xs
xsm
sm
md
lg

อเมริกัน...อันตราย!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท



เปิดฉากสัปดาห์นี้...ก็คงหนีไม่พ้นต้องแวะไปดู “เลือกตั้งอเมริกา” กันอีกนั่นแหละทั่น!!! เพราะมาถึง ณ ขณะนี้ คงต้องเรียกว่าความพยายามเอาแพ้-เอาชนะ ของคู่แข่ง คู่ชิง ตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันในช่วงอีกไม่กี่วัน กี่เดือน ที่จะถึง หรือในช่วงวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายนปีนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นตัว “สร้างปัญหา” ให้บรรดาอเมริกันชน ที่แยกเป็นฝ่าย “เอาทรัมป์-ไม่เอาทรัมป์” แต่เพียงเท่านั้น แต่มันยังกลายเป็นตัวก่อให้เกิด “ปัญหา”กับ “แนวรบ” ต่างๆ ในระดับโลก ควบคู่กันไปก็ว่าได้...

อย่างที่เลขาธิการองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ หรือ “PLO” (Palestine Liberation Organization) “นายSaeb Erekat” เพิ่งออกมาโหยหวน ครวญคราง ไปเมื่อช่วงวันศุกร์ (4 ก.ย.) ที่ผ่านมานั่นแหละว่า... “Palestine has become a victim of Trump’s electoral ambitions” หรือปาเลสไตน์กำลังกลายเป็นแค่ “เหยื่อ” แห่งความทะเยอทะยานทางการเมืองของผู้นำอเมริกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” อันเนื่องมาจากความอยาก ความปรารถนา และความกระเหี้ยนกระหือรือซะเหลือเกิน ที่จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันรอบ 2 ให้จงได้ การกระตุ้น สนับสนุน และส่งเสริมให้ประเทศเล็กๆ ในยุโรป อย่างประเทศเซอร์เบีย ให้กลายมาเป็นประเทศยุโรปประเทศแรก ที่ตัดสินใจประกาศย้ายสถานทูตเซอร์เบีย จากกรุงเทลอาวีฟ มายังกรุงเยรูซาเล็ม หรือเท่ากับเป็น “การรับรอง” ว่าเยรูซาเล็มคือ “เมืองหลวง” ของอิสราเอล รวมทั้งการกระตุ้นรัฐบาลโคโซโวให้ประกาศการรับรองรัฐบาลอิสราเอลอีกคำรบหนึ่ง ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ถือเป็นความพยายามที่จะสร้าง “ผลงาน” เพื่อให้ “เข้าตากรรมการ” อย่างบรรดาอภิมหานักธรุกิจชาวยิวในวอลล์สตรีท ทั้งหลาย ผู้มีอำนาจบทบาททางการเมือง หรือผู้อยู่เบื้องหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกันมาในตลอดทุกๆ สมัยนั่นแล...

ซึ่งคงไม่ต่างอะไรไปจากความพยายามยั่วยวนกวนส้นตีน มหาอำนาจคู่แข่งอย่างประเทศจีน ในกรณี “ไต้หวัน” นั่นเอง ที่นับวันจะทวีความรุนแรง ความอันตราย และ “ความเสี่ยง” หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หรือทำให้เกิดการ “รื้อสะพานถอยหลัง” ชนิดโอกาสที่จะหวนกลับไปสู่การแสดงออกถึงความยอมรับต่อ “นโยบายจีนเดียว” ยิ่งเป็นไปได้ลำบาก ยากเย็นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะถ้าหากไต้หวันถูกแปรสภาพให้กลายเป็น “ฐานบิน” ของเครื่องบินลาดตระเวนอเมริกันไปซะแล้ว โอกาสที่จะเกิด “อุบัติเหตุทางทหาร” ระหว่าง 2 ประเทศ ภายใต้การบินฉวัดเฉวียนไป-มาของเครื่องบินทิ้งระเบิด เรือพิฆาต ไปจนถึงการทดสอบขีปนาวุธลูกแล้ว-ลูกเล่า ของกองทัพประชาชนจีน ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ 60 วัน ก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกัน จึงเป็นอะไรที่ต้องลุ้นแล้ว-ลุ้นอีก กันไปโดยตลอด...

