ขณะที่เขียนต้นฉบับชิ้นนี้ ก็ยังไม่มีโอกาสได้รับรู้ว่าฉากสถานการณ์ภายในเล้าไก่ เข่งไก่ ของประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา จะไปถึงไหนต่อถึงไหนกันมั่งแล้ว!!! ด้วยเหตุนี้...เปิดฉากสัปดาห์นี้ คงต้องลองหันไปสำรวจตรวจสอบ อากัปกิริยาของประเทศพี่เบิ้มแห่งเอเชียและแห่งโลก อย่างคุณพี่จีนน่าจะเหมาะกว่า เพราะเผลอๆ...อาจหนักหนาสาหัสกว่าบ้านเราไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า และโดยเฉพาะถ้าหากคุณพี่จีนท่านเกิดอดรนทนไม่ไหวขึ้นมา ต้องลุกขึ้นมา “เลียะพะ” อะไรต่อมิอะไรเพื่อลดแรงกดแรงบีบต่างๆ นานา โอกาสที่แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง จะลุกลามกันในระดับภูมิภาค หรือระดับโลก เมื่อไหร่ แบบไหน และอย่างไร ย่อมเป็นไปได้ทุกเมื่อ...
คือคุณพี่จีนช่วงนี้...ต้องเรียกว่า เจอกับการกด การบีบ การกระหนาบทั้ง 2 ด้าน ชนิดแทบแบนเป็น “กล้วยปิ้ง” เอาง่ายๆ หรือขณะที่ซีกตะวันตก กำลังต้องเจอคุณปู่อินตะระเดียกระทำ “หัตถการ” ตั้งแต่ช่วงต่ำกว่าเอวลงไป หรือกระทำการ “บีบไข่” ซะจนหน้าเขียว-หน้าเหลืองไปพอสมควร ด้านซีกตะวันออก ยังต้องเจอกับการดิ้นรน ดิ้นพราดๆ ของเกาะไต้หวัน ภายใต้การนำของประธานาธิบดีหญิงรายแรก “นางไช่ อิงเหวิน” (Tsai Ing-wen) ที่ค่อนข้างขยันขันแข็งในการก่อม็อบ “ปลดแอก” ชนิดเป็นงาน เป็นการยิ่งขึ้นเรื่อยๆ การหาทางรับมือกับแรงกด แรงบีบ แรงกระหน่ำทั้ง 2 ด้านในลักษณะเช่นนี้ จึงเป็นสิ่งที่น่าจับตาเอามากๆ เพราะถ้าหากมันเกิดเลยเถิด เลยธง ขึ้นมาเมื่อไหร่ ย่อมอาจนำมาซึ่งฉากสถานการณ์ในระดับภูมิภาคหรือระดับโลก ที่ไม่ว่าฝ่ายใดต่อฝ่ายใด ไม่อยากให้เกิด หรือไม่อยากให้อุบัติขึ้นมาอยู่แล้วแน่ๆ...
สำหรับฉากสถานการณ์ในซีกตะวันออก แถวๆ เกาะไต้หวันนั้น...คงต้องยอมรับว่าช่วงหลังๆ นี้ ออกจะดุเดือดรุนแรงมิใช่น้อย ถึงขั้น...ล่าสุด หรือเมื่อช่วงวันศุกร์ (18 ก.ย.) ที่ผ่านมา ทั่วทั้งน่านฟ้าไต้หวัน ไม่ว่าด้านตะวันตกเฉียงใต้ ตะวันตก ตะวันตกเฉียงเหนือ และพื้นที่ภาคเหนือ ต่างเต็มไปด้วย “เครื่องบินจีน” ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) บินกันว่อนไปทั่วทั้งน่านฟ้าเอาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าเครื่องทิ้งระเบิด H-6 ไม่น้อยกว่า 2 ลำ เครื่องบินจู่โจม J-16 จำนวน 8 ลำ เครื่อง J-11 และ J-10 อย่างละ 4 ลำ หรือรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 18 ลำ ที่บินฉวัดเฉวียน เฉียดไป-เฉียดมาทั่วน่านฟ้าไต้หวัน อันเนื่องมาจากการ “ซ้อมรบ” ของกองทัพ PLA ภาคตะวันออก ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้งซ้อนๆ โดยครั้งล่าสุด...อาจถือเป็นการซ้อมรบเพื่ออวดโชว์แสนยานุภาพ ในช่วงจังหวะการเดินทางมาเยือนเกาะไต้หวัน ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯ หรือปลัดกระทรวงการต่างประเทศด้านกิจการพาณิชย์อเมริกา อย่าง “นายคีธ แครช” (Keith Krach) นั่นเอง...
คือไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาเยือนไต้หวันของรัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯ “นายอเล็กซ์ อาซาร์” (Alex Azar) ก่อนหน้านั้น หรือเมื่อช่วงวันที่ 10 สิงหาฯ ที่ผ่านมา ก็ต้องเจอกับการ “ซ้อมรบ” ของกองทัพประชาชนจีนตามมาในวันที่ 13 สิงหาคมแบบติดๆ อันไม่เพียงถือเป็นการ “เบ่งกล้าม-โชว์กล้าม” ให้บรรดาชาวไต้หวันหรืออเมริกาได้เห็นๆ แต่เพียงเท่านั้น เพราะครั้งหลังสุด...แทบไม่ต่างอะไรไปจาก “ปฏิบัติการจริง” หรือถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าโอกาสที่จีนจะงัดเอากฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 8 ว่าด้วยการต่อต้านการแยกดินแดนมาใช้กับไต้หวันแบบจริงๆ จังๆ นั้น ย่อมเป็นไปได้ทุกเมื่อ...
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อทางการไต้หวันและคุณพ่ออเมริกา ได้ร่วมมือ-ร่วมไม้ ในการ “ยั่วยวนกวนส้นตีน” คุณพี่จีนแบบหนักขึ้นๆ ตามลำดับ ไม่ว่าการจัดให้มีการพบปะที่ถูกเรียกขานในนาม “การประชุมครั้งประวัติศาสตร์” ระหว่างทูตอเมริกาประจำสหประชาชาติ “นางเคลลี คราฟต์” (Kelly Craft) กับผู้อำนวยด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไต้หวัน ประจำกรุงนิวยอร์ก “นายเจมส์ ลี” (James K.J. Lee) เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หรือการแสดงท่าทีแบบ “กำๆ กวมๆ” ของสมาชิกสภาผู้แทนพรรครีพับลิกัน จากรัฐวิสคอนซิน อย่าง “นายทอม ทิฟฟานี” (Tom Tiffany) ที่ออกมาป่าวประกาศเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (17 ก.ย.) ที่ผ่านมา ว่ากำลังคิดเตรียมร่างกฎหมายเพื่อเปิดช่อง เปิดทางให้สหรัฐอเมริกา สามารถกลับไปมีสัมพันธภาพกับเกาะไต้หวันได้อย่างเป็นปกติ หรือเพื่อ “ยุตินโยบายจีนเดียว” ที่ออกจะล้าสมัย หรือพ้นสมัย ไปเรียบร้อยแล้ว...ฯลฯ ฯลฯ...
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้คุณพี่จีนท่านเลยหนีไม่พ้นต้องเบ่งกล้าม โชว์กล้าม ต้องขนเอาเครื่องบินรบไม่รู้กี่ลำต่อกี่ลำ บินไป-บินมา ฉวัดเฉวียนเหนือเกาะไต้หวัน จนอาจก่อให้เกิด “อุบัติเหตุทางทหาร” ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ แต่ก็นั่นแหละ...ดังที่คอลัมนิสต์สื่อทางการจีน อย่าง “Global Times” ไม่ว่า “นายLiu Xuanzun” “นายLiu Xin” และ “นายGuo Yuandan” ได้ร่วมกันเอ่ยปากตักเตือนทางการไต้หวันและอเมริกาเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ด้วยถ้อยคำที่ว่า... “สหรัฐฯ นั้น...ต้องการที่จะใช้ไต้หวันเป็นไพ่ในมืออีกใบ สำหรับฉากสถานการณ์ในแปซิฟิก และทำให้ไต้หวันยิ่งต้องพยายามวิ่งหาเงินมาซื้ออาวุธจากอเมริกาเพิ่มขึ้นไปอีก แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ที่ทุกสิ่งทุกอย่างไปไกลถึงขั้นที่สหรัฐฯ คิดจะเลิกนโยบายจีนเดียวขึ้นมาจริงๆ แล้วล่ะก็ จีนก็จำเป็นที่จะต้องอาศัยกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 8 ว่าด้วยการต่อต้านการแยกดินแดนมาบังคับใช้โดยทันที และนั่นย่อมหมายถึงจีนไม่จำเป็นต้องอาศัยกรรมวิธีโดยสันติ โดยอาจต้องนำเอามาตรการต่างๆ ที่จำเป็นออกมาใช้นับแต่นั้น...”
