำคัญที่ต้องทำให้มั่นใจว่าผู้คนมีความเชื่อมั่นในการเลือกตั้ง”
ซัคเคอร์เบิร์กกล่าว และเสริมว่า “ผมคิดว่าหากมีใครสักคนที่กล่าวว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นนั้นจะมีการทุจริต ผมคิดว่านั่นเป็นปัญหา และผมคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีการเพิ่มเข้าไปในส่วนนั้น”

ทั้งนี้ในวันพฤหัสบดี(4)ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กได้ประกาศนโยบายใหญ่ออกมาที่จะมีผลบังคับใช้บนเฟซบุ๊กก่อนหน้าการเลือกตั้งสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย เพื่อช่วยป้องกันกระบวนการเลือกตั้ง

ซัคเคอร์เบิร์กได้แถลงผ่านเฟซบุ๊กถึงเจตุจำนงค์ที่เขาจะทำสำหรับการเลือกตั้งปลายปีนี้ว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิม
พวกเราทั้งหมดมีความรับผิดชอบในการปกป้องประชาธิปไตยของพวกเรา ผมเชื่อว่าระบบประชาธิปไตยของพวกเราแข็งแกร่งเพียงพอในการต้านต่อความท้าทายนี้และส่งมอบการเลือกตั้งที่ยุติธรรมและเสรีได้”

และทำให้เฟซบุ๊กได้เริ่มมีการใช้มาตรการจำนวนมากที่รวมไปถึงการลบข้อความที่เป็นเท็จในการอ้างเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง
เสริมด้วยข้อมูลที่เชื่อถือได้ในการเลือกตั้ง ปิดกั้นความพยายามปฏิบัติการของต่างชาติเพื่อป่วนการเลือกตั้งสหรัฐฯ
และการสั่งห้ามโฆษณาการเมืองตัวใหม่ชั่วคราวในสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง

“ซึ่งสิ่งนี้ใช้กับประธานาธิบดีสหรัฐฯเช่นกัน” ซัคเคอร์เบิร์กยืนยันกับCBS News และเสริมว่า “เมื่อใดก็ตามที่นโยบายเริ่มถูกบังคับใช้ มันจะได้รับการปฎิบัติอย่างเท่าเทียมต่อทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น”

ทั้งนี้ใกล้การเลือกตั้งเข้ามาแต่ข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับตัวผู้นำประเทศยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด CNN สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(5)ถึงการที่เขาใช้คำกล่าวถ้อยคำรุนแรงไม่ให้เกียรติทหารอเมริกันที่ถูกฝังในอนุสรณ์สถานรำลึกสุสานทหารอเมริกัน แอน- มาร์น (Aisne-Marne American Cemetery)บริเวณสมรภูมิรบโบโล วูดส์ (Belleau Woods)ทางตอนเหนือของฝรั่งเศสสุสานระหว่างการเดินทางไปเยือนฝรั่งเศสปี 2018 เพื่อการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 หรือที่รู้จักว่าเป็นสงครามยุโรป

ซึ่งในรายงานของ "เจฟฟรี โกลด์เบิร์ก" ( Jeffrey Goldberg) ของนิตยสารแอตแลนติก แหล่งข่าวซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้เปิดเผยว่า ทรัมป์ไม่ยอมที่จะเดินทางไปเยือนสุสานอดีตทหารสหรัฐฯโดยกล่าวเป็นคำพูดที่ก้าวร้าวและทำให้สะเทือนใจไปทั่วสหรัฐฯซึ่งทุกคนให้การนับถือทหารว่าเป็นผู้ทำงานเพื่อชาติอย่างแท้จริง แต่ผู้นำสหรัฐฯได้กล่าวกับคนใกล้ชิดปฎิเสธการไปเยือนสุสานว่า อดีตทหารสหรัฐฯที่เสียชีวิตเหล่านี้เป็น "พวกขี้แพ้" และเป็น "พวกล้มเหลว"

นิตยสารแอตแลนติกรายงานถึงเหตุผลที่ผู้นำสหรัฐฯไม่ยอมเดินทางไปเยือนสุสานทหารอเมริกัน แอน- มาร์น เป็นเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยในทรงผมของตัวเอง

การออกรายงานของแอตแลนติกและทำให้มีการรีรันคำพูดของทรัมป์ช่วงหาเสียงการเลือกตั้งสหรัฐฯปี 2016 ที่เขาให้สัมภาษณ์เหน็บแนมอดีตสว.จอห์น แม็คเคน ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษสงครามเวียดนามในสหรัฐฯโดยในเวลานั้นทรัมป์ซึ่งเป็นผู้ลงรับสมัครกล่าวว่า แม็คเคนเป็นพวกขี้แพ้เพราะเขายอมให้ถูกจับในสงคราม ซึ่งในรายการทางสถานีโทรทัศน์ของ CNN สื่อสหรัฐฯได้มีการถกเถียงในประเด็นนี้โดยมีการชี้ว่า “ทรัมป์เป็นบุคคลที่จะไม่ให้ความสำคัญในทุกสิ่งที่ไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ”

แต่อย่างไรก็ตามการรายงานของนิตยสารแอตแลนติกทำให้ผู้นำสหรัฐฯต้องออกมาแก้ตัวในวันพฤหัสบดี(3)หลังกลับมาจากการหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย

ซึ่งค่ำวันพฤหัสบดี(3) เขาแก้ตัวว่า เขาต้องการที่จะเดินทางไปเยือนสุสานทหารอเมริกันในฝรั่งเศสจริงแต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจลับของเขาได้ห้ามเอาไว้ เป็นเพราะไม่สามารถเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ได้เนื่องจากฝนตกหนักและมีหมอกลง

พร้อมกันนั้นยังเล่าต่อว่า ทำให้ต้องโทรกลับบ้านไปหาเมลาเนีย ทรัมป์ภรรยาโดยกล่าวว่า “ผมเกลียดสิ่งนี้มากเลย ผมเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อไปร่วมพิธีและอีกที่หลังจากอีกวันซึ่งผมได้ไป ผมรู้สึกแย่มากที่มันจบเช่นนั้น”

อย่างไรก็ตามปรากฎว่า ในความเป็นจริงแล้วนางทรัมป์ไม่ได้อยู่ที่สหรัฐฯตามคำกล่าวอ้างของทรัมป์ แต่เธออยู่ที่ฝรั่งเศสโดยเธอมีกำหนดเพื่อไปเยือนสุสานร่วมกับทรัมป์ โดยเธอได้เดินทางไปเยือนฝรั่งเศสพร้อมกับผู้นำสหรัฐฯเพื่อร่วมพิธีรำลึกที่มีผู้นำทั่วโลกเข้าร่วมรวม 70 ชาติทั่วโลกเข้าร่วมรวม นายกรัฐมนตรีเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งในเวลานั้นมีข่าวว่าเซอร์ นิโคลัส โซมส์ (Nicholas Soames)หลานชายอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ วินสตัน เชอร์ชิล
ออกมาตำหนิผู้นำสหรัฐฯหลังไม่ยอมไปเยี่ยมหลุมฝังศพทหารอเมริกันที่เสียชีวิตในสงครามโดยอ้างเหตุสภาพอากาศ

อย่างไรก็ตามในวันศุกร์(4) นางทรัมป์ได้ออกมาทวีตปกป้องสามีว่า “มันกลายเป็นเวลาที่อันตรายเมื่อมีแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อได้รับการเชื่อถือเหนือสิ่งอื่นใดและไม่มีใครรู้ถึงเป้าหมายของคนเหล่านี้”


กำลังโหลดความคิดเห็น