แต่ก็นั่นแหละ...ภายใน “สังคมอเมริกัน” เอง การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนนับจากนี้ ก็ออกจะเป็นอะไรที่ “สร้างปัญหา” ให้กับบรรดาอเมริกันชนกันเป็นจำนวนไม่น้อย และอาจเป็นปัญหาระดับที่สามารถทำให้สังคมอเมริกัน “แตกดังโพละ” ขึ้นมาเมื่อไหร่ ตอนไหน ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย เพราะโดยสีสันบรรยากาศของการเลือกตั้งเที่ยวนี้ แนวโน้มที่จะนำไปสู่ความ “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” ดูๆ ชักทำท่าว่าน่าจะสูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่หนังสือพิมพ์ “วอชิงตัน โพสต์” เขาเพิ่งจัดเสวนา หรือสัมมนา ไปเมื่อช่วงวันพุธ (2 ก.ย.) ที่ผ่านมา โดยไปเชิญบรรดานักคิด-นักวิชาการ ประเภท “ไม่เอาทรัมป์” ทั้งหลาย มาลองพูดจาหารือกันถึงฉากสถานการณ์ที่อาจอุบัติขึ้นมา หลังการเลือกตั้งผ่านพ้นไป หรือในหัวข้อ ในประเด็น อันว่าด้วย “What’s the worst thing that could happen to our country during the presidential elections” หรืออะไรที่อาจทำให้ฉากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด อุบัติขึ้นมาในระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีคราวนี้...

ซึ่งถ้าหากสรุปรวมความแบบสั้นๆ ง่ายๆ...ก็คงต้องสรุปว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว เห็นว่าน่าจะออกไปทาง “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” นั่นแหละเป็นหลัก หรือจะเกิดอุบัติการณ์แห่งการลุกฮือ การก่อความรุนแรง การแพร่กระจายของ “ข่าวปลอม” โดยบรรดาพวกองค์กรฝ่ายขวาทั้งหลาย ฯลฯ แม้ว่าประเมินฉากสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ จะเกิดขึ้นบนพื้นฐานของบรรดาผู้ที่ “ไม่เอาทรัมป์” เป็นหลัก หรือโดยอาศัยข้อมูล ทัศนคติ จากองค์กรที่เรียกขานกันในนาม “The Transition Integrity Project” หรือ “TIP” มาใช้เป็นตัวกำหนดแนวโน้มความเป็นไปของสถานการณ์ แต่โดย “ข้อเท็จจริง” ที่กำลังปรากฏขึ้นมาในสังคมอเมริกันทุกวันนี้ คงมิอาจปฏิเสธได้ว่า มันออกจะสอดคล้องกับข้อมูล ความคิด ความเห็น ขององค์กร “TIP” มิใช่น้อย โดยเฉพาะในแง่ของความตึงเครียด ความสับสนอลหม่าน ความระส่ำระสาย ภายในสังคมอเมริกัน ที่ “ความเป็นประชาธิปไตย” ตามแบบฉบับอเมริกัน อาจไม่ได้ก่อให้เกิดสิ่งยึดเหนี่ยว เอื้ออำนวยให้กับความสงบเรียบร้อย สันติภาพ สันติธรรมใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...

เพราะดูเหมือนว่า...สิ่งที่ถูกนำมาใช้เป็น “เครื่องยึดเหนี่ยว” ที่ออกจะเป็นจริง เป็นจังที่สุด หรือ “เป็นไปได้” มากที่สุด มันคงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภารดรภาพ” ใดๆ อีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นสิ่งที่ถูกเรียกขานกันในนาม “Smith & Wesson” หรือสิ่งที่ถือเป็น “ยี่ห้อปืน” ชื่อดัง ที่พระเอกหนังฮอลลีวู้ด อย่างคุณพี่ “คลินท์ อีสต์วู้ด”นิยมงัดมาใช้ตอบโต้ สังหาร พร่าผลาญบรรดาพวกดาวร้ายทั้งหลายเป็นหลักนั่นเอง โดยถ้าฟังจากการแถลงข่าวของตัวแทนผู้จำหน่ายอาวุธปืนสั้นประจำกาย ยี่ห้อนี้เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (3 ก.ย.) ที่ผ่านมา ปรากฏว่า...ตัวเลขการจำหน่ายอาวุธปืน “Smith & Wesson” ปีนี้ หรือในช่วงสิ้นสุดวันที่ 31 มิถุนายนที่ผ่านมา มีสถิติเพิ่มขึ้นไปถึงประมาณ 140 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงปีที่แล้ว ส่งผลให้เกิดมูลค่าเพิ่มไปถึงประมาณ 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นอย่างน้อย...