คือพูดง่ายๆ ว่า...ความพยายาม “ยั่วยวนกวนส้นตีน” ของคุณพ่ออเมริกาโดยอาศัยไต้หวันเป็นเครื่องมือในช่วงหลังๆ นี้ ค่อนข้างจะเป็นอะไรที่ใกล้ถึงจุด “เลียะพะ”ระหว่างกันและกันยิ่งเข้าไปทุกที แต่คงไม่ใช่แค่เฉพาะฉากสถานการณ์ด้านตะวันออกของจีนอย่างเกาะไต้หวันเท่านั้น ที่นับวันจะสร้างความปวดเศียร-เวียนเกล้าให้กับคุณพี่จีน จนต้อง “เตรียมพร้อมทางทหาร” ถึง 4 ด้าน 4 มิติด้วยกัน เพราะเลยออกไปทางซีกตะวันตก ด้านพรมแดน “จีน-อินเดีย” แถวๆ จังหวัดลาดักห์ หรือแถวๆ หุบเขา “Galwan” ที่เคยเกิดการปะทะระหว่างทหารจีนกับทหารอินตะระเดีย ชนิดต้องคว้ามีด คว้าไม้ คว้าก้อนหิน และกระบองมาไล่ทุบ ไล่ฟาด ซึ่งกันและกัน จนทหารแขกตายไปถึง 20 ราย ดังที่เป็นข่าวคราวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันก็ไม่ถึงกับ “ลดราวาศอก” ลงไปมากมายสักเท่าไหร่ แม้ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของจีนและอินเดีย จะบินไปพบปะ เจอะเจอ เจ๊าะแจ๊ะเจรจากันที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนเกิดข้อตกลงหรือเกิดแนวทางในการลดความตึงเครียดที่เรียกๆ กันว่า “Five-point plan” ขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม...
อันเนื่องมาจากเอาไป-เอามาแล้ว...ความขัดแย้ง การกระทบกระทั่งระหว่างจีนและอินเดียในช่วงหลังๆ นี้ มันคงไม่ได้เป็นแค่เพราะ “ความหิวโรตี” ของทหารแขก หรือ “ความหิวก๋วยเตี๋ยว” ของทหารจีน บริเวณพื้นที่ชายแดน แค่ไม่กี่ศอก กี่วา หรือแถวๆ หุบเขาอันแห้งแล้ง โดดเดี่ยว ที่ไม่ได้ถึงกับสำคัญอะไรมาก เพราะถ้าว่ากันให้ลึกๆ ลงไปแล้ว มันยังมีความขัดแย้งและการกระทบกระทั่งที่ออกจะดุเดือดรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้นอีกเยอะแยะมากมาย ชนิดที่แผน “Five-point plan” อาจช่วยอะไรไม่ได้ หรืออาจต้องอาศัยแผนในระดับโลก อย่าง “แผนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก” (Indo-Pacific Strategy) โน่นเลย มันถึงอาจพอพูดจาว่ากล่าวกันได้ถนัดๆ เพียงแต่ว่า...แผนนี้ มันดันเป็นแผนของคุณพ่ออเมริกาเขาอีกนั่นแหละ ที่ถูกเนรมิตสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อ “ปิดล้อม” คุณพี่จีนกันโดยเฉพาะ ด้วยเหตุนี้...เลยคงต้องขออนุญาตไปลากต่ออีกสักวัน...