อีกทั้งจำนวนประมาณ 40-60 เปอร์เซ็นต์ ของผู้สั่งซื้อปืนชนิดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็น “ลูกค้า” ที่เพิ่งคิดจะมีอาวุธปืนเป็นครั้งแรก หรือถ้าหากนำไปเทียบเคียงกับตัวเลขสถิติของ “FBI” ซึ่งต้องทำหน้าที่พิจารณาคำขอสั่งซื้ออาวุธปืนในแต่ละปี ปรากฏว่าคำสั่งซื้ออาวุธปืนที่เข้าสู่การพิจารณาของ “FBI” ในปีนี้ เพิ่มขึ้นถึง 67 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 20.9 ล้านรายการด้วยกัน และโดยส่วนใหญ่เป็นคำสั่งซื้อ ขอซื้อ ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ประท้วงของพวก “Black Lives Matter” รวมทั้งการก่อจลาจลของพวก “Antifa” ที่แทบไม่ได้ก่ออาการหัวตก มิหนำซ้ำยังทำท่าว่าอาจบานปลาย ขยายตัว ยิ่งๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะเมื่อเกิดการนำเอาการประท้วงในเมืองต่างๆ รัฐต่างๆ มาใช้เป็น “เงื่อนไข-ข้ออ้าง” ในการปั่นกระแส “เลือกความสงบต้องจบที่ลุงตู่” หรือนำมาใช้เป็นเครื่องมือเพิ่มคะแนนนิยม ให้กับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี อย่าง “ทรัมป์บ้า” ชนิดเป็นงาน เป็นการ เป็นระบบและเป็นกิจการ...

การนำเอาแทบทุกสิ่ง ทุกอย่าง มาผูกรวมไว้กับ “การเลือกตั้ง” ประธานาธิบดีคราวนี้...ไม่ว่า “ศัตรูภายนอก” หรือ “ศัตรูภายใน” จึงทำให้ประเทศอเมริกานอกจากจะเป็นตัว “สร้างปัญหา” ให้กับประเทศอื่นๆ แต่ทำให้โอกาสที่สังคมอเมริกันเองจะ “แก้ปัญหา” ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา ได้ลำบากยากเย็นตามไปด้วยเช่นกัน แม้ว่าภายใต้ฉากสถานการณ์ที่ออกจะเลวร้ายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ บรรดานักคิด นักวิชาการ ของกลุ่ม “TIP” เห็นว่า สิ่งที่น่าจะเป็น “ทางออก” ที่ดีที่สุด หรือสอดคล้องกับสถานการณ์มากที่สุด นั่นคือต้องหาทางทำให้คู่แข่ง คู่ชิง ตำแหน่งประธานาธิบดี อย่าง “โจ ไบเดน” ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแบบ “ถล่มทลาย” เท่านั้น ที่อาจพอช่วยเยียวยาการแข็งขืน ดิ้นรนของประธานาธิบดีรายปัจจุบันให้อ่อนๆ ลงไปได้มั่ง แต่ก็นั่นแหละ...ตราบใดที่ “โจ ซึมเซา” ยังออกอาการง่วงเหงา หาวนอน ปล่อยให้ “ทรัมป์บ้า” ตามหายใจรดต้นคอ จนเหลือระยะห่างแค่ไม่กี่จุด การ “แตกดังโพละ” ของ “ฉากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด” มันจะอุบัติขึ้นมาระหว่าง “ภายนอก” หรือ “ภายใน” สังคมอเมริกัน ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้???...


กำลังโหลดความคิดเห็น